จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Work from Home ที่เหล่าคนเหงายังคงต้องเวิร์กต่อไป


                    Work from Home ที่เหล่าคนเหงายังคงต้องเวิร์กต่อไป

           หลังจากที่ปรากฏการณ์โควิด-19 ได้สร้างผลกระทบไปทั่วโลก ธุรกิจหลายแห่งต้องปิดทำการชั่วคราว องค์กรและบริษัทต่าง ๆ ไม่สามารถเปิดให้พนักงานมาทำงานร่วมกันที่ออฟฟิศได้เหมือนปกติ ถึงเวลาที่ผู้คนต้องปรับตัวครั้งใหญ่อันนำมาซึ่งวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal ที่นอกจากจะทำให้สังคมทางกายภาพเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังทำให้สภาพจิตใจของผู้คนได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน




         เมื่อวันที่ชีวิตเดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อ “การเว้นระยะห่างทางสังคม” หรือ Social Distancing กลายเป็นมาตรการหลักที่ภาครัฐใช้ เพื่อพยายามให้ประชาชนลดการเดินทางและใกล้ชิดกันให้น้อยลง หลายบริษัทจึงประกาศให้พนักงานส่วนใหญ่เริ่มทำงานจากที่บ้าน #Work From Home #WFH กันมากขึ้น ซึ่งการสำรวจของบริษัท Thrive Global จากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน 5,000 คน พบว่า สถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ ทำให้ผู้คนกว่าร้อยละ 80 มีระดับความกังวลและความเครียดเพิ่มมากขึ้น อีกร้อยละ 70 ยังรู้สึกว่าการทำงานที่บ้าน ทำให้พวกเขาไม่มีสมาธิ และยังมีรายงานว่าเวลาทำงานมากกว่าร้อยละ 45 โดยเฉลี่ยถูกใช้ไปกับความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

         นอกจากนี้ teamblind.com ที่ผู้ใช้บริการ ส่วนใหญ่เป็นพนักงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาอย่าง Apple, Amazon, Bloomberg และ Facebook ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานจากบริษัทเหล่านี้ เกี่ยวกับ “ความกลัว” ในชีวิตการทำงานเอาไว้ ซึ่งพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว มากกว่าครึ่ง (57%) รู้สึกกลัวว่าตัวเองอาจถูกให้ ออกจากงาน มีส่วนหนึ่ง ( 23.7%) ยอมรับว่ากำลังหาช่องทางสร้างรายได้เสริม และพนักงาน 40.6% เชื่อว่าต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 6 - 12 เดือน กว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ความเหงาเป็นขั้วบวกขั้วลบ หนุ่มสาวไม่ได้พบกันในวันร้าวราน ขณะที่ผู้คนปฏิสัมพันธ์กันน้อยลงและการเว้น ระยะห่างก็ช่วยลดอัตราการติดต่อของโรค ถึงแม้จะสร้างความอุ่นใจในระดับหนึ่ง แต่การอยู่กับตัว เองและไม่ได้พบเจอผู้คนนาน ๆ ก็คงต้องรู้สึก “เหงา” เป็นธรรมดา และความเหงานี้ยังส่งผลกระทบต่อ ประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละคนไม่มากก็น้อย

          สืบเนื่องจากการสำรวจของ teamblind.com เกี่ยวคุณภาพชีวิตด้านสภาพจิตใจซึ่งเป็นผลจาก #SocialDistancing จากกลุ่มตัวอย่าง 10,107 คน พบว่า คนเหงามากขึ้น 52.9% ตอบว่าการทำงาน ที่บ้านทำให้รู้สึกเหงามากกว่าปกติ (พนักงาน Apple เหงาเพิ่มขึ้น 52.3% พนักงาน Intel เหงาเพิ่มขึ้น 50% และพนักงาน Facebook เหงาเพิ่มขึ้น 58.1%) ประสิทธิภาพในการทำ งานลดลง 53% บอกว่าประสิทธิภาพในการทำงาน ของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการ เปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจเนื่องจาก การทำงานที่บ้าน (พนักงาน #Facebook ได้รับผลกระทบด้านประสิทธิภาพในการ ทำงาน 69.7% พนักงาน #Google 64.3% และพนักงาน #Amazon 57%) Stay Alone Together และ #5G คือคำ ตอบแห่งอนาคต แม้ตัวจะห่างกัน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี Video Conference ก็เป็นช่องทางที่ทำให้เรายังติดต่อสื่อสาร เครื่องมืออย่าง #Zoom หรือ #GoogleMeet จึงมียอดดาวน์โหลดทั่วโลกสูงถึง 62 ล้านครั้ง ภายใน 1 สัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 14 - 21 มีนาคม 2563) ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90 จากยอดดาวน์โหลดเฉลี่ยของปีก่อนหน้า



         รายงานจาก Doodle แพลตฟอร์มนัดประชุม และปฏิทินออนไลน์ระบุว่า ผู้คนหันมาประชุมผ่านจอ (Virtual Meeting) กันมากขึ้นถึง 42% ซึ่งนอกจากการประชุมงานในองค์กรแล้ว ยังพบว่ายังมีการนัดประชุมผ่านจอเพื่อทำกิจกรรมอื่น ๆร่วมกันด้วย เช่น นัดกัน #ออกกำลังกาย #เล่นโยคะ #เต้นแอโรบิก หรือแม้กระทั่งฝึก #พีลาทีส ผ่าน #VirtualMeeting มากขึ้นถึง 100% นัดกันเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมออนไลน์ หรือเกมทั่วไปอย่างเกมเล่นทายคำ หรือ ตอบคำถามมากขึ้น 44% นัดสังสรรค์ เช่น #ดื่มเบียร์ หรือ #จิบไวน์ ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 296% แนวโน้มของการทำงานทางไกลที่กำลัง เติบโตขึ้น ทำให้คุณภาพในการเชื่อมต่อกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรองรับการเชื่อมต่อระหว่างผู้คน ทำให้การทำงานทางไกลมีความเสถียรมากขึ้น  และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทลายกำแพงเรื่องสถานที่ เพื่อทำให้การทำงานร่วมกันของผู้คนที่อยู่ต่างสถานที่กัน มีความเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

         เคล็ดไม่ลับตั้งสติ Work from Home ระหว่างที่สถานการณ์โรคระบาดของยังไม่มีข้อสรุป และบ้านกลายเป็น ออฟฟิศเฉพาะกิจ หลายคนเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทำงานที่บ้าน แล้วไม่มีสมาธิ” รายงานจาก Headway Capital จึงได้รวบรวม 9 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับเพิ่มสมาธิ ที่สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อทำให้การทำงานจากที่บ้านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


       1. เพิ่มสิ่งรบกวน (เล็กน้อย) : มีการศึกษาพบว่าสิ่งรบกวนในระดับที่ไม่มากเกินไป เช่น การเปิดดนตรีบรรเลงเบา ๆ สามารถช่วยเพิ่มสมาธิขณะทำงานได้

       2. พักบ้าง : การพักสมองจากการทำงานสักครู่ และลองคิดเรื่องอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับงานจะช่วยเติมพลังและทำให้มีสมาธิมากขึ้น เมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง

       3. หาต้นตอความเครียด : หาให้เจอว่าอาการเครียดของคุณ เกิดจากอะไร แล้วลองเคลียร์สมองให้โล่ง โดยการจินตนาการว่า นำความเครียดนั้นไปเก็บไว้ในที่ไกล ๆ เช่นในลิ้นชัก หรือ เอาไปโยนทิ้งทะเล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า จะช่วยให้สามารถจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าได้ดีขึ้น

       4. จิบกาแฟ : อย่างที่รู้กันว่ากาแฟมีสารคาเฟอีน ช่วยให้ตื่นตัวและมีสมาธิทำงาน แต่ถ้าหากใครไม่ใช่คอกาแฟ ดาร์กช็อกโกแลต ก็ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

       5. วาดรูป (เล่น ๆ) : การวาดรูปในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการวาดอะไรที่ซับซ้อน แต่หมายถึงการพักวาดรูปสัก 1 นาที เพื่อวาดอะไรง่าย ๆ เช่น ขีดเส้นขยุกขยิก หรือ รูปทรงเรขาคณิต ซึ่งจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการขบคิด และช่วยดึงสติของคุณกลับมา

       6. นับเลข : การนับเลขช้า ๆ ไปพร้อม ๆ กับการหายใจ หรือที่ คนไทยคุ้นกันว่า “หายใจเข้า-พุท หายใจออก-โธ” โดยทำต่อกันสัก 10 ครั้ง จะสามารถช่วยขจัดความฟุ้งซ่านและทำให้มีสติมากขึ้น

       7. กดจุด : ศาสตร์โยคะที่ผสมผสานระหว่างความรู้ตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน ชื่อว่า Naam Yoga ระบุว่าการใช้ นิ้วโป้งกดลงไปเบา ๆ ที่ด้านข้างของนิ้วกลางตรงบริเวณข้อนิ้วที่ ใกล้กับฝ่ามือของมือแต่ละข้าง จะช่วยกระตุ้นเส้นประสาทที่อยู่ใกล้กับหัวใจ และช่วยทำให้รู้สึกสงบได้

       8. ดึงสติ : หมั่นสำรวจความคิดตัวเองอยู่เสมอว่าเมื่อไรที่คุณเริ่มเสียสมาธิ และอะไรทำให้เสียสมาธิบ่อย ๆ หากรู้ตัวและพบสาเหตุได้เร็วเท่าไร คุณก็จะรู้เท่าทันและดึงสติให้กลับมาตั้งสมาธิทำงานได้เร็วขึ้นเท่านั้น

       9. เคี้ยวหมากฝรั่ง : มีการวิจัยพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มความตื่นตัว และช่วยทำให้ตั้งสมาธิและจดจ่อกับงานได้นานขึ้น

ผู้เขียน: ณัฐชา ตะวันนาโชต วารสาร: คิด



1. หลังจากสถานการณ์ระบาดของ #โควิด19 เราจะลงทุนกันอย่างไร?


2. เกิดอะไรขึ้นกับ Mister Market








TC Green พระราม 9 ห้องมุม แต่งสวย วิวสุดยอด ขายและให้เช่า

      ห้องที่จะขายและให้เช่า 1 นอน 1 น้ำ 37.97 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ไม่ติดลิฟท์ ห้องมุมที่สวยที่สุด ของตึก D วิวสวนและคลองสวยมาก ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ตกแต่งสวยมาก มี ผ้าม่าน 2 ชั้น เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น เครื่องซักผ้าฝาหน้า Digital TV 40 นิ้ว เครื่องทำน้ำร้อน และ Microwave ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ราคา 3,200,000 บาท ค่าเช่า 15,000 บาท/เดือน











สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ TC Green พระราม 9  ได้ที่



ที่ตั้งโครงการ : ห่างจาก MRT พระราม 9 ประมาณ 900 เมตร ติดถนน 2 ด้านคือ ถนนพระราม 9 และ ถนนจตุรทิศ(ถนนเลียบทางด่วนขั้นที่ 2 ศรีรัช) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10320 พิกัด 13.753889, 100.575369   

        ประเภทโครงการ : ขนาดที่ดิน 16-0-0 ไร่ พิกัด 13.754371,100.5767 ตึก High Rise 4 อาคาร จำนวนชั้น 32 ชั้น ระยะพื้นถึงฝ้า 2.7 เมตร ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร ค่าที่จอดรถ 300 บาท ต่อคันต่อเดือน (แฟร์สำหรับคนไม่ใช้รถ) มีลิฟท์โดยสารแต่ละอาคาร 3 ตัวและลิฟท์บริการ 1 ตัว ที่จอดรถ ที่จอดรถประมาณ 470 คัน รวมจอดซ้อนคัน มี สระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกายทุกตึก  ติดถนนใหญ่ 2 ด้าน มีบริการ Shuttle Service รับส่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระรามเก้า

ดู VDO ที่
https://youtu.be/ivAbqBi5T4w

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น