ธปท.-กนง.(ตอนจบ…ดีแต่ช้าไปหน่อย?)
บทความที่แล้ว
ผมพูดถึงกลยุทธที่ผมใช้ในช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง
ที่ทำให้ผมฝ่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาได้ คิดดูสิครับดัชนี SET INDEX ช่วงที่ผมเข้าตลาดประมาณ
1,300-1,400 แล้วดัชนีก็ไหลลงมาสร้างจุดต่ำสุดที่ 204.59 จุด
เท่ากับว่าขาดทุนไป 85% ถ้าผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับดัชนีที่ตกลงมา
แต่ถ้าบังเอิญไปลงทุนในบริษัทที่ลมละลาย แทนที่เงิน 100 บาทจะเหลือ 15 บาท
กลายเป็นว่าไม่เหลือเลยสักบาท ยิ่งถ้าใช้ MARGIN ด้วยแล้ว
ยิ่งไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงหายนะในอนาคตอันใกล้ที่จะตามมายังไม่นับดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายรายเดือน
แต่ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่า
ในช่วงวิกฤตแบบนั้นกลับเป็นโอกาสสำหรับบางธุรกิจ เนื่องจากค่าเงินบาทจาก 27/USD
อ่อนค่าไปถึง 58 บาท ปรากฎว่าธุรกิจส่งออกกลับเฟื่องฟูอย่างเต็มที่
เพราะว่าสินค้าไทยถูกมากในสายตาของชาวต่างชาติ
ผมขอยกตัวอย่างหุ้นของบริษัทเดลต้าอิเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย)จำกัด(DELTA) ราคาจากจุดต่ำสุดที่ 3.01 บาทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2540 ใช้เวลาเพียง
1ปี ราคาวิ่งไปสร้างจุดสูงสุดที่ 42.88 บาท (เป็นราคาที่ปรับ PAR และการเพิ่มทุนทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว) ขึ้นมา 39.87 บาท คิดเป็น 1,329%
ในขณะที่ SET INDEX ในช่วงเวลาเดียวกัน
SET INDEX ลดลงจาก 778.80 มาถึงจุดต่ำสุดที่ 480.77 จุด หรือลงมา
299.13 จุดคิดเป็น 38.35%
จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามีใครบอกว่าเล่นหุ้นช่วงนั้นแล้วกำไรก็ไม่น่าแปลกใจใช่ไหมครับ
หลังจากนั้นมา เมื่อไหร่ที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
ก็จะมีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มส่งออกอยู่เป็นเนือง เพราะว่านอกจากบริษัทเหล่านี้จะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว
กำไรก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย จากหุ้นที่เคยซื้อขายที่ P/E ต่ำๆก็เขยิบมาซื้อขาย
P/E ที่ค่าสูงขึ้น
พอหลังจากวิกฤตต้มยำกุ้งผ่านไป
SET INDEX จาก 204.59
จุด เมื่อกันยายน 2541 ดัชนีตลากหลักทรัพย์ก็กลับมาสู่ขาขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจนขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่
1,649.77 จุด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ขึ้นมา 1,445.16จุด คิดเป็น 706.38% ภายในเวลา 14ปี 8เดือน ผลตอบแทนดีอย่างนี้เราจึงมีนักลงทุนหน้าใหม่ที่พร้อมจะเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟมากมาย
แต่แล้ว SET INDEX ก็ตกลงมาทำจุดต่ำสุดที่
1,205.44 ในเดือน มกราคม 2557 ลดไป 444.33จุด คิดเป็น 26.93%
ภายในเวลาเพียง 8 เดือน
เป็นความผันผวนที่นักลงทุนหน้าใหม่พึงสังวรณ์ ตลาดหุ้นไม่ใช่มีแต่ขาขึ้นอย่างเดียว
คนที่เข้าตลาดหลังปี 2552 ส่วนใหญ่ก็ได้กำไรจากการลงทุนในหุ้น
เพราะว่าตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ช่วงตลาดหุ้นขาลง เป็นช่วงเวลาปราบเซียน
ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจะยืนหยัดได้
การที่ตลาดหุ้นเริ่มเข้าสุ่ขาลงหลังจากไปทำจุดสูงสุดที่ 1,649.77 เมือเดือน พฤษภาคม 2556 หลังจากนั้นเราก็ไม่เห็น SET INDEX กลับขึ้นมาเหนือจุดนี้อีกเลย
แม้เดือนกุมภาพันธ์ 2558 SET INDEX พยายามตีกลับขึ้นมาอีกรอบแต่ก็ไปทำจุดสูงสุดของรอบที่
1,619.65 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558
ซึ่งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็เป็น INDICATOR ตัวหนึ่งที่สะท้อนถึงเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การเติบโตของ GDP ที่ถดถอยลงจากที่เคยเฉลี่ย 5-7%ต่อปีในอดีต กลายเป็นโตต่ำกว่า 3%โดยเฉลี่ย
ส่วนหนึ่งก็มาจากภาวะการส่งออกที่ถดถอย จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่อำนวย โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย
และEU มีการนำเข้าลดลง
รวมทั้งญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าเพื่อนบ้าน
ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยไม่นับความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกของเรา ที่ถดถอยเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งขัน
รวททั้งสินค้าที่ผลิตได้ก็ไม่ค่อยตรงตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปเช่น HARDDISK
เป็นต้น
กอรปกับภาวะการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่แย่ลง จากการที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นหนี้สิน
ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ผมยังแปลกใจว่าทำไม กนง.
ถึงใจแข็งไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกหลังจากการลด 0.25% (จาก 2.25% เป็น 2% )
เมื่อเดือน มีนาคม 2557 เพิ่งจะมาปรับลดลง 2 ครั้งๆละ 0.25% เมื่อเดือนมีนาคม
2558 และเมษายน 2558 ตาลำดับ ซึ่งแทบจะไร้ผลโดยสิ้นเชิงโดยเฉพาะล่าสุดต้องไป FORCE
ให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ถ้ากนง.ลดดอกเบี้ยเป็น Series
ต่อเนื่อง หลังจากเดือน มีนาคม 2557
ค่าเงินบาทคงไม่แข็งค่ามากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านซึ่งล้วนแต่เป็นคู่แข่งขันทางการค้า
การส่งออกคงไม่ติดลบมากเหมือนตัวเลขที่เราได้เห็นกัน
นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงอาจจะช่วยให้ธุรกิจที่กำลังคิดที่จะขยายการลงทุนตัดสินใจทำเร็วขึ้น
ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงทำให้ธุรกิจมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น
ประชาชนมีหนี้อยู่ในระบบสถาบันการเงินก็จะหายใจได้คล่องขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยที่ลดลง
ผมเชื่อว่า
กนง.ชุดใหม่คงจะมีการตัดสินใจได้ฉับไวตามพลวัตรของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปตลอดเวลานะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
05/12/58
05/12/58
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution)
ทุกเดือน
ถ้าท่านชอบบทความผม
ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา
แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่
ท่านก็จะทราบทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น