จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

หุ้นปันผล-ปันผลเป็นหุ้น

                                        หุ้นปันผล-ปันผลเป็นหุ้น

        ที่จริงสัปดาห์นี้ผมควรจะเขียนเรื่อง ธุรกิจเด่น-ดับในปี 2557 ต่อ แต่บังเอิญช่วงนี้เป็นช่วงประกาศจ่ายเงินปันผล หลังจากประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และตลาด MAI บริษัทที่ยังไม่ได้ส่งงบการเงิน ก็จะถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย NP และ SP เพื่อเตือนนักลงทุนและห้ามซื้อขายในเวลาถัดมา ในฐานะที่เป็นนักลงทุนคนหนึ่ง ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่ผมถือหุ้นอยู่ และบริษัทจดทะเบียนที่แม้ไม่ได้ถือหุ้นแต่เฝ้าติดตามผลประกอบการ เผื่อที่จะลงทุนในอนาคต มีทั้งผิดหวัง สมหวัง และเกินคาดหวังจากผลประกอบการที่เพิ่งประกาศมา และอีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนทุกท่านรอคอยก็คือ การประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่ตัวเองถือลงทุนอยู่ บางบริษัทก็มีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละครั้ง บางบริษัทก็จ่ายทุกครึ่งปี บริษัทที่ใจดีและมีสภาพคล่องสูง ก็ประกาศจ่ายเงินปันผลปีละ 4 ครั้งเป้นรายไตรมาศ ท่านนักลงทุนควรจะดูประวัติการประกาศจ่ายเงินปันผล ดูวัน XD และ วันที่จ่ายปันผลจริงในอดีตก็พอจะคาดการณ์ของปีนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะว่าส่วนใหญ่จะส่งงบและประกาศ XD และวันจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนเดียวกัน แต่อาจจะต่างกันแค่วันที่เท่านั้น ส่วนเงินปันผลจะจ่ายมากน้อย ก็อาจจะย้อนดูว่าอดีต 4-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ และอ่านนโยบาย Payout Ratio จากรายงาน 56-1 ของบริษัท แล้วนำมาคำนวณจากกำไรสุทธิทั้งปี ซึ่งท่านนักลงทุนก็พอจะทราบผลกำไรงวด 9 เดือนอยู่แล้ว เพียงคาดหมายกำไรของไตรมาส 4 ก็พอจะคาดการณ์เงินปันผลได้พอเลาๆ ท่านนักลงทุนบางท่านนิยมที่จะลงทุนในหุ้นปันผล(หุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่มี Dividend Yield สูงๆ ซึ่งก็จะเป็นแนวทางการลงทุนที่อนุรักษ์นิยมดี แต่ท่านควรจะตรวจดูผลประกอบการย้อนหลังสัก 4-5 ปี และอัตราเงินปันผลที่จ่ายว่ามีการเติบโตสม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นตะวันตกดิน มีผลประกอบการที่แย่ลงทุกปี ถึงแม้ว่าจะจ่ายปันผลทุกปี หุ้นของบริษัทประเภทนี้ก็ไม่น่าสนใจ ถ้านักลงทุนดูผลประกอบการย้อนหลังแค่ปีเดียว เห็นว่าบริษัทจ่ายปันผลสูง บางครั้งอาจจะเป็นปีที่บริษัทจ่ายปันผลพิเศษ คือนำกำไรสะสมมาจ่ายด้วย หรือปีนั้นบริษัทขายทรัพย์สินของกิจการหรือหุ้นบริษัทในเครือออกไป ได้กำไรมากจึงจ่ายปันผลพิเศษให้ ก็อาจจะทำให้มองภาพการลงทุนของบริษัทนี้ผิดไปได้ ถ้าท่านไม่ได้วิเคราะห์งบการเงินของบริษัทนี้ให้ดีพอ เป็นต้น
          นอกเหนือจากท่านจะต้องวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท (ซึ่งควรจะต้องดูย้อนหลังอย่างน้อย 3-5 ปี) แล้ว การคาดหมายเงินปันผลก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบกับราคาหุ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นที่มีผลประกอบการเหมือนกัน แต่บริษัทหนึ่งจ่ายปันผลอีกบริษัทไม่จ่ายปันผล แน่นอนนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลมากกว่าทำให้ราคาหุ้นและ P/E ของบริษัทแพงกว่าหุ้นที่ไม่จ่ายปันผล นอกจากจ่ายปันผลเป็นเงินสดแล้ว ก็มีหลายๆ บริษัทที่จ่ายปันผลเป็นหุ้น โดยปีนี้เท่าที่ผมนับดูมีสิบกว่าบริษัทที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นควบกับปันผลเงินสด ซึ่งเกือบทุกบริษัทที่จ่ายปันผลทั้งหุ้นและเงินสด จำนวนเงินสดที่จ่ายไป ผู้ถือหุ้นมักจะไม่ได้รับ แต่จะได้เพียงแค่หุ้นปันผล ส่วนเงินสดปันผลถูกนำเป็นเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายของปันผลรวมทั้งหมด ซึ่งบริษัทที่ใช้วิธีนี้ ส่วนใหญ่จะมีความต้องการที่จะเก็บเงินสดไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ แต่กลัวว่าผู้ถือหุ้นจะน้อยใจที่ไม่จ่ายปันผลให้

          ที่จริงการจ่ายปันผลเป็นหุ้น ไม่ได้ทำให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์อะไรเลย กลับเสียประโยชน์เสียด้วยซ้ำ ผมจะยกตัวอย่างว่าสมมติว่าบริษัท A มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านหุ้น ราคา PAR = 1 บาทบริษัทมีกำไรสะสม 20 ล้านบาท ต่อมาบริษัทจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ1หุ้นปันผล และจ่ายเงินสดปันผลหุ้นละ 0.0111111111 บาท คิดเป็นปันผลรวม (0.10+0.0111111111)=0.1111111111 บาท/หุ้น หรือจ่ายปันผลรวม 11,111,111 บาท แต่ส่งผลกระทบให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดไป 1,111,111 บาทตามเงินปันผลที่เป็นเงินสด แต่ทำให้บริษัท A มีทุนจดทะเบียนเป็น 110 ล้านหุ้น เนื่องจากมีหุ้นปันผลใหม่เพิ่มมา 10 ล้านหุ้น
          คราวนี้เรามาดูกำไรสุทธิ ถ้าบริษัทมีผลกำไรสุทธิปีถัดมาที่ 20ล้านบาท ถ้าปีที่แล้วไม่จ่ายปันผลเป็นหุ้น นั่นหมายถึงจะมีกำไรสุทธิ/หุ้น =0.20 บาท แต่เนื่องจากจ่ายปันผลหุ้น กำไรสุทธิ/หุ้นจึงเหลือเพียง 20,000,000/110,000,000=0.182 บาทเท่านั้น ถ้าให้ P/E 15 เท่า ถ้าปีที่แล้วไม่จ่ายปันผลหุ้น ราคาหุ้นควรจะอยู่ที่ 3 บาท แต่ถ้าปีที่แล้วจ่ายปันผลหุ้น ราคาหุ้นจะอยู่ที่ 2.73 บาท เท่านั้น
          เห็นได้ว่าการจ่ายปันผลเป็นหุ้น+เงินสดไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์เลย นอกจากเงินปันผลเป็นเงินสดจะไม่ได้รับแล้ว เพราะถูกนำไปหักเป็นภาษีหัก ที่จ่าย ยังทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทหายไปเท่ากับจำนวนเงินปันผลเงินสด และยังทำให้ราคาหุ้นเมื่อคำนวณด้วย P/E เดียวกันจะมีราคาถูกลง
     สัปดาห์หน้าผมจะมาต่อเรื่องธุรกิจเด่น-ดับ ในปี 2557 ตอนที่ 8 ติดตามอ่านกันนะครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          12/03/57
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
     


สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ขายที่ดินในหมู่บ้านวินด์มิลล์ เฟส2 แปลงหัวมุม ด้านหลังติดทะเลสาบ เลขที่ F143 ซอย NORTH 11 พื้นที่ 333 ตารางวา  ม.14ถ.บางนา-ตราด กม.10.5 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี  จังหวัดสมุทรปราการ10540 หน้ากว้าง 30 เมตร ยาว 45 เมตร โดยประมาณครับ
เข้าออกได้ 2 ทาง
1. ถนน บางนา  ตราด กม.ที่ 10.5 ใกล้ถนนวงแหวนรอบนอก
2. ถนน กิ่งแก้ว ซอย11 และ ซอย21
ราคา วาละ 35,000 บาท
ด้านหน้า และ ด้านข้างที่ดินแปลงนี้ติด ถนนโครงการ ด้านหลังติดทะเลสาบ, โครงการมีสนามกอล์ฟ, สนามเทนนิส, สระว่ายน้ำและสโมสรสมบูรณ์แบบ อยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ABAC2 ราม2 ม.หัวเฉียว 2 โรงพยาบาล และห่างจากสนามบินหนองงูเห่าเพียง 5 ก.ม. พร้อมเพื่อนบ้านมีระดับ อาทิเช่น คุณ ธนินทร์ เจียรวนนท์ เป็นต้น

กทม.จะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดรองระบบรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบาสายบางนา-สุวรรณภูมิ เชื่อมต่อ BTS บางนา  มีระยะทางประมาณ 18.3 กิโลเมตร คาดเริ่มก่อสร้างปี 2557 ระยะเวลา3ปี ใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท 

สนใจติดต่อ :  
e-mail :  gid1998@gmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น