จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนจบ)

                                                                ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนจบ)


            บทความที่แล้วผมพูดถึง ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆที่ท่านเตรียมตัวจะต้องเสียให้กับธนาคาร เมื่อท่านไปขอสินเชื่อบ้าน  ลองมาดูความเอารัดเอาเปรียบของธนาคารกันครับ

      1. ค่าธรรมเนียมการจัดการเงินกู้ ในอดีตผมเคยทำธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีการให้เครดิตกับลูกค้าหลายราย โดยที่ผมไม่เคยคิดค่าธรรมเนียมการจัดการเครดิตกับลูกค้าเหล่านี้เลย และร้านค้าอื่นๆ ก็ไม่มีร้านค้าไหน ที่จะมาคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าวกับลูกค้าของตนเลย เพราะถือว่ารายได้ที่แท้จริง คือยอดขายที่ได้รับการสั่งซื้อจากลูกค้า ซึ่งถ้ามองในแง่ของธนาคาร รายได้หลักจากลูกค้ากลุ่มนี้ ก็ควรจะเป็นดอกเบี้ยที่ลูกค้าเหล่านี้จ่ายให้กับธนาคาร  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีค่าธรรมเนียมแบบนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีหลายธนาคารที่จะไม่คิดค่าธรรมเนียมนี้ก็ตาม โดยยกเว้นให้ลูกค้า รู้สึกว่าเป็นโปรโมชั่นพิเศษ

      2. ค่าใช้จ่ายในการสำรวจ และประเมินหลักประกัน ในช่วงที่ผมยังทำธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผมไม่เคยคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าวกับลูกค้าของผมเลย ผมก็เชื่อว่า ไม่มีร้านค้าไหน ที่จะมาคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าวด้วยเช่นกัน อันที่จริงค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรจะเป็นต้นทุนของธนาคาร ซึ่งธนาคารจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้เอง ถึงแม้ว่าจะ OUTSOURCE ให้บริษัทข้างนอกไปทำการประเมินราคาทรัพย์สินก็ตาม การที่มาคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าว กับลูกค้าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง

      3. เบี้ยประกันอัคคีภัย การที่ธนาคารเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดอัคคีภัย กับทรัพย์สินที่นำมาจำนอง ซึ่งจะทำให้เป็นการเสื่อมมูลค่าของทรัพย์สินดังกล่าว ธนาคารเองควรจะต้องเป็นผู้ทำประกันภัย ไม่ใช่มาบังคับให้ลูกค้าเป็นคนทำประกันภัย ในช่วงระยะเวลาที่ใช้สินเชื่อดังกล่าว แล้วยิ่งร้ายไปกว่านั้น ยังบังคับให้ลูกค้าต้องซื้อประกันภัยโดยผ่านธนาคารด้วย โดยธนาคารจะได้รับค่าคอมมิชชั่น จากบริษัทประกันภัยซึ่งอาจจะเป็นบริษัทลูก หรือบริษัทประกันภัยที่ทางธนาคารได้ทำสัญญากันไว้อีกต่างหาก ซึ่งเบี้ยประกันที่ลูกค้าซื้อผ่านทางธนาคาร จะสูงกว่าซื้อผ่านทางโบรคเกอร์หรือตัวแทนประกันภัย เป็นอย่างมาก นอกจากจะเอากำไรหลายต่อหลายทาง แล้วยังค้ากำไรเกินควรเสียอีก

          4. ค่าปรับที่จะต้องจ่ายให้กับธนาคารเดิม กรณีไถ่ถอนจำนองก่อนกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 3 ปี (ตามแต่ละธนาคาร จะกำหนดไว้) ข้อนี้พอที่จะยอมรับได้ เพราะว่าหลายๆปีที่ผ่านมา ธนาคารส่วนใหญ่จะแข่งขันกันให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสำหรับในช่วง 3 ปีแรก จึงพอที่จะมีเหตุผลให้ธนาคารสามารถคิดค่าปรับดังกล่าวได้
         5. เบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินกู้ ข้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Option โดยที่ถ้าผู้ขอสินเชื่อเลือกที่จะทำประกันประเภทนี้ ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยจ่าย ที่ต่ำกว่าอัตราปกติ ส่วนตัวผมคิดว่า อัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ที่ซื้อประกัน Credit Loan คงจะเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติ ที่ธนาคารตั้งใจจะคิดกับลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่ยอมซื้อประกันดังกล่าว ก็คล้ายกับว่าธนาคารจะให้ PENALTY กับลูกค้า คือให้ลูกค้าจ่ายอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น เหมือนเป็นการบังคับกลายๆนั่นเอง

               หลังจากผ่านขั้นตอนการกู้เงิน  เมื่อถึงเวลาไถ่จำนอง ธนาคารก็ยังเอาเปรียบได้อีก จากประสบการณ์ตรงของผมเอง เคยกู้เงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ สำหรับสินเชื่อคอนโดแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว บังเอิญผมจะไถ่จำนองก่อนกำหนด ปรากฏว่าวันที่ไปไถ่จำนองที่สำนักงานที่ดิน  ทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ทางธนาคาร OUTSOURCE บอกกับผมว่า ผมจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเบิกโฉนด เพื่อทำการไถ่ถอนจำนองเป็นจำนวนเงิน 1,000 กว่าบาท ทีแรกผมปฏิเสธที่จะชำระเงินจำนวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ท่านนั้นยืนกรานกับผมว่า ถ้าไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว ก็จะนำโฉนดกลับบริษัท ผมเหมือนคนที่ถูกมัดมือชก ในที่สุดก็ต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนั้น  ลองคิดดูสิครับสมมุติว่า ท่านไปทานก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง แล้วตอนที่ท่านเรียก ให้ทางร้านมาเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่ท่านได้รับประทานไป ถ้าทางร้านก๋วยเตี๋ยวบอกว่า จะต้องมีค่าธรรมเนียมในการเดินมาเก็บค่าก๋วยเตี๋ยว ท่านจะรู้สึกอย่างไรครับ คงมีความรู้สึกเหมือนผมในขณะนั้นเช่นกัน นอกจากจะหารายได้หลักจากดอกเบี้ยแล้ว ก็ยังหาเศษหาเลยจากค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควร

              ที่นี้เราลองลองมาดู รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อ(จากการคิดส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงปรี๊ด) ของระบบธนาคารทั้งหมด(ข้อมูลจากเว็บไซต์ของธปท.) ปรากฏว่าเมื่อปี 2554 มีรายได้ดังกล่าว 396,574 ล้านบาท  รายได้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปี 2559 มีรายได้ 543,737 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 147,163 ล้านบาท หรือ 37.11% ทั้งๆที่อัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในขาลง ส่วนรายได้จากค่านายหน้า(ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากประกันภัยและประกันชีวิตที่บังคับ เกลี้ยกล่อม หรือขอร้อง ให้ลูกค้าซื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม)เมื่อปี 2554 เท่ากับ 14,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปี 2559  มีรายได้อยู่ที่ 28,748 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 13,810 ล้านบาท หรือ 92.45%  รายได้อีกตัวหนึ่ง คือ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอื่นๆ(ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรรวมอยู่ด้วย) เมื่อปี 2554 เท่ากับ 19,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ 32,517 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 12.904 ล้านบาท หรือ 151.99%  อุแม่เจ้า! อะไรมันจะดีขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่การขูดรีดเลือดปู คงไม่โตเพิ่มมากมายขนาดนี้

           ไหนๆธปทก็กำลังที่จะจัดระเบียบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่แล้ว  ช่วยกรุณาจัดระเบียบธนาคารด้วยนะครับ วิสัยทัศน์ของธปท.(จากเว็บไซต์ของธปท.) ที่บอกว่า เป็นองค์กร ที่มองไกล มีหลักการ และร่วมมือ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ของไทย ถ้าหมายถึง ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของคนไทย ธปท.คงต้องทำอะไรมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ธนาคารมาเอารัดเอาเปรียบประชาชนเช่นนี้อีกต่อไป อย่าลืมนะครับตอนที่ธปท. ถูกรังแกจากฝ่ายการเมือง ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศเหรอครับที่ยืนอยู่ข้างท่าน
อ่านบทความ 1. ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 1)  ได่ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/07/1.html

                      2. ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 2)  ได่ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/07/2.html
กิติชัย เตชะงามเลิศ
     21/7/60

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

 คอนโด  15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์  5 ยูนิตที่วิวสวยที่สุดของตึก และราคาถูกที่สุด
ซอยสุขุมวิท  13-15 คลองเตยเหนือ วัฒนา ห่างจาก bts  นานา ประมาณ 600 เมตร และห่างจาก bts  อโศก ประมาณ 500 เมตร
เป็นอาคารสูง  25 ชั้น รวมทั้งหมด 514 ยูนิต



ห้องที่จะขายดาวน์
1.      12/406(2009) ห้อง 2 นอน 1 น้ำ ชั้น 20 พื้นที่ใช้สอย 65.74 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออก เป็นมุมที่สวยของตึก ตกแต่งสวยมาก เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ  ราคา 7.60 ล้านบาท หรือปล่อยเช่าที่ 33,000 บาท/เดือน
2.         12/437(2202) แบบ B2 ห้อง 1 นอน 1 น้ำ ชั้น 22 พื้นที่ใช้สอย 59.29 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศใต้ เป็นมุมที่สวยของตึก ตกแต่งสวยมาก ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ  ราคา 7 ล้านบาท หรือปล่อยเช่าที่ 30,000 บาท/เดือน
3.      12/478(2405) แบบ B2 ห้อง 1 นอน 1 น้ำ ชั้น 24 พื้นที่ใช้สอย 59.29 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศใต้ เป็นมุมที่สวยของตึก ตกแต่งสวยมาก ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ  ราคา 7 ล้านบาท หรือปล่อยเช่าที่ 30,000 บาท/เดือน

4.      12/413(2017) แบบ A2 ห้อง 2 นอน 2 น้ำ  ชั้น 20 พื้นที่ใช้สอย 80.71 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศเหนือ เป็นมุมที่สวยที่สุดของตึก ตกแต่งสวยมาก วิวสวยมาก เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ TV 40 นิ้ว เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไมโครเวฟ ราคา 9.40 ล้านบาท ขายพร้อมผู้เช่า ค่าเช่า 43,000 บาท/เดือน ครบสัญญา 19/7/61 ผลตอบแทนจากการเช่าดีมาก = 5.49%/ปี  https://youtu.be/V8RJ77kykKE

5.      12/400(2003) แบบ B2 ห้อง 1 นอน 1 น้ำ ชั้น 20 พื้นที่ใช้สอย 59.29 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศใต้ เป็นมุมที่สวยของตึก ตกแต่งสวยมาก วิวสวยมาก เฟอร์นิเจอร์ครบครัน TV 40 และ 32 นิ้ว เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไมโครเวฟ ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ  ราคา 7 ล้านบาท ขายพร้อมผู้เช่า ค่าเช่า 32,000 บาท/เดือน ครบสัญญา 25/2/61 ผลตอบแทนจากการเช่าดีมาก = 5.49%/ปี  https://youtu.be/3SebbfWlRLc

·        ค่าส่วนกลางและกองทุน 40 บาท/ตร.ม.และ 500 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ

* คลับเฮ้าส์ (Clubhouse) และห้องสมุด อยู่ชั้น 7
* ฟิตเน็ส (Fitness) อยู่ชั้น 8
* สระว่่ายน้ำผู้ใหญ่ (เป็นแบบสระน้ำล้น), มีสระเด็กและจากุซซี่แยกออกมาจากสระผู้ใหญ่ อยู่ชั้น 9
* สระน้ำ ในแบบ water court และน้ำตกเล็กๆ 
* Video door phone เพื่อความปลอดภัย

ส่วนพื้นที่จอดรถในโครงการมีประมาณ 70% รวมจอดซ้อน เริ่มตั้งแต่ชั้น 3 – 6 รวม 4 ชั้น พื้นที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปถึงชั้น 25 ลูกบ้านที่นี่จะได้สิทธิ์ที่จอดรถ 1 คันต่อการซื้อ 1 ห้อง เป็นการจอดแบบไม่ระบุที่จอด ยกเว้น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เป็นต้นไปที่จะได้สิทธิ์จอดรถแบบระบุบ้านเลขที่ให้ สามารถเข้าออกโครงการได้ทั้ง 2 ด้าน ทั้งซอย 13 และ15
ร้านค้าในบริเวณรอบๆคอนโด:
  • ท็อปส์มาร์เก็ต (โรบินสันสุขุมวิท 19) ห่างจากคอนโด 580 เมตร
  • วิลล่ามาร์เก็ต (แอมบาสซาเดอร์) – 190 เมตร
  • สุขุมวิทพลาซ่า – 600 เมตร
  • แอมพลาซ่า – 230 เมตร
  • เดอะแลนด์มาร์คพลาซ่า – 760 เมตร
  • 7-11 – 10 เมตร
โรงเรียนและโรงพยาบาล ที่ใกล้ที่สุดในบริเวณ 15 สุขุมวิท เรสซิเด็นท์ :
  • เฮลท์แลนด์นวดแผนไทย ระยะทางประมาณ 410 เมตร เดินทาง
  • โรงเรียนนานาชาตินิสท์ – 650 เมตร
  • โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟน – 660 เมตร
  • โรงเรียนเซนต์ดอมินิก – 840 เมตร
  • เทควันโด – 840 เมตร
  • โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  680 เมตร
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์  990 เมตร
บริเวณใกล้เคียงคอนโดมีร้านอาหาร มากมาย เช่น:
  • โวล่า – 180 เมตร
  • แล๊พพาร์ท – 200 เมตร
  • โดซ่าคิงส์ – 480 เมตร
  • คาตาลาน่า ทาปาสแอนด์ไวน์ – 500 เมตร
  • ชาร์เล่ย์บราวส์ – 520 เมตร


วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ธนาคาร นี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 2)

                                                                ธนาคาร นี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 2)


          บทความที่แล้วผมพูดถึง ภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ที่มีช่องทางในการหาเงินทุนอื่นๆ นอกเหนือจากการใช้บริการของธนาคาร รวมทั้งธุรกิจที่เป็น STARTUP และ ANGEL INVESTOR แล้วยังจะไปถึงฟินเทค และอนาคตของห้างสรรพสินค้า ผมเชื่อว่า ในอนาคตห้างสรรพสินค้าที่อยู่รอดได้จะกลายเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารและร้านขายเครื่องดื่มต่างๆ สถานคลินิกต่างๆโดยเฉพาะคลินิกเสริมสวย รวมทั้งศูนย์ให้บริการทางด้านสุขภาพและความงาม ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส ศูนย์ลดความอ้วน  สถาบันกวดวิชา ฯลฯ  สินค้าแบรนด์เนมที่เป็น Hi end และเมื่อธุรกิจขายเครื่องไฟฟ้าในห้างสรรพสินค้าอยู่ไม่ได้จนต้องถูกยุบไป  บริษัทที่ขายของออนไลน์ต่างๆเช่น Lazada ที่เคยอาศัย Power Buy หรือ Power Mall หรือห้างต่างๆ เป็นโชว์รูมฟรีมาตั้งนาน คงต้องมาเช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าเอง เพื่อนำสินค้าบางประเภท ที่จำเป็นต้องสาธิตการใช้หรือทดลอง รวมทั้งสินค้าที่ลูกค้าอยากจะสัมผัสตัวสินค้า ก่อนการตัดสินใจซื้อ มานำเสนอ โดยเจ้าของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ต้องส่งพนักงานมาประจำเพื่อให้บริการดังกล่าว แถมยังต้องเสียค่าเช่าช่วงพื้นที่กับ Lazada  อีกด้วย  เจ้าของผลิตภัณฑ์ซึ่งแต่เดิม เคยมีค่าใช้จ่ายจากการส่งพนักงานไปประจำที่ห้างสรรพสินค้า และค่า GP ที่ถูกทางห้างหักออกไปจากค่าขายสินค้า ค่าใช้จ่ายอันหลังก็จะเปลี่ยนเป็น  ค่าเช่าช่วงพื้นที่จาก Lazada เป็นต้น

            นอกเรื่องมาเสียตั้งนาน  กลับมาที่เรื่องการเอาเปรียบของธนาคารกันต่อนะครับ  ธุรกิจธนาคารก็เหมือนธุรกิจอื่นๆที่แสวงหาผลกำไรให้ได้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นธนาคารยังได้เปรียบที่เป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด เพราะว่ามีจำนวนใบอนุญาตที่จำกัด ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันที่สมบูรณ์ นี่ถ้าหากธนาคารแห่งประเทศไทย อนุญาตให้ธนาคารต่างชาติมาเปิดสาขาอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย(ซึ่งผมเชียร์เต็มที่เลย) เชื่อได้เลยว่าค่าบริการต่างๆ รวมทั้งส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ คงจะลดลงกว่าในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก เพราะว่าจะเกิดการแข่งขันจากผู้เข้ามาใหม่ ซึ่งต้องการที่จะขยายฐานลูกค้า และแย่งชิงลูกค้าจาก LOCAL BANK ส่วน LOCAL BANK  ก็พยายามที่จะรักษาฐานลูกค้าของตน ก็คงจะต้องลงมาแข่งขันในด้านบริการต่างๆมากขึ้น แล้วในที่สุดประชาชนก็จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น หลังจากถูกมัดมือชกมานานแสนนาน จริงๆแล้วอุตสาหกรรมธนาคารไทยเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยมี ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรก ของไทย ก่อตั้งในปี 2449  มีอายุมายาวนานถึง 111 ปีแล้ว  แต่อุตสาหกรรมธนาคารไทยก็ยังทำตัวเป็นเฒ่าทารก ที่ต้องอาศัยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นเกราะกำบังไม่ให้ธนาคารต่างชาติ เข้ามาขยายกิจการในประเทศไทยได้โดยง่าย  ทำให้สามารถคิดค่าบริการในอัตราที่แพงเกินควร หรือค่าบริการที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการคิดส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ข้างต้นที่สูงเกินไป โดยที่ธปท. ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียด้วย

           ผมขอยกตัวอย่างค่าบริการที่ไม่เหมาะสม ที่นอกเหนือจากค่านับเหรียญที่ผมพูดถึงในบทความที่แล้ว ให้ดูกันเพิ่มเติม เช่น เวลาท่านไปขอสินเชื่อบ้านกับธนาคาร ค่าธรรมเนียมต่างๆที่ท่านเตรียมตัวจะต้องเสียให้กับธนาคาร มีดังต่อไปนี้

    1. ค่าธรรมเนียมการจัดการเงินกู้ อาจจะมาในรูปแบบค่าธรรมเนียมแรกเข้า หรือค่าธรรมเนียมยื่นกู้ อัตราสูงสุดที่ธนาคารคิดกันในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 0-1% ของวงเงินที่ขอกู้ แต่ละธนาคารกำหนดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่เท่ากัน บางธนาคารคิดเป็นตัวเลขคงที่ ตามสัดส่วนของวงเงินกู้ เช่น วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดค่าธรรมเนียม 1,500 บาท แต่ก็มีบางธนาคารที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมส่วนนี้
    2. ค่าใช้จ่ายในการสำรวจ และประเมินหลักประกัน อยู่ระหว่าง 0-0.5% ของราคาประเมินของกรมที่ดิน โดยจะเริ่มต้นที่ 2,500 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับราคาประเมินหลักประกัน ค่าเดินทางเพิ่มเติมกรณีต่างจังหวัด 1,500 - 6,000 บาท
    3. เบี้ยประกันอัคคีภัย ส่วนใหญ่จะเป็นภาคบังคับแล้วจะกำหนดให้ประกันอัคคีภัยกับบริษัทประกันภัยในเครือของธนาคารหรือบริษัทประกันภัยที่ธนาคารกำหนดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องทำประกันภัยผ่านธนาคารผู้ให้กู้
    4. ค่าปรับที่จะต้องจ่ายให้กับธนาคารเดิม กรณีไถ่ถอนจำนองก่อนกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 3 ปี อย่างไรก็ตามก็ขึ้นกับนโยบายของแต่ละธนาคาร
    5. เบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินกู้ ซึ่งเป็นการทำประกันกับบริษัทประกันภัย เผื่อไว้ในกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อมีเหตุอันใด ที่ทำให้ไม่สามารถจะชำระค่าผ่อนงวดกับธนาคารได้ ข้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Option โดยที่ถ้าผู้ขอสินเชื่อเลือกที่จะทำประกันประเภทนี้ ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยจ่าย ที่ต่ำกว่าอัตราปกติ  ก็เหมือนเป็นการบังคับกลายๆนั่นเอง
 นี่ยังไม่นับส่วนที่จ่ายให้กับกรมที่ดิน ซึ่งประกอบด้วย
    1. ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินที่ขอกู้
    2. ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินของกรมที่ดิน
    3. ค่าอากร จำนวน 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่
    4. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามระเบียบของกรมที่ดิน
บทความหน้าผมจะมาแจกแจงความเอารัดเอาเปรียบของธนาคารที่มีต่อลูกค้ากันต่อครับ

อ่านบทความ 1. ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 1)  ได่ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/07/1.html

                      2. ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนจบได่ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/07/blog-post_21.html

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     13/7/60

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


ขายดาวน์คอนโด ไฮด์ สุขุมวิท 11(Hyde Sukhumvit 11) 3 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ เดิน 5 นาทีจากสถานี BTS นานา
       Hyde Sukhumvit 11 : ไฮด์ สุขุมวิท 11 คลองเตยเหนือ วัฒนา เนื้อที่ทั้งหมด: 2-1-58 ไร่ ประมาณ 478 ยูนิต ที่จอดรถ 276 คัน คอนโด High Rise 2 อาคาร: A 39 ชั้น, B 9 ชั้น  พื้นที่โครงการ: 3,918 ตรม.แล้วเสร็จ 04/2561 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น บนที่ดินขนาด 2-1-58 ไร่ งานออกแบบอาคารทางโครงการเลือกใช้สถาปนิก A49 ซึ่งเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงแนวหน้าของไทยมาออกแบบในสไตล์ Modern Luxury สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการถือว่าจัดเต็มตามลักษณะคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ทั้งพื้นที่ล็อบบี้เพดานสูงโปร่งเลือกใช้ผนังกระจกสูงเต็มบานเพื่อให้พื้นที่ภายในอาคารได้รู้สึกถึงพื้นที่สวน lanscape ที่โอบล้อม พื้นที่สวนพักผ่อนพร้อมกำแพงน้ำตกสร้างความสดชื่นเป็นธรรมชาติ ห้องอนกประสงค์ ห้อง Theater ห้อง Golf Simulator Game room และห้องสมุดภายในโครงการ เพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่เพื่อพักผ่อนภายในโครงการของเจ้าของห้อง ภายในโครงการจะประกอบด้วยอาคารพักอาศัย 2 อาคาร โดยอาคาร A เป็นอาคารพักอาศัยหลัก ส่วนอาคาร B เป็นพื้นที่พักอาศัยและที่จอดรถอัตโนมัติ ลักษณะการออกแบบแปลนโครงการจะวางอาคาร B ไว้ส่วนหน้าติดกับถนนสุขุมวิท 11 จากนั้นจะคั่นด้วยพื้นที่สวนส่วนกลางถัดไปจะเป็นตัวอาคารหลัก สำหรับการออกแบบแปลนลักษณะนี้จะทำให้สวนส่วนกลางอาคารพักอาศัยที่โอบล้อมทำให้พื้นที่สวนเป็นส่วนตัวดูน่าพักอาศัย ได้ร่มเงาจากตัวอาคารช่วยบังแดด



·        Fitness
·        Sky Garden
·        Digital Door Lock
·        Golf Simulator Room
·        Automatic Parking
·        Key Card Access
·        24 hours Security Guards
·        Sinking fund = 600/sqm., Common fee = 60 baht/sqm.
·        No contract transfer fee.
ห้องที่จะขาย:
1).0302 TYPE 1B อาคาร A ชั้น 3 พื้นที่ 34.50 ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ ไม่ใกล้ห้องขยะ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 5,600,000 บาท
2).0402 TYPE 1B อาคาร A ชั้น 4 พื้นที่ 34.50 ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ ไม่ใกล้ห้องขยะ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 6,000,000 บาท
3).0911 TYPE 2B อาคาร A ชั้น 9 พื้นที่ 58.00 ตรม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เป็นห้องมุม เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก หันไปทางทิศตะวันออก ไม่ใกล้ลิฟต์ ไม่ใกล้ห้องขยะ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 10,000,000 บาท
คาดว่าจะแล้วเสร็จ เมย. 2561 ค่าส่วนกลางและกองทุน 60 บาท/ตร.ม.และ 600 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ

ดู VDO ได้ที่ https://youtu.be/Y_pc6jZTyV4
                  หรือ https://youtu.be/YtktgDmHP8Y
                  https://youtu.be/JJngeTttkPU