ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนจบ)
บทความที่แล้วผมพูดถึง
ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆที่ท่านเตรียมตัวจะต้องเสียให้กับธนาคาร
เมื่อท่านไปขอสินเชื่อบ้าน ลองมาดูความเอารัดเอาเปรียบของธนาคารกันครับ
1. ค่าธรรมเนียมการจัดการเงินกู้ ในอดีตผมเคยทำธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูป
มีการให้เครดิตกับลูกค้าหลายราย
โดยที่ผมไม่เคยคิดค่าธรรมเนียมการจัดการเครดิตกับลูกค้าเหล่านี้เลย
และร้านค้าอื่นๆ ก็ไม่มีร้านค้าไหน ที่จะมาคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าวกับลูกค้าของตนเลย
เพราะถือว่ารายได้ที่แท้จริง คือยอดขายที่ได้รับการสั่งซื้อจากลูกค้า
ซึ่งถ้ามองในแง่ของธนาคาร รายได้หลักจากลูกค้ากลุ่มนี้
ก็ควรจะเป็นดอกเบี้ยที่ลูกค้าเหล่านี้จ่ายให้กับธนาคาร ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีค่าธรรมเนียมแบบนี้
ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีหลายธนาคารที่จะไม่คิดค่าธรรมเนียมนี้ก็ตาม โดยยกเว้นให้ลูกค้า
รู้สึกว่าเป็นโปรโมชั่นพิเศษ
2. ค่าใช้จ่ายในการสำรวจ และประเมินหลักประกัน ในช่วงที่ผมยังทำธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูป
ผมไม่เคยคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าวกับลูกค้าของผมเลย ผมก็เชื่อว่า ไม่มีร้านค้าไหน
ที่จะมาคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าวด้วยเช่นกัน อันที่จริงค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรจะเป็นต้นทุนของธนาคาร
ซึ่งธนาคารจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้เอง ถึงแม้ว่าจะ OUTSOURCE
ให้บริษัทข้างนอกไปทำการประเมินราคาทรัพย์สินก็ตาม
การที่มาคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าว กับลูกค้าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง
3. เบี้ยประกันอัคคีภัย การที่ธนาคารเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดอัคคีภัย
กับทรัพย์สินที่นำมาจำนอง ซึ่งจะทำให้เป็นการเสื่อมมูลค่าของทรัพย์สินดังกล่าว
ธนาคารเองควรจะต้องเป็นผู้ทำประกันภัย ไม่ใช่มาบังคับให้ลูกค้าเป็นคนทำประกันภัย ในช่วงระยะเวลาที่ใช้สินเชื่อดังกล่าว
แล้วยิ่งร้ายไปกว่านั้น ยังบังคับให้ลูกค้าต้องซื้อประกันภัยโดยผ่านธนาคารด้วย
โดยธนาคารจะได้รับค่าคอมมิชชั่น จากบริษัทประกันภัยซึ่งอาจจะเป็นบริษัทลูก
หรือบริษัทประกันภัยที่ทางธนาคารได้ทำสัญญากันไว้อีกต่างหาก ซึ่งเบี้ยประกันที่ลูกค้าซื้อผ่านทางธนาคาร
จะสูงกว่าซื้อผ่านทางโบรคเกอร์หรือตัวแทนประกันภัย เป็นอย่างมาก นอกจากจะเอากำไรหลายต่อหลายทาง
แล้วยังค้ากำไรเกินควรเสียอีก
4. ค่าปรับที่จะต้องจ่ายให้กับธนาคารเดิม
กรณีไถ่ถอนจำนองก่อนกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 3 ปี (ตามแต่ละธนาคาร จะกำหนดไว้) ข้อนี้พอที่จะยอมรับได้ เพราะว่าหลายๆปีที่ผ่านมา ธนาคารส่วนใหญ่จะแข่งขันกันให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสำหรับในช่วง
3 ปีแรก จึงพอที่จะมีเหตุผลให้ธนาคารสามารถคิดค่าปรับดังกล่าวได้
5. เบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินกู้ ข้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็น
Option โดยที่ถ้าผู้ขอสินเชื่อเลือกที่จะทำประกันประเภทนี้
ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยจ่าย ที่ต่ำกว่าอัตราปกติ ส่วนตัวผมคิดว่า
อัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ที่ซื้อประกัน Credit Loan คงจะเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติ ที่ธนาคารตั้งใจจะคิดกับลูกค้าอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่ยอมซื้อประกันดังกล่าว ก็คล้ายกับว่าธนาคารจะให้ PENALTY
กับลูกค้า
คือให้ลูกค้าจ่ายอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น เหมือนเป็นการบังคับกลายๆนั่นเอง
หลังจากผ่านขั้นตอนการกู้เงิน เมื่อถึงเวลาไถ่จำนอง
ธนาคารก็ยังเอาเปรียบได้อีก จากประสบการณ์ตรงของผมเอง
เคยกู้เงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ สำหรับสินเชื่อคอนโดแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว
บังเอิญผมจะไถ่จำนองก่อนกำหนด ปรากฏว่าวันที่ไปไถ่จำนองที่สำนักงานที่ดิน ทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์
ที่ทางธนาคาร OUTSOURCE บอกกับผมว่า
ผมจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเบิกโฉนด เพื่อทำการไถ่ถอนจำนองเป็นจำนวนเงิน 1,000 กว่าบาท
ทีแรกผมปฏิเสธที่จะชำระเงินจำนวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ท่านนั้นยืนกรานกับผมว่า
ถ้าไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว ก็จะนำโฉนดกลับบริษัท ผมเหมือนคนที่ถูกมัดมือชก
ในที่สุดก็ต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนั้น
ลองคิดดูสิครับสมมุติว่า ท่านไปทานก๋วยเตี๋ยว
ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง แล้วตอนที่ท่านเรียก
ให้ทางร้านมาเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่ท่านได้รับประทานไป ถ้าทางร้านก๋วยเตี๋ยวบอกว่า
จะต้องมีค่าธรรมเนียมในการเดินมาเก็บค่าก๋วยเตี๋ยว ท่านจะรู้สึกอย่างไรครับ
คงมีความรู้สึกเหมือนผมในขณะนั้นเช่นกัน นอกจากจะหารายได้หลักจากดอกเบี้ยแล้ว
ก็ยังหาเศษหาเลยจากค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควร
ที่นี้เราลองลองมาดู รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อ(จากการคิดส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงปรี๊ด)
ของระบบธนาคารทั้งหมด(ข้อมูลจากเว็บไซต์ของธปท.) ปรากฏว่าเมื่อปี 2554 มีรายได้ดังกล่าว 396,574 ล้านบาท
รายได้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปี 2559 มีรายได้ 543,737 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 147,163 ล้านบาท หรือ 37.11% ทั้งๆที่อัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในขาลง
ส่วนรายได้จากค่านายหน้า(ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากประกันภัยและประกันชีวิตที่บังคับ เกลี้ยกล่อม หรือขอร้อง
ให้ลูกค้าซื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม)เมื่อปี 2554 เท่ากับ 14,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปี
2559 มีรายได้อยู่ที่ 28,748 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 13,810 ล้านบาท หรือ 92.45% รายได้อีกตัวหนึ่ง คือ
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอื่นๆ(ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรรวมอยู่ด้วย) เมื่อปี 2554 เท่ากับ 19,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ 32,517 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 12.904
ล้านบาท หรือ 151.99% อุแม่เจ้า! อะไรมันจะดีขนาดนั้น
ถ้าไม่ใช่การขูดรีดเลือดปู คงไม่โตเพิ่มมากมายขนาดนี้
ไหนๆธปทก็กำลังที่จะจัดระเบียบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่แล้ว ช่วยกรุณาจัดระเบียบธนาคารด้วยนะครับ วิสัยทัศน์ของธปท.(จากเว็บไซต์ของธปท.) ที่บอกว่า “เป็นองค์กร ที่มองไกล มีหลักการ และร่วมมือ
เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ของไทย” ถ้าหมายถึง ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของคนไทย
ธปท.คงต้องทำอะไรมากกว่านี้
ไม่ใช่ปล่อยให้ธนาคารมาเอารัดเอาเปรียบประชาชนเช่นนี้อีกต่อไป อย่าลืมนะครับตอนที่ธปท.
ถูกรังแกจากฝ่ายการเมือง ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศเหรอครับที่ยืนอยู่ข้างท่าน
อ่านบทความ 1. ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 1) ได่ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/07/1.html
2. ธนาคารนี่โคตรเอาเปรียบ(ตอนที่ 2) ได่ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/07/2.html
กิติชัย เตชะงามเลิศ
21/7/60
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk Instagram : Gid_Kitichai Blog : http://kitichai1.blogspot.com You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
|
ซอยสุขุมวิท 13-15 คลองเตยเหนือ
วัฒนา ห่างจาก bts นานา ประมาณ 600 เมตร และห่างจาก bts อโศก ประมาณ 500 เมตร
เป็นอาคารสูง 25
ชั้น รวมทั้งหมด
514 ยูนิต
ห้องที่จะขายดาวน์
1.
12/406(2009) ห้อง
2 นอน 1 น้ำ ชั้น 20 พื้นที่ใช้สอย
65.74 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออก เป็นมุมที่สวยของตึก
ตกแต่งสวยมาก เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ
ราคา 7.60 ล้านบาท หรือปล่อยเช่าที่
33,000 บาท/เดือน
2.
12/437(2202) แบบ B2 ห้อง
1 นอน 1 น้ำ ชั้น 22 พื้นที่ใช้สอย
59.29 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศใต้ เป็นมุมที่สวยของตึก
ตกแต่งสวยมาก ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ราคา 7 ล้านบาท หรือปล่อยเช่าที่
30,000 บาท/เดือน
3.
12/478(2405) แบบ B2 ห้อง
1 นอน 1 น้ำ ชั้น 24 พื้นที่ใช้สอย
59.29 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศใต้ เป็นมุมที่สวยของตึก
ตกแต่งสวยมาก ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ราคา 7 ล้านบาท หรือปล่อยเช่าที่
30,000 บาท/เดือน
4. 12/413(2017) แบบ A2 ห้อง 2 นอน 2
น้ำ ชั้น 20 พื้นที่ใช้สอย 80.71
ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศเหนือ เป็นมุมที่สวยที่สุดของตึก ตกแต่งสวยมาก วิวสวยมาก เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ TV 40
นิ้ว เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไมโครเวฟ ราคา 9.40
ล้านบาท ขายพร้อมผู้เช่า ค่าเช่า 43,000 บาท/เดือน ครบสัญญา 19/7/61 ผลตอบแทนจากการเช่าดีมาก = 5.49%/ปี https://youtu.be/V8RJ77kykKE
5.
12/400(2003)
แบบ B2 ห้อง 1 นอน 1 น้ำ ชั้น 20 พื้นที่ใช้สอย 59.29
ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศใต้ เป็นมุมที่สวยของตึก ตกแต่งสวยมาก วิวสวยมาก
เฟอร์นิเจอร์ครบครัน TV 40 และ 32 นิ้ว
เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไมโครเวฟ ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ราคา
7 ล้านบาท ขายพร้อมผู้เช่า
ค่าเช่า 32,000 บาท/เดือน ครบสัญญา 25/2/61 ผลตอบแทนจากการเช่าดีมาก = 5.49%/ปี https://youtu.be/3SebbfWlRLc
·
ค่าส่วนกลางและกองทุน
40 บาท/ตร.ม.และ 500 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ
* คลับเฮ้าส์ (Clubhouse) และห้องสมุด อยู่ชั้น 7
* ฟิตเน็ส (Fitness) อยู่ชั้น 8
* สระว่่ายน้ำผู้ใหญ่ (เป็นแบบสระน้ำล้น), มีสระเด็กและจากุซซี่แยกออกมาจากสระผู้ใหญ่
อยู่ชั้น 9
* สระน้ำ ในแบบ water court และน้ำตกเล็กๆ
* Video door phone เพื่อความปลอดภัย
ส่วนพื้นที่จอดรถในโครงการมีประมาณ
70% รวมจอดซ้อน เริ่มตั้งแต่ชั้น 3
– 6 รวม 4 ชั้น พื้นที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 7
เป็นต้นไปถึงชั้น 25 ลูกบ้านที่นี่จะได้สิทธิ์ที่จอดรถ 1
คันต่อการซื้อ 1 ห้อง เป็นการจอดแบบไม่ระบุที่จอด ยกเว้น 2
ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
เป็นต้นไปที่จะได้สิทธิ์จอดรถแบบระบุบ้านเลขที่ให้ สามารถเข้าออกโครงการได้ทั้ง 2 ด้าน ทั้งซอย 13
และ15
ร้านค้าในบริเวณรอบๆคอนโด:
- ท็อปส์มาร์เก็ต
(โรบินสันสุขุมวิท 19)
ห่างจากคอนโด 580 เมตร
- วิลล่ามาร์เก็ต
(แอมบาสซาเดอร์) – 190
เมตร
- สุขุมวิทพลาซ่า – 600 เมตร
- แอมพลาซ่า – 230 เมตร
- เดอะแลนด์มาร์คพลาซ่า
– 760
เมตร
- 7-11 – 10 เมตร
โรงเรียนและโรงพยาบาล ที่ใกล้ที่สุดในบริเวณ 15 สุขุมวิท เรสซิเด็นท์ :
- เฮลท์แลนด์นวดแผนไทย
ระยะทางประมาณ 410
เมตร เดินทาง
- โรงเรียนนานาชาตินิสท์
– 650
เมตร
- โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟน
– 660
เมตร
- โรงเรียนเซนต์ดอมินิก
– 840
เมตร
- เทควันโด – 840 เมตร
- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 680 เมตร
- โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ 990 เมตร
บริเวณใกล้เคียงคอนโดมีร้านอาหาร มากมาย เช่น:
- โวล่า – 180 เมตร
- แล๊พพาร์ท – 200 เมตร
- โดซ่าคิงส์ – 480 เมตร
- คาตาลาน่า
ทาปาสแอนด์ไวน์ – 500
เมตร
- ชาร์เล่ย์บราวส์ –
520
เมตร