จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สงครามทีวีดิจิตอล

                                                      สงครามทีวีดิจิตอล

                                     



          วงการทีวีบ้านเรา เริ่มต้นจากทีวีขาวดำ ซึ่งสมัยนั้นมีจำนวนช่องน้อยกว่าฟรีทีวีในปัจจุบัน คนไทยสมัยก่อนจะมานั่งรวมกันที่ห้องรับแขกนั่งดูทีวีร่วมกัน ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวไทยสมัยนั้นจะแนบแน่นกันมาก ยิ่งถ้าเป็นต่างจังหวัดแล้ว บางหมู่บ้านมีแค่บ้านบางหลังเท่านั้นที่มีทีวีดูกัน เพื่อนบ้านที่ไม่มีทีวีก็จะมาขอร่วมวงดูทีวีกัน ยิ่งถ้ามีการแข่งขันกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลนัดสำคัญที่ทีมชาติไทยแข่งกับชาติอื่น บ้านหลังที่มี TV ต้องเตรียมปูเสื่อต้อนรับเพื่อนบ้าน มีการเชียร์เป็นที่สนุกสนาน จนก้าวเข้ามาสู่ Generation ที่เป็นทีวีสี จำนวนช่องฟรีทีวีก็มีมากขึ้น ระดับรายได้ของคนไทยที่สูงขึ้นกอรปกับราคาเครื่อง TV สี ปัจจุบันในบ้านเรามีราคาถูกลงมาก ทำให้ปัจจุบันหลายๆ บ้านมีทีวีมากกว่า 2 เครื่อง ผมเองอยู่คนเดียวยังมีทีวี 3 เครื่องในห้องนอน ห้องทำงาน และห้องรับแขก ขนาดของทีวีสมัยก่อน 29 นิ้วก็นับว่าจอใหญ่แล้ว ปัจจุบันทีวีมีขนาดถึง 84 นิ้วแล้ว เป็นโชคดีของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเด็กเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับทีวีสี ไม่รู้จักหน้าตาของทีวีขาวดำกัน ผมคิดว่าราคาทีวีที่บ้านเราคงจะถูกกว่าราคาทีวีในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ เพราะว่าผมเห็นคนอินเดียที่มาเที่ยวบ้านเรา ขนทีวีกลับบ้านเขากันคนละเครื่อง 2 เครื่อง น่าดีใจแทนผู้ผลิตทีวีในประเทศของเรา ที่เกริ่นมาตั้งนานก็เพราะว่าบทความสัปดาห์นี้ ผมอยากจะเขียนถึงเรื่องการประมูลทีวีดิจิตอลที่จะเริ่มทำการประมูลกันในวันที่ 26-27 ธันวาคมนี้ โดย กสทช. กำหนดให้มีการประมูลช่องเอชดี 7 ช่อง เวลา 8.00-14.00น.วาไรตี้อีก7 ช่องเวลา 14.00-20.00 น. ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ส่วนวันที่ 27 ธันวาคมจะประมูลช่องข่าว 7 ช่องเวลา 8.00-14.00น. และช่องเด็กอีก 3 ช่อง เวลา 14.00-20.00 น. โดยใบอนุญาตทุกใบมีอายุ 15 ปี รวมจำนวนช่องที่ประมูล 24 ช่อง โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลช่องเอชดีรวม 9 ราย ช่องวาไรตี้ 16 ราย ช่องข่าว 10 รายและช่องเด็ก 6 ราย  และช่องเอชดีมีราคาเริ่มต้นที่ 1,510 ล้านบาท ช่องวาไรตี้มีราคาเริ่มต้นที่ 380 ล้านบาท ช่องข่าวมีราคาเริ่มต้นที่ 220 ล้านบาท และช่องเด็กมีราคาเริ่มต้นที่ 140 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าช่องที่จะขับเคี่ยวกันมากที่สุดน่าจะเป็นช่องวาไรตี้ที่มีช่องสำหรับการประมูลเพียง 7 ช่องแต่ผู้เข้าร่วมประมูลถึง 16 ราย ซึ่งผู้เข่าร่วมประมูลส่วนใหญ่ก็เป็นหน้าเดิมเกือบทั้งหมด คือ ทั้งที่รายที่เป็นผู้ให้บริการฟรีทีวีในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นช่อง 3,7,9 รวมทั้งกลุ่มเคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม กลุ่มหนังสือพิมพ์ และกลุ่ม Content Provide เช่น Grammy RS เนชั่น อมรินทร์การพิมพ์ โพสต์พับบลิชชิ่ง เวิร์คพอยท์ ไทยรัฐ เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่ม Content Provider เป็นกลุ่มที่เคยเจ็บช้ำน้ำใจ เป็นกลุ่มที่ต้องกินน้ำใต้ศอกของเจ้าของสถานีฟรีทีวีในปัจจุบัน ที่บางครั้งรายการถูกปลดออกจากผังรายการไปเสียดื้อๆ ผลิตรายการหรือละครออกมาแล้วไม่มีช่องที่จะออนแอร์ได้หรือได้ช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดี กลุ่มนี้ได้หันมาทำทีวีดาวเทียมกันแล้วส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น แกรมมี่ RS ซึ่งมีหลายช่องเลยทีเดียว รวมทั้ง เวิร์คพอยท์ เนชั่น ฯลฯ การประมูลคงจะสู้กันดุเดือดเป็นแน่ อย่างไรก็ตามก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับรายที่ประมูลได้ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายจากจำนวนเงินที่ประมูลรวมทั้งค่าเช่าโครงข่าย ซึ่งก็มีผู้ที่พร้อมจะให้บริการอยู่หลายราย ซึ่งราคาค่าเช่าของแต่ละรายจะไม่เท่ากัน ดูเหมือนว่าค่าเช่าโครงข่ายของอสมท.จะแพงที่สุด ในขณะที่ของไทยพีบีเอสจะราคาถูกที่สุด ผมไม่ทราบว่าราคาที่แตกต่างกันเป็นเพราะคุณภาพของโครงข่ายและหรือการเข้าถึง Eyeballs  มากกว่ากันหรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่ผมมั่นใจก็คือ ราคาค่าโฆษณาจากนี้ไป คงจะถูกลงโดยเฉพาะช่องฟรีทีวี เพราะว่าจะมีช่องทีวีดิจิตอลเกิดใหม่ถึง 48 ช่อง โดย 24 ช่องเป็นเพื่อธุรกิจ และอีก 24 ช่องที่เหลือจะเป็นช่องเพื่อสังคม เมื่อจู่ๆ มี Supply มากขึ้นจาก 6 ช่องเป็น 30 ช่อง (นับเฉพาะช่องธุรกิจ) เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ช่องฟรีทีวีเดิมที่เคยรับบทเป็นโดมผู้จองหอง คงจะต้องรับบทตรงกันข้ามแล้ว จากที่ Content Provider และเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ จะซื้อเวลาโฆษณาแทบจะต้องกราบกรานเพื่อจะได้เวลาในช่วง Prime time และยังต้องจ่ายค่าโฆษณาที่แพงขึ้นเกือบทุกปี หลังการประมูลสัก 1-2 ปี เมื่อช่องทีวีดิจิตอลเข้าถึงผู้ชมทางบ้านได้มากกว่า 90% ขึ้นไป เวลานั้นเราจะเห็นค่าโฆษณาที่ถูกลง และนับจากเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าที่เราจะได้ดูช่องทีวีดิจิตอลกันแล้ว กลุ่ม Content Provider คงจะกลายเป็นตัวเงินตัวทองขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะว่า 24 ช่องใหม่คูณกับจำนวนชั่วโมงที่ออนแอร์ สมมติว่าออนแอร์ช่วง 05.00-01.00 คิดเป็นวันละ 20 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า ช่องทีวีดิจิตอลใหม่ต้องการ Content สำหรับออนแอร์ถึงวันละ 480 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 3,360 ชั่วโมง คิดแล้วเห็นทีคงต้องไปขอร่วมทุนกับบริษัทที่ผลิต Content ดีๆ ขนาดเล็กสัก 2-3 บริษัท เอาไว้ป้อนช่องทีวีเกิดใหม่เหล่านี้แล้วล่ะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          18/12/56
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ขาย SMART TV Samsung UA40ES6220RXXT ซีรีส์ 6 3D 40นิ้ว ลดพิเศษ แค่ 20,000 บาทเท่านั้น(Power Buy ขายราคา 29,900 บาท)
Smart TV Samsung UA40ES6220RXXT 3D 40 inches only 20,000 baht.

ผลิตภัณฑ์ TV ซัมซุง Samsung UA40ES6220RXXT
LED แบบบาง ซีรีส์ 6 ซีรี่ส์ 3D 40นิ้ว
·          
·         


·         ข้อมูลจำเพาะ / Specifications:

·         สเปกสินค้า
ภาพ
* ดีไซน์แบบ Cystal Design เอกสิทธิเฉพาะของซัมซุง สะท้อนถึงความหรูหรา สง่างาม
* จอภาพแบบ Full HD ความละเอียดภาพระดับ 1920x1080 จุด
* เทคโนโลยี 3D TV เปิดประสบการณ์มันส์ ทะลุจอ
* เทคโนโลยี HyperReal Engine ช่วยปรับปรุงคุณภาพ รายละเอียด ความคมชัด ของภาพให้ดีที่สุด
* เทคโนโลยี 400 Hz Clear Motion Rate ให้ภาพเคลื่อนไหว ต่อเนื่อง นุ่มนวล
* Wide Color Enhancer Plus ให้ภาพมีความสดใน สวย สมจริงเป็นธรรมชาติ
* Digital Noise Filer ลดสัญญาณรบกวน เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนตลอดเวลา
เสียง
* ระบบเสียง Dolby Digital Plus และ SRS TheaterSound จำลองเสียงรอบทิศทางเสมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์
* ลำโพงพลังเสียงรวม 20 วัตต์ (RMS) (10W + 10W)
* ส่งสัญญาณเสียงแบบ DTS 2.0 ผ่านช่องต่อ Optical เพื่อเชื่อมต่อชุดเครื่องเสียงภายนอก เพื่อตอบสนองความต้องการระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบ
การเชื่อมต่อ
* Wifi Built-in เชื่อมโลกออนไลน์ผ่านเครือข่ายไร้สาย ให้สามารถส่งต่อข้อมูลหรือความบันเทิงถึงกันอย่างรวดเร็ว
* ช่องต่อ HDMI x 3 เพื่อการเชื่อมต่อระบบภาพและเสียงแบบ Digital 100%
* ช่องต่อ USB x 3 รองรับไฟล์ ภาพ เพลง และ ภาพยนต์ จาก flash memory และ HDD
* ครบครัน ด้วยการเชื่อมต่อแบบ AV x 1 , DVD Component x 1
* รองรับการส่งสัญญาณเสียงออกแบบ Digital ผ่านช่องต่อ Optical Output และแบบ Analog ผ่านช่องต่อ Mini Jack
ฟังค์ชั่นเสริม
* ระบบ SMART TV นำคอนเทนต์ต่างๆ มารวมไว้บนหน้าจอเพื่อประสบการณ์การรับชมทีวีที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยฟังก์ชั่น Social TV, Search All และ Your Video
* Web browser ให้คุณท่องโลกอินเตอร์เนทผ่านทีวี ให้คุณสนุกกับการคลิกชมเว็บไซต์ทั่วโลกอย่างง่ายดาย
* ระบบ All Share รองรับการ แชร์ข้อมูลผ่านระบบ DLNA กับหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่า จะเป็น Notebook, เครื่องเล่น MP3, หรือกล้องดิจิตอล
* ระบบ All Share Cloud รองรับการ แชร์ข้อมูลผ่าน
* ระบบ Anynet+ (HDMI CEC) รองรับการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่าน Remote Control อันเดียว
* ระบบ ภาพซ้อนภาพ (PIP) 1 จูนเนอร์
* รองรับเมนูภาษาไทย (Thai OSD)
ขนาด (กว้างxสูงxลึก)
·         ตัวเครื่องไม่มีขาตั้ง (W x H x D): 927.4 x 554.7 x 46.9มม.
·         ตัวเครื่องมีขาตั้ง (W x H x D): 927.4 x 620.4 x 241.3มม.
·         หีบห่อบรรจุ (W x H x D): 1154 x 646 x 132มม.
น้ำหนัก
  • ตัวเครื่องไม่มีขาตั้ง: 10.3กก.
  • ตัวเครื่องมีขาตั้ง: 11.6กก.
  • ลดพิเศษ แค่ 20,000 บาทเท่านั้น

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยุบสภาแล้วไงต่อ?

ยุบสภาแล้วไงต่อ?

          หลังจากการชุมนุมครั้งใหญ่ของมวลมหาประชาชน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และการลาออกจาก สส. ทั้งพรรคของ สส. พรรคประชาธิปัตย์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเมื่อเช้าวันจันทร์ ทำให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี กลายเป็นคณะรัฐมนตรีรักษาการ และจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน ซึ่งประจวบเหมาะกับ พลพรรคบ้านเลขที่ 109 เพิ่งจะพ้นโทษแบนทางการเมือง 5 ปี บุคคลเหล่านั้นก็รับสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเดิมของคน เพื่อจะได้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตามเงื่อนเวลา 30 วันก่อนวันเลือกตั้ง จากการที่มีประชาชนออกมาเดินขบวนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย ทำสถิติใหม่เหนือวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาและเหตุการณ์ 14 ตุลามหาวิปโยค โชคดีที่ไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น น่าจะเป็นที่ประหลาดใจแก่คนทั่วโลก ถึงแม้จะมีประกาศยุบสภาแล้วแต่ข้อเรียกร้องของกลุ่ม กปปส.(คณะกรรมการประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ขื่อยาวจริงๆ) ยังยืนยันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการเพื่อขอคืนประชาธิปไตย เพื่อเปิดโอกาสใช้อำนาจในมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ โดยตั้งรัฐบาลรักษาการที่เป็นกลางที่ไม่ใช่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดๆ เลย คงต้องติดตามต่อไปว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ผมมั่นใจมากๆ ก็คือ การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นจะมีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งมาใช้สิทธิกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเป็นแน่ ซึ่งหลังจากเลือกตั้งเสร็จ ยังไม่รู้ว่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกหรือไม่อย่างไร จากกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มเสื้อแดง คงได้แต่ภาวนาให้ประเทศชาติของเราได้ก้าวผ่านความขัดแย้งที่ได้ฝังรากลึก ลงในสังคมไทย ไปได้สักทีอย่าให้เราต้องกลายเป็นคนป่วยของเอเซียอย่างประเทศฟิลิปปินส์ในอดีตที่เคยเป็นประเทศที่เจริญมากที่สุดเมื่อหลายสิบปีที่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แต่ผลจากได้ผู้ปกครองไม่ดีทำให้ฟิลิปปินส์ต้องก้าวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่งจะมาไล่ตามประเทศอื่นๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้วการเมืองที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเจริญเติบโตของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ลองดูสิครับหลังจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ได้รัฐบาลที่ดี ความวุ่นวายทางการเมืองลดลงทั้ง 2 ประเทศมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจแซงหน้าเพื่อนบ้านอย่างไทยเราอย่างเห็นได้ชัด มีเงินทุน FDI และเงินลงทุนทางอ้อม (เงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดตราสารหนี้) หลั่งไหลเข้าไป 2 ประเทศนี้มากกว่าไทยเรา จะเห็นได้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของ 2 ประเทศนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้สูงขึ้น Out Perform ตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ผมยังจำได้หลายปีก่อนดัชนี SET INDEX กับดัชนี JAKARTA COMPOSITE เคยอยู่ในระดับเดียวกันแต่ปัจจุบันนี้ SET INDEX เรายังต้วมเตี้ยมอยู่แถว 1,300-1,400 ขณะที่ดัชนี JAKARTA COMPOSITE อยู่แถว 4,200 จุด คิดเป็น 3 เท่าของดัชนี SET INDEX นี่ขนาดว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา SET INDEX OUTPERFORM ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกแล้วก็ตามผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองจินตนาการดูนะครับว่า ถ้าเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วเราได้คนอย่างท่านลีกวนยูผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์ มาปกครองประเทศเราสัก 20-30 ปี แล้วเราสลับเอานัการเมืองไทยไปเป็นรัฐบาลปกครองประเทศสิงคโปร์สัก 20-30 ปี ท่านคิดว่าประเทศไทยของเรากับประเทศสิงคโปร์จะเป็นอย่างไรครับ ส่วนตัวผมเองคิดว่าประเทศไทยคงเจริญไปกว่านี้มากมายเลย GDP ต่อประชาการน่าจะสูงกว่านี้อย่างน้อย 2-3 เท่า เห็นหรือยังครับว่า ความสำคัญของการเมืองมีมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้ง ทุกคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งควรจะไปใช้สิทธิของตนเอง เลือกผู้แทนที่ดีที่คาดว่าจะสร้างคุณูปการให้กับชาติบ้านเมือง อย่าเลือกเพราะว่า เขาดีกับท้องถิ่นเท่านั้นหรือเลือกเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง ยิ่งผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ใช้เงินหว่านล้อมให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งให้มาเลือกตนเอง บุคคลเหล่านี้คาดได้เลยว่าจะต้องมีการถอนทุนคืนแน่ๆ
          กลับมาดูที่ตลาดหุ้นเรากันบ้างครับ ปัจจัยภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของ SET INDEX อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นผมยังเชื่อมั่นว่า แนวรับแถวๆ 1,340 บวกลบยังแข็งแกร่ง ดังนั้น นับจากนี้ ถ้ามีการหย่อนตัวลงของตลาดหุ้น ท่านนักลงทุนควรจะถือเป็นโอกาส่ที่ดีในการทยอยเก็บสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ย่อตัวลงมา และสำหรับผู้เสียภาษี นั่นก็คือโอกาสในการซื้อกองทุน LTF&RMF ในราคาที่ต่ำลง และแถมได้ลดหย่อนภาษีด้วยตามอัตราภาษีเงินได้ใหม่ที่มีผลใช้ในปีภาษีนี้เลย

 กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          11/12/56
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

คอนโดหรูในซอยสุขุมวิท 23 (ประสานมิตร) (เดิน 6 นาที จาก MRT,BTS อโศก) ราคา 50,000/ตรม.



ขาย-เช่า คอนโดเพรสทรีจคอนโด อยู่ในซอยสุขุมวิท 23 (ประสานมิตร) ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน (สุขุมวิท) และสถานีรถไฟฟ้า BTS (อโศก) ไม่ถึง 500 เมตร ทางไปตึกเริ่มจากปากซอยสุขุมวิท23(ซอยนี้เป็นทางลัดไปออกสุขุมวิท55ทองหล่อและถนนเพชรบุรีได้)ตรงเข้าซอยไป200ม.ถึง3แยกเลี้ยวขวา ตรงไป50ม.เป็น4แยกเล็กๆเลี้ยวซ้าย ตรงไป100ม.เป็น4แยกเล็กๆให้ตรงไปอีก30ม.ตึกอยู่ขวามีอ ในโครงการมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องล๊อคเกอร์แยกชายหญิง ห้องที่จะขายอยู่ชั้น 5 อาคาร B เลขที่ห้อง 168/40 พื้นที่ 174.49 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถส่วนตัว 1 คัน ในห้องนี้ มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รับแขก ครัว ซักล้าง และห้องคนรับใช้พร้อมห้องน้ำในตัว 1 ห้อง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สวยมาก ครบถ้วน ขายที่ราคา 8.5 ล้านบาทถ้วน  ให้เช่าห้อง 35,000 บาท/เดือน ค่าส่วนกลางเดือนละ4,300บาท
ติดต่อ 081-5549777

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ช่วงนี้ลงทุนอะไรดี ?

ช่วงนี้ลงทุนอะไรดี ?


          จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศโดยเฉพาะการเมืองบนท้องถนนที่ฝ่ายประท้วงซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นผู้นำและเป็นเลขา การประท้วงเริ่มต้นจากการประท้วง พรบ.นิรโทษกรรมแล้วได้ขยายข้อเรียกร้องไปถึงขั้นล้มล้างระบบทักษิณ และขยายพื้นที่ในการชุมนุมแบบดาวกระจายไปยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง การประท้วงรุนแรงถึงขั้นใช้แก๊สน้ำตา รวมทั้งความวุ่นวายที่บริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบคนข่าวคราวบ้านเราได้ถูกถ่ายทอดสู่สายตาของชาวโลก ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยได้ชะลอหรือยกเลิกกันไปบ้างแล้ว โดยเฉลี่ยประมาณ 10-20% แต่โรงแรมแถวๆ ถนนข้าวสารออกมาร้องโอดโอยว่านักท่องเที่ยวลดลงไปถึง 50% ทั้งๆ ที่เป็นช่วง High Season ก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนตุลาคมก็ลดลงมาอยู่ที่ 47.4 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนลดลง 4.90% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมาอยู่ที่ 76.60% ซึ่งตัวเลขเหล่านี้น่าจะแย่ลงอีกในเดือนพฤศจิกายน และถ้าการประท้วงยังไม่จบสิ้นประเทศไทยยังหาทางออกไม่ได้ เดือนธันวาคมก็จะแย่ด้วย ยังดีที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนตุลาคมที่ประกาศออกมาเกินดุล 376 ล้านเหรียญสหรัฐ และดุลการค้าเกินดุล 337 ล้านเหรียญ จากการนำเข้าที่หดตัวลง 4.00% YOY จากสภาวการณ์และตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้การประชุม กนง. ครั้งล่าสุดได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งก็เป็นการเซอร์ไพรส์นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่คาดการณ์ว่า กนง. คงจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว แสดงว่ากนง. ได้คำนึงถึงอัตราการเติบโตที่แย่ลงตั้งแต่ต้นปี และยังได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ลดลงด้วย แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.92% เมื่อเทียบกับชองเดือนก่อนที่ 1.46% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.85% เทียบกับ 0.71% ในเดือนตุลาคมค่าเงินบาทในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา อ่อนตัวลงประมาณ 3% นับเป็นสกุลเงินที่อ่อนตัวมากเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซียที่ค่าเงินรูเปี๊ยะห์อ่อนค่าลงไปถึง 6% การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเหรียญสหรัฐ มาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ทำให้มีการขายสุทธิของพันธบัตร 66,211 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 54,456 ล้านบาท ในช่วงระหว่าง 1 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เราเห็นต่างชาติขายสุทธิต่อวันในระดับ 4,000-7,000 ล้านบาทต่อวัน หลายวันทีเดียว ในขณะที่นักลงทุนในประเทศที่ประกอบไปด้วยสถาบันในประเทศ พอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายแบกรับแรงขาย ดัชนี SET INDEX จากวันที่ 31 ตุลาคม ปิดที่ 1,442.88 ไหลลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1,345.02 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน และปิดตลาดที่ 1,374.26 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถ้าใช้ปัจจัยทางเทคนิคมาตรวจจับดู ชาร์ตของ SET INDEX จะพบว่ากำลังฟอร์มตัวเป็นรูปแบบ Reverse Head & Shoulder โดยเริ่มฟอร์มตัวมาตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ปีนี้ โดยมีจุดสูงสุดที่ 1,649.77 แล้วสร้างบ่าซ้ายที่ 1,338.81 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน สร้างหัวที่ 1,260.08 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม และสร้างบ่าขวาที่ 1,345.02 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ถ้า SET INDEX ไม่ทำจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า 1,345.02 ก็พออนุมานได้ว่าบ่าขวาที่เห็นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว SET INDEX น่าจะค่อยๆ Sideway Up ขึ้นไปแถวๆ 1,650 จุด เพื่อให้รูปแบบ Reverse Head & Shoulder สมบูรณ์แบบ คาดว่าปีหน้าเราคงได้เห็น SET INDEX วิ่งไปถึงจุดดังกล่าว ทีนี้ปัญหาคือเราจะลงทุนในหุ้นกลุ่มไหนดี ผมมีแนวคิดอย่างนี้ครับ โดยปกติเวลาเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวถ้า IMF, World Bank และหน่วยงานอื่นๆ ทำนายไม่ผิด อัตราการเติบโตของ GDP ของโลกปี 2557 จะสูงกว่าปี 2556 จาการที่เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ขัด เศรษฐกิจของญี่ปุ่นและจีนน่าจะดีขึ้น ส่วนหลายๆ ประเทศใน EU ก็ได้พ้นจากภาวะถดถอย เริ่มมีการฟื้นตัว สินทรัพย์ที่น่าลงทุนมากที่สุด ก็คือ ตราสารทุนหรือหุ้นนั่นเอง เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “The Great Rotation” คือ การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากตลาดตราสารหนี้ เข้าสู่ตลาดตราสารทุน นั่นหมายถึง แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยจะทยอยสูงขึ้น ในขณะที่นักลงทุนจะยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นในอัตราส่วน P/E ที่สูงขึ้น จาการคาดหมายว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะสูงขึ้น โดยปกติการขึ้นจะไม่ใช่เพียงระยะเวลาสั้นๆ จะกินเวลาไปหลายปีเลยทีเดียว ถ้าท่านเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุนได้ถูกต้อง ผลตอบแทนจาการลงทุนก็ยิ่งจะสูงขึ้นไปอีก โดยกลุ่มที่ผมคาดว่าน่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่ากลุ่มอื่น น่าจะเป็นกลุ่มส่งออก จากากรที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของเราฟื้นตัว และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง ในปีหน้าจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นรวมทั้งการ Tapering และยกเลิก QE กลุ่มขนส่งทางเรือก็จะได้อานิสงค์ไปด้วย จากราคาค่าระวางเรือมีแนวโน้มสูงขึ้นในปีหน้า กลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวน่าจะดี คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะมีปริมาณมากขึ้น กลุ่มปิโตรเคมีก็น่าจะดีขึ้นจาก Margin ที่สูงขึ้น กลุ่มหุ้นที่ Turn Around จากผลประกอบการที่แย่ในปีนี้และปีก่อนๆ แล้วเริ่มจะมีผลประกอบการที่เป็นบวก ซึ่งเมื่อมีการฟื้นตัวจริง ราคาหุ้นน่าจะมีการดีดตัวอย่างแรง จากราคาที่ตกลงมามากแล้ว และอยู่ในราคาที่ต่ำ ส่วนกลุ่มประกันภัย ประกันชีวิตก็ยังเป็นกลุ่มที่มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง ช่วงนี้ถ้าหุ้นตกลงก็ทยอยซื้อแล้วถือยาวข้ามปีกันนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          04/12/56
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


คอนโดลาสโคลินาส ติดสี่แยกอโศก-สุขุมวิท 100เมตรจากBTS & MRT เพิ่งตกแต่งเสร็จ ราคา XX,000/ตรม.
                     

      ขาย คอนโดลาสโคลินาส อยู่บนถนนอโศกติดสี่แยกอโศก-สุขุมวิท (เดินครึ่งนาที จาก MRT,BTS อโศก) ตรงข้ามมี ตลาดสดอโศก Terminal 21 (Supermarket โรงหนัง ร้านอาหาร มอลล์) Robinson, Tops market place, สวนเบญจกิตติ มหาวิทยาลัยประสานมิตร ศูนย์สิริกิตต์
โครงการมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องล๊อคเกอร์ ซาวน่า สตีม แยกชายหญิง สควอช คอร์ท ห้องสนุกเกอร์ ห้องตีปิงปอง สนามเด็กเล่น ห้องที่จะขายอยู่ชั้น 29 เลขที่ 6/134 พื้นที่ 192.62 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถส่วนตัว 1 คัน ในห้องนี้ มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รับแขก ครัว ซักล้าง และห้องคนรับใช้พร้อมห้องน้ำในตัว 1 ห้อง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่งตกแต่งเสร็จ สวยมาก ครบถ้วน ขายที่ราคา 19 ล้านบาทถ้วน
 ดู VDO ที่ผมถ่ายภายในห้อง ที่ http://youtu.be/fZ5HU0HoyCY

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เอาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กันดีกว่า

เอาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กันดีกว่า

          เศรษฐกิจไทยเรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ไม่เพียงจากบริษัทชั้นนำอย่างเช่นเครือปตท. ปูนซีเมนต์ไทย ซีพี ฯลฯ ยังเกิดจากธุรกิจ SME ที่แข็งแกร่งช่วยกันพลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปกับเศรษฐกิจโลก ธุรกิจ SME หลายบริษัทที่มีความสามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกมีอยู่มากมาย หลายๆบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ในขณะที่บางบริษัทยังต้องการแหล่งเงินทุนไว้ใช้หมุนเวียนและขยายกิจการ ซึ่งรัฐบาลก็มีหน่วยงานที่ช่วยสนับสนุน SME เหล่านี้ เช่น SME BANK ให้บริการสินเชื่อแก่ SME บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้บริการค้ำประกันแก่ SME ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินแต่ติดขัดเรื่องหลักประกัน นอกจากนั้นยังมีพวก Venture Capital Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่จะเข้าสนับสนุนธุรกิจ SME ที่ต้องการเงินหมุนเวียนหรือขยับขยายกิจการในลักษณะเข้าไปร่วมทุนถือหุ้นใน SME เหล่านี้ ซึ่ง Venture Capital ส่วนใหญ่เป็นเอกชน ถ้านับเฉพาะที่เป็นสมาชิกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Thai Venture Capital Association) มีอยู่สิบกว่าบริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีนโยบายแตกต่างกัน บางบริษัทก็เน้นที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจ SME ที่แข็งแกร่งที่มีโอกาสเติบโตและเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ได้ภายใน 3 ปี แล้ว Venture Capital Fund เหล่านี้ก็จะ Exit ออกจาก SME เหล่านี้ภายหลังที่ธุรกิจเหล่านี้เข้าจดทะเบียนในตลาด พร้อมกับกำไรซึ่งได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงแต่ความเสี่ยงก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน โดยบางครั้งอาจจะต้องใส่เม็ดเงินเข้าไปหลายครั้งและอาจจะต้องส่งบุคลากรไปช่วยบริหารจัดการเรื่องการเงินให้ด้วย เพราะว่าหลายๆ SME ที่มีเพียงความเขี่ยวชาญในการผลิตแต่อ่อนประสบการณ์ในด้านการเงินหรือการตลาดด้วย ทำให้ความสามารถในการเจาะตลาดเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร หรือการนำสินค้าไปวางจำหน่ายใน Convenience Store ทั้งหลาย เป็นต้น นอกจากหน่วยงานเหล่านี้แล้วยังมีสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ที่คอยสนับสนุน SME ไทยให้แข็งแกร่ง สามารถแข่งขันในตลาดทั้งในประเทศและนอกประเทศได้ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์และ กลต. ก็มีนโยบายส่งเสริมให้ธุรกิจ SME ต่างๆ สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือ MAI ได้สะดวกขึ้น  โดยมีโครงการช้างเผือก เพื่อไปชักชวนให้ SME ที่มีความแข็งแกร่งในต่างจังหวัด เข้ามาจดทะเบียนให้ได้อย่างน้อย 1 จังหวัด 1 บริษัท ซึ่งเป็นนโยที่ดีน่าสนับสนุน แต่ผมยังไม่ค่อยเห็น SME ดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเท่าที่ควร เห็นทีตลาดหลักทรัพย์และกลต. คงจะต้องออกแรงมากกว่านี้อีกสักหน่อย ถึงแม้ว่าปีนี้จะมีบริษัทต่างๆ เข้ามาจดทะเบียนในทั้ง 2 ตลาดคึกคักพอสมควรก็ตาม น่าจะมีการจัดเวทีในทุกจังหวัด ให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง 1 ปีก็จะไปเยี่ยมได้ถึง 52 จังหวัดแค่ปีครึ่งก็สามารถไปได้ครบทุกจังหวัดโดยร่วมกับทางหอการค้าในจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการชักชวนให้ SME เหล่านี้มาเข้าร่วมฟังในเวทีสัมมนา เรื่อง ผลประโยชน์จากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด ซึ่งผมเชื่อว่าถ้า SME เหล่านี้ได้ทราบถึงผลประโยชน์ดังกล่าวคงมีความต้องการที่จะผลักดันธุรกิจของตนให้เข้าตลาดให้ได้ ซึ่งผมขอประมวลผลประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนได้ดังนี้
1.       ได้แหล่งเงินลงทุนระยะยาว โดยเมื่อบริษัทจะเข้าตลาดต้องทำ IPO เสนอขายหุ้นให้กับประชาชน ทางบริษัทก็จะได้รับเงินดังกล่าวไว้หมุนเวียน และขยายกิจการ
2.      ภาพลักษณ์ จะทำให้บริษัทมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้นได้เสนอข่าวและประชาสัมพันธ์ธุรกิจฟรี เพราะว่าสื่อต่างๆ จะสนใจมาสัมภาษณ์ผู้บริหารเกี่ยวกับกิจการ และการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินก็จะง่ายขึ้น และได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบริษัทที่อยู่นอกตลาด
3.      เป็นที่สนใจของนักลงทุนและธุรกิจต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศจะเห็นได้ว่ามีหลายบริษัทที่หลังจากเข้าไปจดทะเบียนแล้ว มีบริษัทต่างชาติขอร่วมทุนเข้าหุ้น หรือไปตั้งบริษัทลูกหรือบริษัทร่วมกับบริษัทต่างชาติ
4.      สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินปันผล โดยบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับเงินปันผลจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ โดยต้องเป็นเงินปันผลจากบริษัทหรือกองทุนที่ถือไว้ไม่น้อยกว่า 3 เดือน
5.      สามารถตีมูลค่ากิจการเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจน จากราคาตลาดเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดแล้ว และเจ้าของกิจการยังสามารถนำหุ้นมาขายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตัวเอง แต่ต้องศึกษาเรื่อง Silent Period (ช่วงระยะเวลาห้ามขาย) ด้วยนะครับ
6.      สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ถือหุ้นที่จดทะเบียน คือ เวลาขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี Capital Gain Tax
เห็นประโยชน์มากมายอย่างนี้แล้ว ท่านเจ้าของธุรกิจที่สนใจจะนำกิจการของคนเข้าจดทะเบียนในตลาด สามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th นะครับ

ก่อนจบบทความนี้ผมขออนุญาตชี้แจงข่าวที่ทางบริษัทเจพีมอเตอร์เวิร์คจำกัด (JPW) ได้นำชื่อของผมไปใช้การประชาสัมพันธ์ในแนวทางที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ผมเป็นหุ้นส่วนด้วยนั้น ผมขอแจ้งให้ทราบว่า ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง  ไม่ได้ถือหุ้น และไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทเลยแม้แต่น้อย เพราะว่ามีหลายคนมาบอกว่าที่เข้าไปซื้อแฟรนไชส์หรือไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทนี้ เพราะว่าเห็นผมเป็นหุ้นส่วน ซึ่งผมได้แจ้งให้กับทางผู้บริหารของ JPW ให้ยุติการแอบอ้างชื่อผมไปเกี่ยวพันกับบริษัทอีกต่อไป ถ้าท่านใดได้รับการชักชวนให้ซื้อแฟรนไชส์หรือซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ JPW โดยบอกว่าผมเป็นหุ้นส่วน กรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วยครับ ผมจะดำเนินการต่อไปตามสมควรครับ
 กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          27/11/56
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
คอนโดลาสโคลินาส ติดสี่แยกอโศก-สุขุมวิท 100เมตรจากBTS & MRT เพิ่งตกแต่งเสร็จ ราคา XX,000/ตรม.

      ขาย คอนโดลาสโคลินาส อยู่บนถนนอโศกติดสี่แยกอโศก-สุขุมวิท (เดินครึ่งนาที จาก MRT,BTS อโศก) ตรงข้ามมี ตลาดสดอโศก Terminal 21 (Supermarket โรงหนัง ร้านอาหาร มอลล์) Robinson, Tops market place, สวนเบญจกิตติ มหาวิทยาลัยประสานมิตร ศูนย์สิริกิตต์

โครงการมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องล๊อคเกอร์ ซาวน่า สตีม แยกชายหญิง สควอช คอร์ท ห้องสนุกเกอร์ ห้องตีปิงปอง สนามเด็กเล่น ห้องที่จะขายอยู่ชั้น 29 เลขที่ 6/134 พื้นที่ 192.62 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถส่วนตัว 1 คัน ในห้องนี้ มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รับแขก ครัว ซักล้าง และห้องคนรับใช้พร้อมห้องน้ำในตัว 1 ห้อง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่งตกแต่งเสร็จ สวยมาก ครบถ้วน ขายที่ราคา 19 ล้านบาทถ้วน
 ดู VDO ที่ผมถ่ายภายในห้อง ที่ http://www.youtube.com/watch?v=fZ5HU0HoyCY

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทักษิณาธิปไตย และทักษิโณมิกส์

ทักษิณาธิปไตย และทักษิโณมิกส์


คุณทักษิณ  ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ในช่วงระหว่างวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2549  ก่อนที่จะถูกคณะรัฐประหารยึดอำนาจไป ในช่วงสมัยแรกๆ คุณทักษิณได้รับการยอมรับจากคนไทยส่วนใหญ่ มีนโยบายในการปกครองประเทศในเชิงประชานิยมและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง  ทำให้เศรษฐกิจไทยมีเงินสะพัดมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีนโยบายกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นในประเทศ ซึ่งนำไปสู่ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นมาก จนปัจจุบันนี้ไต่ขึ้นไปถึง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นภาวะที่น่าเป็นห่วง คนไทยระดับล่างและกลุ่มรากหญ้ามีหนี้สินพะรุงพะรัง คุณทักษิณเป็นที่รักใคร่มากสำหรับประชาชนในภาคอีสาน เพราะว่าเป็นนายกที่สนใจคนอีสานมากที่สุด และบางส่วนในภาคเหนือ แต่ก็เป็นที่เกลียดชังอย่างยิ่งสำหรับคนไทยภาคใต้และบางส่วนในภาคกลางรวมทั้งชาว กทม. นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เป็นที่รักอย่างยิ่ง และเป็นที่เกลียดชังอย่างยิ่งของประชาชนไทย นับตั้งแต่ที่คุณทักษิณเป็นนายกตราบจนปัจจุบัน สังคมไทยได้แบ่งขั้วกันอย่างชัดเจนมากเป็น 2 ฝ่าย แทบจะไม่มีฝ่ายที่รู้สึกกลางๆ เลย ทีเดียว นอกจากสังคมระดับชาติที่แตกแยก กระทั่งสังคมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ทะเลาะกัน จากความเห็นที่แตกต่างกันทางการเมือง ยกตัวอย่างญาติผมบางคนเลิกคุยกัน มองหน้ากันไม่ติดหลังจากเสวนาทางการเมืองกัน กระทั่งใน Social บนอินเตอร์เน็ต ผมเห็นเพื่อน Unfriend เพื่อนที่คบกันมานานใน Facebook จากความเห็นที่ไม่ตรงกับทางการเมือง หรือการเขี่ยเพื่อนบางคนออกจาก Line Group ก็เห็นบ่อยๆ เกิดจากระบบความคิดที่ใช้ในการบริหารประเทศของคุณทักษิณที่แตกต่างจากพรรคอื่นหรือนายกคนอื่น จนมีคนให้ฉายาแนวทางการบริหารประเทศของคุณทักษิณว่าเป็น ทักษิโณมิกส์ หลังจากที่ท่านบริหารประเทศนานขึ้น ท่านมีความสามารถพิเศษที่ทำให้องค์กรอิสระต้องหันมาสนับสนุนท่านจนประชาชนบางกลุ่มเริ่มรู้สึกว่า ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถทัดทานความคิดของคุณทักษิณได้ จนหลายคนเกรงว่าถ้าคุณทักษิณบริหารประเทศไม่ดี ก็ไม่มีใครจะสามารถทัดทานได้ แนวทางในการบริหารประเทศดังกล่าวทำให้บางคนก็ค่อนแคะว่า เป็นระบอบปกครองแบบทักษิณาธิปไตย เปรียบเสมือนว่าอำนาจในการปกครองบริหารประเทศอยู่ในกำมือของคุณทักษิณคนเดียวเท่านั้น ยิ่งคุณทักษิณเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขตไหนเลือกพรรคของคุณทักษิณก็จะดูแล ส่วนเขตไหนไม่เลือกก็จะไม่ดูแล ยิ่งทำให้เป็นที่ไม่ชอบใจมากขึ้นของคนหลายกลุ่ม จึงเป็นที่มาของการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มพันธมิตร (สีเหลือง) ในอดีต ทางฝ่ายคุณทักษิณและคนที่รักคุณทักษิณก็ไม่ยอมน้อยหน้า รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ยิ่งทำให้เกิดการแตกแยกของคนในสังคมมากขึ้น ตั้งแต่ผมเกิดมาใช้ชีวิตอยู่มาครึ่งชีวติแล้ว ก็ยังไม่เคยคนไทยแตกแยก และเกลียดกันเองมากขึ้นขนาดนี้ นับว่าเป็นที่น่าสงสาร และน่าอับอายในสายตาของชาวต่างชาติที่เขามองมาที่สังคมไทยเรา ผมก็ได้แต่ภาวนาให้สังคมไทยกลับกลายมาเป็นสังคมที่รักใคร่ เอื้ออาทรกันเหมือนในอดีต ไม่รู้จะต้องรอไปอีกกี่ปีหรือกี่สิบปี ดูแล้วน่าจะแก้ไขได้ยากยิ่ง เพราะว่าปัญหานี้ได้ฝังรากลึกลงไปในทุกระดับ ผมยอมรับในความสามารถของคุณทักษิณในบางนโยบายที่เป็นนโยบายที่ดีทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่เห็นด้วยในบางนโยบาย โดยเฉพาะการที่ทำให้องค์กรอิสระเป็นง่อยหรือกลายเป็นพวกเสียหมด ถ้าคุณทักษิณยอมให้องค์กรอิสระเหล่านั้นมีความเป็นอิสระในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ ผมเชื่อว่ารัฐบาลของคุณทักษิณจะเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะว่าโดยรวมๆ แล้ว นโยบายที่เคยทำก็ส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยอยู่เป็นที่ประจักษ์  ถ้าทำได้ดังนี้ คงไม่มีประชาชนจำนวนมากไปร่วมประท้วงกันที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยในขณะนี้ ซึงการประท้วงครั้งนี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะมีผู้หญิงที่เข้าร่วมประท้วงค่อนข้างมาก ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีจำนวนมากกว่าผู้ชายแน่ๆ จากสังคมรอบตัวผม ผมมักจะเห็นแต่ญาติผู้หญิงหรือเพื่อนผู้หญิงที่ไปร่วมประท้วง โดยเฉพาะสุภาพสตรีเหล่านี้มักจะถ่ายรูปแล้วมาแปะไว้ใน INSTAGRAM และ Facebook กันจนดูเหมือนจะกลายเป็นแฟชั่นไปซะแล้ว
          กลับมาดูเศรษฐกิจไทยปีนี้ถือว่าแย่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม ASEAN เราได้เกือบที่โหล่เลยทีเดียว ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่เพิ่งประกาศออกมาเหลือเพียง 2.70% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่า Consensus ที่อยู่ที่ประมาณ 3% คงจะต้องมีการปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ปีนี้ ลงอีกตามมาแน่ๆ Analyst ก็เริ่มจะปรับประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ลดลงอีกเป็นรอบที่ 2 แต่เป็นที่น่าแปลกว่า ในวาระที่ประท้วงกันขนาดนี้ บวกกับตัวเลข GDP ที่น่าผิดหวังกลับไม่กระทบกระเทือน SET เลยทีเดียว ถือว่าเป็นสัญญานที่ต้องติดตาม ถ้า SET INDEX สามารถยืนเหนือ 1,430 จุดได้อย่างมั่นคง คงจะต้องยอมควักสตางค์ซื้อหุ้นเข้ามาเก็บแล้วถือข้ามปีกันซะแล้วครับ เข้าทำนองข่าวร้ายหุ้นไม่ลง แสดงว่าตลาดได้ Discount สิ่งเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว หรือตลาดมองข้ามข็อตไปปืหน้ากันแล้ว
          วันอาทิตย์ (24/11/56) ผมจะเปิดอบรมการลงทุนในหุ้นทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค รวมทั้งวิธีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในสไตล์ของผมที่สร้างเงินจาก 1 ล้านเป็น 500 ล้านบาท สนใจกรุณาติดต่อที่ 088-2740434 หรือ 081-8359274
                                
"การลงทุน คือ...
ปัจจัยที่ 5 สำหรับคนรวย"
...คุณกิติชัย เตชะงามเลิศ...
ผู้แต่งหนังสือขายดีติดอันดับ 1 ทั่วประเทศ
"จาก 1 ล้าน เป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร"

...ประโยคทองคำที่ออกจากปากเศรษฐี
เพียงประโยคเดียวอาจพลิกชีวิตเราได้เลย...

"เครื่องมือที่คนรวยใช้มีอยู่ 3 อย่าง คือ
ธุรกิจ หุ้นและอสังหาริมทรัพย์"
"ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตลาดหุ้น
มักมีเบื้องหลังมาจากการทำงานอย่างหนัก
ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ เหมือนที่คนทั่วไปเข้าใจกัน"
"นอกจากเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูดแล้ว
เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและ
แผนดำเนินการที่ดีประกอบด้ว
ชีวิตถึงจะประสบความสำเร็จได้"
เป็นอีกหลากหลายประโยคทองคำที่มาจากปากของ
...คุณกิติชัย เตชะงามเลิศ...
ผู้แต่งหนังสือขายดีติดอันดับ 1 ทั่วประเทศ
"จาก 1 ล้าน เป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร"

ขอเชิญฟังประโยคทองคำอีกมากมาย
และมาเรียนรู้สุดยอดเคล็ดลั
ที่ไม่ได้เปิดเผยในหนังสือขายดี
"จาก 1 ล้าน เป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร"

- วิธีง่ายๆ ทุกวันจันทร์ที่ใช้คัดกรองหุ้นดี หุ้นถูก
แบบขั้นเทพที่ทุกคนคาดไม่ถึ
- เครื่องมือที่ใช้คำนวณราคาหุ้นที่เหมาะสม
จากการวิเคราะห์งบการเงิน และ ปัจจัยพื้นฐาน
จะได้ไม่เกิดอาการที่ระบาดหนักในตลาดหุ้น
คือ "ขายหมู" หรือ "ติดดอย"
- ที่พลาดไม่ได้ !!! คือ เหตุการณ์วันหนึ่งที่ทำกำไร
จากหุ้นได้เกือบ 10 ล้านบาท แบบฟลุ๊คๆ

ในการจัดสัมมนา ครั้งที่ 87 โดย หนุ่ม อภิชา(โปรสัมมนา)
"จาก 1 ล้าน เป็น 500 ล้าน ต้องทำอย่างไร"
วัน : อาทิตย์ที่ 24 พ.ย. 2556
เวลา : 9.30 - 16.30 น.
สถานที่ : The Palazzo Hotel
วิทยากร : คุณกิติชัย เตชะงามเลิศ

=========================
เรารับประกันความพอใจยินดีคืนเงิน 110%
=========================
เรารับประกันความพอใจยินดีคืนเงิน 110%
=========================
เรารับประกันความพอใจยินดีคืนเงิน 110%
=========================

"ความสำเร็จของคุณ" คือ สิ่งสำคัญสำหรับเรา
ถ้าไม่พอใจและไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้
กรุณาแจ้งเรา และเราจะคืนเงินทันที 110%
โดยไม่มีคำถามและหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น !!!

- สอบถามเพิ่มเติมโทร. 088-274-0434
- ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที
http://on.fb.me/18f0Wa2



 ขาย คอนโดลาสโคลินาส อยู่บนถนนอโศกติดสี่แยกอโศก-สุขุมวิท (เดินครึ่งนาที จาก MRT,BTS อโศก) ตรงข้ามมี ตลาดสดอโศก Terminal 21 (Supermarket โรงหนัง ร้านอาหาร มอลล์) Robinson, Tops market place, สวนเบญจกิตติ มหาวิทยาลัยประสานมิตร ศูนย์สิริกิตต์

โครงการมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องล๊อคเกอร์ ซาวน่า สตีม แยกชายหญิง สควอช คอร์ท ห้องสนุกเกอร์ ห้องตีปิงปอง สนามเด็กเล่น ห้องที่จะขายอยู่ชั้น 30 พื้นที่ 192 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถส่วนตัว 1 คัน ในห้องนี้ มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รับแขก ครัว ซักล้าง และห้องคนรับใช้พร้อมห้องน้ำในตัว 1 ห้อง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สวยมาก ครบถ้วน ขายที่ราคา 19 ล้านบาทถ้วน
 ดู VDO ที่ผมถ่ายภายในห้อง ที่ http://www.youtube.com/watch?v=fZ5HU0HoyCY