จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย ไทยเราจะเป็นอย่างไร?

ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย ไทยเราจะเป็นอย่างไร?

         ในช่วงปีสองปีนี้ สิ่งที่เป็นความกังวลของคนทั้งโลกก็คือ ภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างแรงและเร็วของธนาคารกลางในหลายๆประเทศ เราเห็นภาวะเงินเฟ้อก่อตัวขึ้นอย่างเด่นชัดเมื่อปีที่แล้วในสหรัฐอเมริกา แต่ประธานเฟดกลับมีความเห็นว่าเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว จึงไม่ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเพื่อกำราบ กลับกลายเป็นการบ่มเพาะภาวะเงินเฟ้อให้รุนแรงมากขึ้น ผ่านมา 1 ปี กอปรกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย และการที่รัสเซียรวมทั้งยูเครนเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตร สงครามทำให้การทำเกษตรเป็นไปได้อย่างลำบาก ส่งผลให้สินค้าเกษตรขาดแคลน ราคาจึงถีบตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อที่แย่อยู่แล้วให้แย่ลงไปอีก 

       ต่อมาเฟดเริ่มเปลี่ยนความคิดว่า เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภาวะชั่วคราวเสียแล้ว และเริ่มหวั่นเกรงว่าจะเป็นต้นเหตุแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจจึงมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างก้าวกระโดดและต่อเนือง โดยเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ตามรายละเอียดในภาพที่ 1

 
ภาพที่ 1 การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐและไทยปี 2565 ที่มา: สถานีโทรทัศน์ อสมท

       ทำให้เมื่อต้นปีดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐที่ต่างกันเพียง 0.25-0.5% เท่านั้น แต่ล่าสุดเดือนกันยายนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ 3-3.25% โดยตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนกันยายนสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไป 5 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 3% ในขณะที่ประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยไปเพียง 2 ครั้งโดยเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม 0.25% และอีก 0.25% ในเดือนกันยายน ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย = 1% จึงมีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสองประเทศอยู่ที่ 2-2.25% ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จากต้นปีที่ 1$ มีค่าเท่ากับ 33.12 บาท แต่มาล่าสุดวันที่ 29 กันยายนเงินบาทอ่อนมาแตะที่ 38.46 บาท อ้อนค่าลง 5.34 บาท หรือคิดเป็น 16.12% ตามภาพที่ 2

 
ภาพที่ 2 ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่มา: investing.com 

        ไม่ใช่เพียงแต่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ค่าเงินสกุลหลักๆไม่ว่าจะเป็น ยูโร ปอนด์ และเงินเยนของญี่ปุ่น ก็มีค่าอ่อนลงอย่างมาก ตามรูปที่ 3, 4 และ 5

 
ภาพที่ 3 ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่มา: investing.com

 
ภาพที่ 4 ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่มา: XE.com

 
ภาพที่ 5 ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่มา: XE.com

 
ภาพที่ 6 เปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างๆเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ 

      จากภาพที่ 6 จะเห็นได้ชัดว่าค่าเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าอย่างรุนแรง เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง)ขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งละ 0.25% และตั้งแต่ต้นปีมาขึ้นดอกเบี้ยไปเพียง 2 ครั้ง รวมแล้วเท่ากับ 0.5%เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มฟื้นตัวและหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยยังอยู่ในระดับสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียนรวมทั้งธุรกิจ smes ซึ่งยังอ่อนแรงจากปัญหาโควิดระบาด การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป ก็จะส่งผลกระทบให้กับธุรกิจเหล่านี้รวมทั้งกลุ่มลูกหนี้ต่างๆไม่สามารถที่จะอยู่รอดได้ ยิ่งปัญหาเงินเฟ้อในประเทศไทยก็อยู่ในระดับที่สูง ตัวเลขล่าสุดเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 7.86% เมื่อเทียบกับเมื่อเดือนกรกฎาคมที่อยู่ที่ 7.61% ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นอย่างมาก 

        เปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนไปแล้ว สินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่เราควรจะตรวจสอบดูก็คือราคาทองคำ ในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินบาท
ภาพที่ 7 ราคาทองคำเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่มา: nasdaq.com

 
ภาพที่ 8 ราคาทองคำเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท ที่มา: https://xn--42cah7d0cxcvbbb9x.com/

 
ภาพที่ 9 ราคาทองคำเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาท

 ภาพที่ 9 ถึงแม้ราคาทองคำเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนลงประมาณ 10% แต่ถ้าเราซื้อทองคำในประเทศไทย กลับมีราคาสูงขึ้น 2.4% เพราะว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง
ภาพที่ 10 เงินกองทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทย ที่มา: https://www.ceicdata.com/en/indicator/thailand/foreign-exchange-reserves 

 และจากภาพที่ 10 จะเห็นได้ว่าเงินกองทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทย ที่เมื่อต้นปีอยู่ที่ 221.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ล่าสุดเหลือเพียง 195.1 พันล้านเหรียญสหรัฐเมี่อสิ้นเดือนสิงหาคม ลดลงไป 26.65 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 8.32% เหตุผลหลักๆก็คงเป็นเพราะทองคำและเงินทุนสำรองที่อยู่ในรูปสกุลเงินอื่นๆที่ไม่ใช่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 

      เนื้อที่หมดแล้ว คงต้องยกยอดไปต่อในบทความหน้า แต่จะบอกใบ้ให้ว่าอัศวินขี่ม้าขาวที่จะมาช่วยเศรษฐกิจไทยปีหน้าก็คือ การท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นตัวจักรกลหลักที่จะทำให้ GDP ของไทยปีหน้าดีกว่าปีนี้ 

กิติชัย เตชะงามเลิศ
29/9/65

 ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่ 

Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai 
Twitter : http://twitter.com/value_talk Instagram : Gid_Kitichai 
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9 

      ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

    มายคอนโด สุขุมวิท 81 1 นอน ถูกสุดใน 3 โลก ห้องสวย เพิ่งตกแต่งใหม่ เจ้าของขายเอง เดิน 4 นาที จาก BTS อ่อนนุช

1 นอน 1 น้ำ พื้นที่ 34.81 ตรม. ห้องหันทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห้องสวย เพิ่งตกแต่งใหม่หมดทั้งห้อง ปูพื้นใหม่ทั้งห้อง ทาสีฝ้าใหม่ทั้งห้อง ติดวอลเปเปอร์ใหม่ทั้งห้อง เปลี่ยนแอร์ใหม่ทั้ง 2 ตัว พร้อมผ้าม่าน เตาไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องซักผ้า Smart TV 40 นิ้ว เครื่องทำน้ำอุ่น และ Microwave ราคา 2.6 ล้านบาท ค่าเช่า 11,000 บาท/เดือน 

 ดูวีดีโอที่ https://youtu.be/xvdsglhXyRU
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ มายคอนโด สุขุมวิท 81 ได้ที่ https://photos.app.goo.gl/UzF4o3rN9e1L3FwdA 
 หรือ https://www.dropbox.com/sh/atdwbx6q3xyi78c/AAA8OI9pXXEPOVTpTo0mTrY2a?dl=0
ที่อยู่: 44 ซอยสุขุมวิท 81 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10250 พิกัด 13.705823, 100.603723 

 โครงการ มายคอนโด สุขุมวิท 81 นี้มี 8 ชั้น มีจำนวนห้องทั้งหมด 146 ยูนิต, ห่างจาก สถานี BTS อ่อนนุช , ห้างโลตัสอ่อนนุช ประมาณ 200 เมตร และ 600 เมตรจากห้างคาร์ฟูร์อ่อนนุช ใกล้ทางด่วน สุขุมวิท 50 และสุขุมวิท 62

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565

จะลงทุนอย่างไรในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อที่สูง

               จะลงทุนอย่างไรในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อที่สูง

 

         เงินเฟ้อทั่วโลกโดยเฉพาะที่สหรัฐสูงขึ้นมากว่าภาวะปกติร่วม 2 ปีแล้ว แต่อาการหนักหนาสาหัสก็เป็นช่วงเร็วๆนี้ ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมาอย่างมาก จากที่เคยอยู่แถว 60-70 $/บาร์เรล ทะยานขึ้นมาจนถึง 120 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล เท่ากับว่าขึ้นมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเกิดจากภาวะสงครามรัสเซียยูเครน ทำให้อุปทานน้ำมันหายไปจากตลาดเป็นจำนวนมาก จากการแซงชันของประเทศในยุโรป โดยการลดและเลิกซื้อน้ำมัน แก๊ส รวมทั้งถ่านหินจากรัสเซีย ซึ่งน่าจะส่งผลถึงราคาพลังงานทั่วโลกแล้ว รัสเซียและยูเครนเป็น 2 ประเทศที่ส่งออกอาหารอยู่ในสัดส่วนที่สูง จากภาวะสงครามทำให้การส่งออกอาหารลดลงอย่างมาก ส่งผลต่อราคาอาหารทั่วโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่งผลให้สินค้าอาหารที่ทดแทนกันได้ ราคาก็พุ่งสูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน 

 

        เงินเฟ้อของสหรัฐเดือนล่าสุดประกาศออกมาสูงถึง 8.6 เปอร์เซ็นต์ หักปากกาเซียนรวมทั้งการคาดการณ์ของเฟด ที่ก่อนหน้านี้เอาใจตลาดจนเกินไป มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าและน้อยกว่าที่ควร จึงต้องมาโหมขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร่ง ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นของแสลงกับสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นตราสารทุนตราสารหนี้และคริปโตเคอเรนซี่ทั้งหลาย โดยตลาดหุ้นสหรัฐตกลงไปจากราคาสูงสุด 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว ในขณะที่ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ bitcoin ราคาร่วงจากที่เคยขึ้นไปสูงถึง 69,000$ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2564 ก็ตกลงมาอยู่ต่ำกว่า 20,000$ แล้ว หรือตกลงมาประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และมีบางเหรียญที่ราคาตกลงไป 99 เปอร์เซ็นต์แล้ว นับว่าเป็นบทเรียนที่แสนเจ็บปวดสำหรับนักเก็งกำไร 

 

        นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่าอาจจะเห็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในปีหน้า จากสภาวะ

Inverted yield Curve ที่อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐ 2 ปีอยู่สูงกว่าพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งคราวนี้น่ากลัวมาก เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังขึ้นแรง จากการที่เฟดพยายามจะจัดการปัญหาเงินเฟ้อซึ่งรุนแรงมาก เราเริ่มเห็นสัญญาณการปลดพนักงานจากบริษัทในหลายๆอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น Shopee สั่งปลดพนักงานออกเกือบครึ่งในหลายประเทศ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคริปโตเคอเรนซี่ต่างก็ปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก และล่าสุดเทสล่าก็ประกาศว่าจะลดพนักงานลง เมื่อแรงงานเริ่มทยอยถูกปลดออกจากงาน ถ้ามีปริมาณแรงงานที่ถูกให้ออกจากงานมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ Demand ในสินค้าและบริการลดลง เนื่องจากคนสูญเสียงานไม่มีรายได้ และในที่สุดเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบเต็มตัว 

 

      คำถามก็คือว่าแล้วมีสินทรัพย์อะไรบ้างที่พอจะลงทุนได้ในช่วงนี้ ทองคำก็ไม่ได้ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวเสียทีเดียว เนื่องจากช่วงนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งกว่าค่าเงินสกุลอื่นๆทั่วโลก ซึ่งทำให้ราคาทองคำไม่สามารถที่จะขึ้นไปได้ ประกอบกับการที่ธนาคารชาติทั่วโลกต้องหันมาใช้นโยบายขึ้นดอกเบี้ยยังเร่งรีบ และขึ้นในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นของแสลงสำหรับราคาทองคำ ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน คิดว่าน่าจะขึ้นสูงสุด ภายใน 3 ถึง 6 เดือนข้างหน้า จึงไม่น่าจะลงทุน ถ้าเช่นนั้นจะลงทุนอะไรดีล่ะ ผมคิดว่าทางเลือกในการลงทุนในช่วงนี้มีไม่มาก แต่สินทรัพย์ที่พอจะลงทุนได้ก็น่าจะมีดังต่อไปนี้



1.    ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี การซื้อตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว

2.    อสังหาริมทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เป็นทางเลือกที่ดี จะช่วย hedge เรื่องเงินเฟ้อ

3.    ตราสารทุนที่ให้อัตราเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจ และคาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า ผลกำไรและอัตราการจ่ายปันผลจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน

4.    ตราสารหนี้ระยะสั้น ไว้เป็นที่พักเงิน  เพื่อรอซื้อสินทรัพย์ดีๆที่ราคาตกลงมา จนทำให้เกิด Safety of margin

5.    ทองคำ แต่ไม่ควรเกิน 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตการลงทุน เพราะว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ถ้าราคาไม่เปลี่ยนแปลง

6.   ตราสารทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ESG(Environment, Social, และ Governance) ซึ่งเป็น mega trend ต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า

7.   สำหรับนักลงทุนที่สวมหัวใจสิงก์ หุ้นจีนก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ถึงแม้จะมีความผันผวนสูง แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากราคาช่วงที่ผ่านมาได้ลงมาค่อนข้างมากแล้ว


         สินทรัพย์ที่ไม่ควรลงทุนอย่างยิ่งคือคริปโตเคอเรนซี่ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับกับราคาที่เวอร์วัง ถึงแม้ว่าราคาจะตกลงมามากมายแล้วก็ตาม เป็นสินทรัพย์ที่ราคายืนอยู่ได้ในระดับนี้จากการที่คนยังมีศรัทธ าและมีเงินใหม่ๆเข้ามาช่วย support ราคา ซึ่งดูๆไปก็มีบางส่วนคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ เพียงแต่ยังไม่เข้าข่าย 100% เท่านั้น นักลงทุนระดับโลกไม่ว่าจะเป็นวอร์เรนบัฟเฟตต์ ชาลีมังเกอร์ หรือแม้กระทั่งบิลเกตส์ เจ้าของ Microsoft ซึ่งเพิ่งออกมาพูดว่า Cryptocurrency คือ “The greater fool theory” คือมีเพียงแต่คนโง่ที่จะซื้อสินทรัพย์ประเภทนี้ และคาดหวังว่าจะมีคนโง่กว่าเข้ามาซื้อจากเขาในราคาที่สูงกว่า


         ส่วนเจ้าของธุรกิจท่ามกลางสภาวะเช่นนี้สิ่งที่ควรจะต้องทำและหลีกเลี่ยงก็คือ


1. ไม่ขยายกิจการ ถ้าไม่มั่นใจมากกว่า 90% ขึ้นไป
2. ลดต้นทุนกิจการโดยที่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ
3. พยายามหาทางลูกค้ากลุ่มใหม่ และในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม


       สุดท้ายนี้ขอย้ำหมายเหตุการลงทุนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนยิ่งมีความเสี่ยงกว่า และอย่าเอาไข่ไปใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว 


กิติชัย เตชะงามเลิศ


    18/06/2565


  ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ


ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Instagram : https://www.instagram.com/gid_kitichai/

 

 

15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์ 2 ยูนิต ชั้น 2X แต่งสวย วิวสุดยอด ถูกสุดใน 3 โลก เจ้าของขายและปล่อยเช่าเอง

 

1. ห้อง 1 นอน 1 น้ำ ชั้น 24, 59.29 ตารางเมตร ตกแต่งสวยมาก เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน มี ผ้าม่าน อ่างอาบน้ำ Sofa bed ซึ่งสามารถพับออกมาเป็นเตียงนอนได้ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น Hitachi #R-H230PA SLS 7.9 คิว เครื่องซักผ้าฝาหน้า Digital TV 43 นิ้ว และ Android TV 40 นิ้ว เครื่องทำน้ำร้อน และ Microwave เป็นมุมที่สวยของตึก ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ราคา 6.9 ล้านบาท ค่าเช่า 23,000 บาท/เดือน

 



ดู VDO @  https://youtu.be/jsI-ENMQZ1I

 

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพห้อง 12/478(2405) ได้ที่ 

 

https://photos.app.goo.gl/rgyhqJkzawcpz2Mq6

 

หรือ https://www.dropbox.com/sh/ro3uxw8wyv9ydtk/AAC68mm7JT9FZ-czwoRKEF4Ia?dl=00

 






2. แบบ B2 ห้อง 1 นอน 1 น้ำ ชั้น 20, 59.29 ตารางเมตร ห้องหันไปทิศใต้ ตกแต่งสวยมาก วิวสวยมาก เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน มี ผ้าม่าน อ่างอาบน้ำ Sofa bed ซึ่งสามารถพับออกมาเป็นเตียงนอนได้ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น 7.9 คิว เครื่องซักผ้าฝาหน้า Digital TV 40 นิ้ว และ Android TV 40 นิ้ว เครื่องทำน้ำร้อน และ Microwave เป็นมุมที่สวยของตึก ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ราคา 6.9 ล้านบาท ค่าเช่า 25,000 บาท/เดือน

 

ดู VDO @ https://youtu.be/FTxuVzynJjI

 

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอห้อง 12/400(2003) ได้ที่

 

https://photos.app.goo.gl/NZeW4iZCVjVPfW7fA

 

หรือ https://www.dropbox.com/sh/im2mpjoom0dpx1u/AACyWi0Ye6wUImFQLkZHB6jJa?dl=0

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว)

                        Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว)

 

               Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว) เป็นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นให้เกิดความกินดีอยู่ดีของมนุษย์และความเท่าเทียมกันทางสังคม โดยตั้งอยู่บนฐานของการพัฒนาแบบยั่งยืน และคำนึงถึงความสัมพันธ์ของระบบนิเวศน์และเศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหาโลกที่กำลังเผชิญกับความเสียสมดุลจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ที่กำลังเพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากร 7.8 พันล้านคนในปีคศ. 2020 และจะขึ้นไปถึง 10 พันล้านคน ในปีคศ. 2050(ตามภาพที่ 1) ซึ่งจะนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านอาหารและพลังงาน พื้นที่ทำการเกษตรและที่อยู่อาศัย จีงเกิดการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ทำให้ทรัพยากรลดจำนวนลงไปมาก บางส่วนก็เสื่อมโทรม นอกจากนั้นยังมีการปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และของเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก จนเกินความสามารถของโลกที่จะรองรับได้

 


ภาพที่ 1 การเจริญเติบโตของจำนวนประชากรโลก ระหว่างปีคศ. 1950-2100

ที่มา https://www.ncbi.nlm.nih.gov/

 

                จึงทำให้เกิดแนวคิด ESG (Environment, Social, และ Governance หรือ สิ่งแวดล้อม สังคม และ การกำกับดูแล)  ซี่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน ESG เป็นหนี่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน โดย Environment คำนึงถึงหลักเกณฑ์ในด้านความรับผิดชอบของบริษัทต่อสิ่งแวดล้อม Social คำนึงถึงหลักเกณฑ์ในด้านการจัดการความสัมพันธ์และมีการสื่อสาร กับลูกจ้าง suppliers ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ Governance คำนึงถึงหลักเกณฑ์ในด้านการจัดการบริการความสัมพันธ์ในเชิงการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย

 

               Karl Burkart ปรมาจารย์ด้าน Green Economy ได้แบ่งเศรษฐกิจสีเขียวออกเป็น 6 ส่วน ดังนี้

 

  • Green Energy ซึ่งนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น พลังงานน้ำ ลม แสงแดด ความร้อนใต้พิภพ ฯลฯ เป็นพลังงานธรรมชาติที่ไม่หมดไปเหมือนเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างเช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เทรนด์ทั่วโลกในปัจจุบันส่งเสริมการใช้ Green Energy รวมทั้งประเทศไทย รัฐบาลก็ได้ส่งเสริมการใช้โซล่าเซลล์ รวมทั้งพลังงานน้ำ และกังหันลม

 

  • อาคารสีเขียว (Green Building) คืออาคารที่สร้างขึ้นโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดวัฏจักรชีวิต (life cycle) ของตัวอาคาร ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเลือกพื้นที่ทำเล การออกแบบ การก่อสร้าง การดำเนินการ การดูแล การซ่อมแซมปรับปรุง ที่จะมีผลต่อสุขภาพของผู้คน (Human Health) และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ (Natural Environment) โดยออกแบบและสร้างให้ใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างน้อย และประหยัดพลังงานในการใช้สอย เช่น การติดตั้งโซล่าเซลล์ ระบบหมุนเวียนน้ำฝนมาใช้ภายในอาคาร ฯลฯ โดยมีการใช้ LEED หรือ Leadership in Energy & Environmental Design ซี่งสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Green Building Council (USGBC) ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและออกแบบอาคาร เพื่อพัฒนาให้เกิดอาคารสีเขียว ตั้งแต่ปีคศ. 1993โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า15,000 ราย ซึ่งจำนวนนี้ เป็นทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน เป็นผู้กำหนดเกณฑ์ในการประเมินอาคารต่าง ๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ เป็นเกณฑ์ประเมินอาคารเขียว โดยอาคารในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจาก LEED ได้แก่ อาคารพาร์คเวนเจอร์ สาทรสแควร์ คิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรีพัทยา ธนาคารกสิกรไทยสาขาพหลโยธิน ฯลฯ นอกจากนี้ประเทศไทยเรายังมีการใช้เกณฑ์ TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) เพื่อประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดย Thai Green Building Institute (TGBI) วี่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานอาคารเขียว 

 

  • พาหนะสะอาด ยานพาหนะซึ่งใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น รถไฮบริดจ์ รถพลังไฟฟ้า ฯลฯ จากภาพที่ 2 จะเห็นการเติบโตอย่างมากของรถยนต์ EV ระหว่างปีคศ. 2015-2020 โดยมี TESLA เป็นผู้นำในตลาด

 


            ภาพที่ 2 การเติบโตของรถยนต์ EV ระหว่างปีคศ. 2015-2020

           ที่มา https://www.iea.org/

 

  • การจัดการน้ำ มีการอนุรักษ์แหล่งน้ำในธรรมชาติ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเชิงเศรษฐกิจให้มีการใช้งานคุ้มค่า มีการบำบัดน้ำเสียจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างปลอดภัย ฯลฯ

 

  • การจัดการของเสีย การนำขยะกลับมาใช้ใหม่ การบำบัดของเสีย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ให้เกิดขยะน้อยที่สุด

 

  • การจัดการที่ดิน การอนุรักษ์ที่ดิน การฟื้นฟูสภาพดิน การจัดพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ป่าชุมชน เกษตรอินทรีย์ ฯลฯ

 

              ปัจจุบันมีการจัดหาเงินทุนของการลงทุนสีเขียวทั้งของภาครัฐและเอกชนผ่านช่องทาง Blockchain โดยหน่วยงานกำกับดูแล Blockchain สีเขียวที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ได้แก่ Fintech Corporation of London, Green Finance International Committee เป็นต้น

 

กิติชัย เตชะงามเลิศ

29/4/2565

 

อ้างอิง: http://thairealestate.org/

              https://hmong.in.th/

              https://www.arda.or.th/

              https://www.tris.co.th/

 



  ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ


ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Instagram : https://www.instagram.com/gid_kitichai/

 

 

มายคอนโด สุขุมวิท 81 1 นอน ถูกสุดใน 3 โลก ห้องสวย เพิ่งตกแต่งใหม่ เจ้าของขายเอง เดิน 4 นาที จาก BTS อ่อนนุช

 

1 นอน 1 น้ำ  พื้นที่ 34.81 ตรม. ห้องหันทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห้องสวย เพิ่งตกแต่งใหม่หมดทั้งห้อง ปูพื้นใหม่ทั้งห้อง ทาสีฝ้าใหม่ทั้งห้อง ติดวอลเปเปอร์ใหม่ทั้งห้อง เปลี่ยนแอร์ใหม่ทั้ง 2 ตัว พร้อมผ้าม่าน เตาไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องซักผ้า Digital TV 40 นิ้ว เครื่องทำน้ำอุ่น และ Microwave ราคา 2.4 ล้านบาท ค่าเช่า 10,000 บาท/เดือน

 

ดูวีดีโอที่ https://youtu.be/xvdsglhXyRU




 

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ มายคอนโด สุขุมวิท 81 ได้ที่

 

https://photos.app.goo.gl/UzF4o3rN9e1L3FwdA

 

หรือ https://www.dropbox.com/sh/atdwbx6q3xyi78c/AAA8OI9pXXEPOVTpTo0mTrY2a?dl=0







 

ที่อยู่: 44 ซอยสุขุมวิท 81 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10250

 

พิกัด 13.705823, 100.603723

 

โครงการ มายคอนโด สุขุมวิท 81 นี้มี 8 ชั้น มีจำนวนห้องทั้งหมด 146 ยูนิต, ห่างจาก สถานี BTS อ่อนนุช , ห้างโลตัสอ่อนนุช ประมาณ 200 เมตร และ 600 เมตรจากห้างคาร์ฟูร์อ่อนนุช ใกล้ทางด่วน สุขุมวิท 50 และสุขุมวิท62

 

ค่าส่วนกลาง 51.50 บาท/ตรม. เงินกองทุนคอนโด 500 บาท/ตรม.

 

CALL     : 081-8118229

LINE      : drdrdrdrdrdrdrdr

WeChat : gid_kitichai

EMAIL : gid1998@gmail.com