จะขึ้นค่าแรง...แน่ใจแล้วหรือ
Photo from www.kruwandee.com
เมื่อเร็วๆนี้
มีข่าวหนึ่งที่ผมไม่อาจไม่หยิบขึ่นมาพูดคุยได้ นั่นก็คือข่าวที่ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ
และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้เสนอให้รัฐบาล และคณะกรรมการไตรภาคี พิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอัตรา
5-7 % หรืออยู่ที่ อัตรา 315-320
บาท/วัน โดยอ้างว่าไม่ได้ปรับขึ้นค่าแรงมา 3 ปีแล้ว
หลังจากนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้วปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมโดยหวังที่จะให้ประชาชนเลือกพรรคของตนเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐบาลที่ครองเสียงข้างมากในสภา
การขึ้นค่าแรงในแต่ละครั้ง
จะส่งผลกระทบในวงกว้างกับทั้งทางฝ่ายนายจ้าง และลูกจ้าง เรามาดูผลกระทบฝ่ายนายจ้างกันก่อน
การขึ้นค่าแรงทำให้ต้นทุนในการผลิต และจำหน่ายสินค้า และบริการเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันโลกใบนี้เป็นโลกแห่งโลกานุวัตร เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก การผลิตสินค้า
และบริการต่างๆมีอยู่ในทุกๆประเทศ ยิ่งการผงาดขึ้นมาของประเทศจีน
ที่มีฐานประชากรมากว่าพันล้านคน
ยิ่งได้เปรียบในการผลิตที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าคนอื่น จากฐานการผลิตที่ใหญ่กว่า
การขึ้นค่าแรงจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้า และบริการของไทยลดลง โดยผู้ซื้ออาจจะเลือกที่จะซื้อกับประเทศอื่นที่มีราคาถูกกว่าในระดับคุณภาพที่ใกล้เคียงกัน
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ
SME ซึ่งมีโครงสร้างต้นทุนที่เป็นค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน
และเงินเดือน คิดเป็น 16-18% ของต้นทุนปัจจัยการผลิตทั้งหมด
ดังนั้นค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ่นทุกๆ 1% จะสงผลให้ต้นทุนด้านแรงงานเพิ่มขึ่น0.16-0.18% ถ้าเพิ่มขึ้น 5-7% นั่นก็หมายความว่า
เป็นการเพิ่มต้นทุนแรงงานให้ธุรกิจ SME ถึง 0.80-1.26%
ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ค้าขายไม่ดีอย่างในปัจจุบันนี้
ก็ยิ่งแต่พลอยจะทำให้การค้าซบเซามากขึ้น ยิ่งกว่านั้นเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านใน
ASEAN ซึ่งปัจจุบันเป็นประชาคม AEC แล้ว
รวมทั้งประเทศที่มี TRADE AGREEMENT ต่างๆ
เข้ามาเจาะตลาดในเมืองไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ SME ของไทยอ่อนแอ
หรือล้มหายตายจากไป รวมทั้งธุรกิจใหญ่ก็จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงด้วยเช่นกัน
สังเกตไหมครับ มีหลายธุรกิจทั้งที่เป็นธุรกิจของไทยเอง
และธุรกิจจากต่างประเทศที่เคยประกอบธุรกิจในไทย แล้วย้ายโรงงานไปตั้งที่ประเทศอื่น
ที่เห็นได้ชัดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็คือ SAMSUNG และ LG
ที่ย้ายฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยไปที่เวียดนาม
สมัยก่อนผมจะเห็นคนเอเชียใต้หอบ TV จากบ้านเรากลับไปประเทศเขาที่สนามบินบ้านเราบ่อยๆ
แต่ภาพเหล่านี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
การขึ้นค่าแรงก็คงเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจย้ายฐานการผลิต
ส่วนผลกระทบทางฝ่ายลูกจ้าง
ก็คือจะได้รับค่าแรงที่สูงขึ้น แต่ประโยชน์ดังกล่าวจะเห็นแต่ในรูปตัวเงิน
แต่อำนาจซื้อที่แท้จริงไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะว่าราคาสินค้า
และบริการก็ล้วนพาเหรดขึ้นราคารอรับอัตราค่าแรงใหม่ทันทีเพราะต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้น
ดังนั้นฝ่ายลูกจ้างจะไม้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงเลย
มิฉะนั้นการขึ้นค่าแรงขึ้นมา 300 บาทเมื่อคราวที่แล้ว
ทำไมคนส่วนใหญ่ยังบ่นว่ารายได้ไม่พอใช้
จนเป็นหนี้เป็นสินทั้งในระบบและนอกระบบกันมากมาย จนภาวะหนี้ครัวเรือน/GDP ของเราขึ้นไปอยู่ที่มากกว่า
80% ชิงอันดับ 1 อันดับ 2 ของ ASEAN กับมาเลเซียอยู่ในปัจจุบันนี้
ผมจำได้ว่ามีเจ้าสัวท่านหนึ่ง
เป็นผู้กล่าวถึง “ทฤษฎี 2 สูง” โดยสูงแรกคือสินค้าเกษตร
ต้องปล่อยให้ราคาสูง ส่วนสูงที่สองคือ เงินเดือนหรือค่าแรงต้องให้สูงขึ้น
เพื่อให้มีเงินจับจ่ายซื้อของ ฟังดูเหมือนน่าจะดี
แต่แล้วเป็นไงก็อย่างที่เห็นๆกันในปัจจุบัน ราคาสินค้าเกษตร
เราจะกำหนดราคาเองไม่ได้คงต้องขึ้นกับราคาตลาดโลก
มิฉะนั้นรัฐบาลคงต่องใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อมาอุดหนุนอย่างเช่น
นโยบายประกันหรือจำนำราคาข้าวที่ผ่านๆมา
ล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก จนกลายเป็นคดีความกัน
แทนที่จะนำงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดไปพัฒนาประเทศในด้านสาธารณูปโภคต่างๆ
ส่วนการขึ้นค่าแรง
ผลกระทบที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่งก็คือการถดถอยของยอดส่งออก ซึ่งมียอดที่ต่ำลงมาหลายปีแล้ว
หรือเราอยากทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำลงแบบถาวรกลายเป็น New Normal ของไทยก็เชิญตามสบายครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
5/5/59
5/5/59
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น