AEC
กับการท่องเที่ยว
มนุษย์เรากับการท่องเที่ยวเป็นของคู่กัน
หลายๆ คนให้การท่องเที่ยวเป็นรางวัลของชีวิต ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลายคนพยายามอดออมเงินโดยตัดค่าใช้จ่ายบางอย่างลง
เพื่อที่จะมีเงินเพียงพอสำหรับทริปในฝัน ผมเริ่มท่องเที่ยวไปในโลกกว้างตั้งแต่อายุ
19
ปี จากเงินน้ำพักน้ำแรงของผมเองที่เริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 12
ปี หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ผมจากไป
ครั้งแรกผมเดินทางท่องเที่ยวไปกับคณะทัวร์
เพราะว่ายังไม่กล้าที่จะเดินทางด้วยตนเอง
หลังจากนั้นมาผมก็ท่องเที่ยวปีละครั้งหรือสองครั้ง บางปียุ่งหน่อยก็ไม่ได้เดินทาง
การท่องเที่ยวทำให้เราได้เห็นและเรียนรู้ภาษา ศิลปะและวัฒนธรรมรวมทั้งความเป็นอยู่
อาหารการกินของชนชาติต่างๆ ที่เราเดินทางไป
ผมสังเกตเห็นลูกทัวร์หลายคนมักจะพกมาม่าหรือมิฉะนั้น
หัวหน้าทัวร์เองก็จะพกไปไว้เผื่อลูกทัวร์บางคนจะทานอาหารท้องถิ่นไม่ถูกปาก ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
เพราะคนเหล่านั้นพลาดที่จะได้เรียนรู้อาหารชาติอื่นๆ
ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวในความคิดเห็นของผม
บางครั้งคณะทัวร์ที่ผมร่วมเดินทางไปด้วย
เลือกที่จะไปช็อปปิ้งมากกว่าที่จะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นที่แสดงศิลปะวัตถุต่างๆ
ที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมของชาชาตินั้นๆ และพัฒนาการในหลายๆ ด้าน
บางครั้งผมพลอยอดที่จะไปพิพิธภัณฑ์เพราะว่าเสียงส่วนใหญ่ของคณะทัวร์เลือกที่จะช็อปปิ้งแทน
ทำให้ผมมีความคิดที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปในโลกกว้างด้วยตัวเอง
แต่ความที่ผมไม่เคยไปศึกษาหรือใช้ชีวิตในต่างแดน
และภาษาอังกฤษผมก็ไม่เก่งมากนักในขณะนั้นผมจึงไปสมัครเรียนคอร์สมัคคุเทศก์ทันทีที่เพื่อนของผมคนหนึ่งชวน
หลังจากเรียนจบได้ใบประกาศนียบัตร
ผมก็ไปสมัครเป็นหัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ที่บริษัททัวร่แห่งหนึ่ง
เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ในการเดินทางการติดต่อกับโรงแรม Local Guide ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมได้มีโอกาสฝึกหัดและใช้ภาษาอังกฤษทำให้ผมทราบว่า
บางครั้งหัวหน้าทัวร์ก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายนักจำได้ครั้งหนึ่งผมเคยพาคณะทัวร์ไปเที่ยวประเทศออสเตรเลีย
โดยที่ผมเองก็ยังไม่เคยเดินทางไปประเทศนี้มากก่อนเช่นกัน ผมต้องศึกษาเมืองและเส้นทางการเดินทางที่จะไปจากหัวหน้าทัวร์รุ่นพี่อย่างละเอียดเพื่อให้คณะทัวร์เดินทางไปอย่างราบรื่น
ปรากฏว่าหลังจากสิ้นสุดการเดินทาง ลูกทัวร์มาถามผมว่าคุณกิ๊ตคงเดินทางมาออสเตรเลียจนเบื่อเลย
ในใจอยากจะตอบว่านี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่มาออสเตรเลียเหมือนกันครับ
หลังจากทำงานหัวหน้าทัวร์ Part time
2-3 ปี
ผมเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากนั้นผมก็เลิกทำงานทัวร์
แล้วเริ่มเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งทำให้ประสบการณ์การเดินทางด้วยตัวเองมีมากกว่าการเดินทางไปกับคณะทัวร์ ผมได้ติดต่อสื่อสารกับคนท้องถิ่น
ชิมอาหารจากร้านอาหารที่ไม่ใช่ทำเพื่อคณะทัวร์ไปในสถานที่ที่อยากไปไม่ต้องไปสถานที่ที่ไม่อยากไป
ใช้เวลานานแค่ไหนในสถานที่ที่ชื่นชอบก็ได้ ไม่ใช่ทัวร์บนรถบัส
แล้วแวะเที่ยวสถานที่ละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง
ซึ่งผมมักจะเรียกทัวร์แบบนี้ว่าทัวร์คมๆ
ปลายปี 2558 เราจะมี AEC แล้ว
เราคงจะเห็นการเดินทางมาทำงานหรือทำธุรกิจและท่องเที่ยวระหว่างประชากรใน ASEAN
มากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางในปัจจุบันก็ถูกลงมาก
โดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินของมาเลเซียหลังจากที่มี LOWCOST AIRLINE เกิดขึ้นโดยเฉพาะสายการบิน AIR ASIA ที่เป็นผู้นำในด้านนี้
ปัจจุบันนี้มี BUDGET AIRLINE ท้องถิ่นมากมายไม่ว่าจะเป็น LION
AIR ของอินโดนีเซีย , JETSTAR (บริษัทลูกของ QUANTAS), TIGER AIRWAYS ของสิงคโปร์ และ AIRASIA เองก็ได้ไปร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น
นำสายการบิน LOWCOST ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
อินเดีย และญี่ปุ่น มีที่ญี่ปุ่นประเทศเดียวที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
อาจจะเป็นเพราะชาวญี่ปุ่นไม่คุ้นเคยกับการจองตั๋วแบบนี้
ยังนิยมจองตั๋วกับเอเยนต์หรือซื้อทัวร์เสียมากกว่า ธุรกิจโรงแรมเอง
โดยเฉพาะในเมืองไทยคึกคักน่าดู เนื่องจากปีนี้ไทยเราไม่มีปัญหาการประท้วงหรือความวุ่นวายทางการเมืองมากนัก ภัยพิบัติต่างๆ
ถึงแม้จะมีแต่ก็ไม่รุนแรงเหมือนปี 2554 ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นประวัติการณ์
โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมีการเติบโตสูง และอยู่อันดับต้นๆ
ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย จากอานิสงค์ภาพยนตร์เรื่อง “LOST IN
THAILAND” หนังต้นทุนต่ำที่ทำรายได้ถล่มทลายในประเทศจีนเมื่อปีก่อน
ซึ่งมาถ่ายทำที่เมืองไทยในหลายจังหวัดโดยเฉพาะเชียงใหม่ ทำให้เชียงใหม่
สองปีนี้ไม่มี LOW SEASON นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกระจายไปเที่ยวเมืองต่างๆ
มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ ทำให้ไม่กระจุกตัวเพียงแค่บางเมือง
TREN ของโรงแรมที่น่าจะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ASEAN
รุ่นใหม่น่าจะเป็น BUDGET HOTEL อย่างเช่น IBIS
HOTEL ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต้องการแค่โรงแรมที่สะอาด
ปลอดภัยอยู่ในตัวเมืองใกล้ MASS COMMUNICA TION อย่างเช่นรถไฟฟ้า
หรือสถานีรถไฟ ในราคาที่ประหยัด ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ไปด้วย คือ พวกร้านอาหาร
สปา ห้างสรรพสินค้าร้านค้า โดยเฉพาะ DUTY FREESHOP วันก่อนผมไปทำธุระที่
KING POWER ผมเห็นนักท่องเที่ยวจีนเต็มไปหมด
ประมาณด้วยสายตาน่าจะมากกว่า 80% ของลูกค้าของ DUTY
FREESHOP แห่งนี้ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น
กิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้
สนามบินก็จะพลอยได้รับประโยชน์จากค่าธรรมเนียมในการใช้สนามบินของนักเดินทางและสายการบินต่างๆ
ยิ่งการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งบริการสนามบินหลัก 6
เมือง จะขึ้นค่าธรรมเนียม Passenger Service Charge (PSC) สำหรับสนามบินนานาชาติจาก 700 เป็น 800 บาท และสนามบินท้องถิ่นจาก 100 เป็น 150 บาท ในเร็วๆ นี้
น่าจะยิ่งเป็นปัจจัยบวกเสริมจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น
บวกกับค่าธรรมเนียม PSC ที่สูงขึ้น สำหรับท่านที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้น มีหลายบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว ลองนำมาวิเคราะห์ต่อยอดดูนะครับ เผื่อจะได้กำไรจากการลงทุนเป็นค่าเดินทางในทริปต่อไปก็ได้นะครับ สำหรับท่านที่เป็นนักลงทุน การเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศต่างๆ อาจทำให้เห็นช่องทางในการลงทุน ไม่ว่าจะนำสินค้าเข้ามาขายหรือนำสินค้าไทยไปขายในช่องทางต่างๆ ที่ประเทศนั้นๆ หรือบางครั้งยังเห็นธุรกิจบางอย่างที่สามารถนำมาทำในประเทศไทย หรือกระทั่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างแดน
กลับมาที่ตลาดหุ้นช่วงนี้
ตลาดยังรีรอเรื่องงบประมาณ สหรัฐที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้กับเรื่อง QE
ว่าจะ TAPERING และยกเลิกเมื่อใด
แต่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว
ทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักลงทุนควรจะสะสมหุ้นเข้าไว้ในพอร์ตเมื่อเวลาตลาดหุ้นอ่อนตัวลงมาไว้ทำกำไรในปีหน้ากันนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
16/10/56
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน
ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa ทุกเดือน
สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
คอนโดหรูในซอยสุขุมวิท 23 (ประสานมิตร) (เดิน 6 นาที จาก MRT,BTS อโศก) ราคา
50,000/ตรม.
ขาย-เช่า
คอนโดเพรสทรีจคอนโด อยู่ในซอยสุขุมวิท 23 (ประสานมิตร) ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน
(สุขุมวิท) และสถานีรถไฟฟ้า BTS (อโศก) ไม่ถึง 500 เมตร ทางไปตึกเริ่มจากปากซอยสุขุมวิท23(ซอยนี้เป็นทางลัดไปออกสุขุมวิท55ทองหล่อและถนนเพชรบุรีได้)ตรงเข้าซอยไป200ม.ถึง3แยกเลี้ยวขวา ตรงไป50ม.เป็น4แยกเล็กๆเลี้ยวซ้าย ตรงไป100ม.เป็น4แยกเล็กๆให้ตรงไปอีก30ม.ตึกอยู่ขวามีอ
ในโครงการมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องล๊อคเกอร์แยกชายหญิง ห้องที่จะขายอยู่ชั้น 5
อาคาร B เลขที่ห้อง 168/40 พื้นที่ 174.49 ตารางเมตร
พร้อมที่จอดรถส่วนตัว 1 คัน ในห้องนี้ มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รับแขก ครัว ซักล้าง
และห้องคนรับใช้พร้อมห้องน้ำในตัว 1 ห้อง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สวยมาก ครบถ้วน
ขายที่ราคา 8.5 ล้านบาทถ้วน ให้เช่าห้อง 35,000
บาท/เดือน ค่าส่วนกลางเดือนละ4,300บาท
***Still available. ติดต่อ 081-5549777
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น