เป็นไปตามคาด
ถ้าท่านผู้อ่านติดตามบทความผมอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นได้ว่าผมได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 น่าจะแย่เอาการ
แล้วตัวเลขที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช) ที่ประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์
ปรากฏว่าไตรมาส 2 เศรษฐกิจไทยโตเพียง 2.80% ซึ่งเมื่อเทียบกับ Analyst Consensus ที่ 3.60%
น้อยไป 0.80% ทีเดียว
และแล้วหน่วยงานองค์กรต่างๆ ก็มีการปรับการคาดการณ์ GDP ของประเทศไทยบางหน่วยงานก็มีการปรับการคาดการณ์ไปแล้ว
เช่น ธปท. ก็ลดการคาดการณ์ GDP ปีนี้ อยู่ที่ 4.20% ส่วน สศช.เองก็ปรับการคาดการณ์จากเดิม 4.20%-5.20% เหลือเพียง
3.80-4.30% เท่านั้น
ส่วนศูนย์วิจัยของธนาคารกสิกรไทยและไทยพาณิชย์ก็ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP เป็น 4.00% ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนผมอาศัยมวยวัด
โดยคอยสังเกตตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจตัวเลขส่งออก
และจากการสอบถามเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจหลากหลายประเภทดู
กอรปกับจากการสังเกตโปรโมชั่นของบริษัทห้างร้านต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์
จากปีที่แล้ว ไม่มีการจัดโปรโมชั่นอะไรเลย ปีนี้กลับมีโปรโมชั่นออกมามาก
จนผู้ที่จะซื้อรถปีนี้ถึงแม้จะไม่ได้สิทธิโครงการรถยนต์คันแรกแล้วก็ตาม
แต่สิทธิประโยชน์บริษัทรถยนต์ให้เกือบเทียบเท่าสิทธิดังกล่าวเลยทีเดียว
หรือการไปทดลองขับโดยไม่มีข้อแม้ว่าจะต้องจองซื้อรถยนต์
ก็ได้บัตรกำนัลมูลค่าเกือบพันบาท สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการส่งสัญญานให้เห็นว่า
ตลาดรถยนต์น่าจะซบเซาลงมาก และยอดการยกเลิกการจองรถยนต์ในโครงการรถคันแรกก็มีค่อนข้างสูง
คาดว่ายอดขายรถยนต์ครึ่งปีหลังยังแย่อีก
นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทยเรา หลายประเทศก็ยังไม่ค่อยดี เช่น
จีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของไทย ก็มีปัญหาเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
กลุ่มประเทศยุโรป เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว
แม้กระทั้งเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียเองก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย อินโดนีเซีย โดยเฉพาะประเทศหลังนี้ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่เพิ่งจะประกาศออกมาโตเพียง 5.81%
ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำในรอบหลายปีตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย
รวมทั้งตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลถึง 9.80 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส
2 ปีนี้จาก 5.80 พันล้านเหรียญในไตรมาส
1 ทำให้ค่าเงินรูเปียะห์อินโด
อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินตอลล่าร์สหรัฐ ค่าเงินเอเชียส่วนใหญ่ก็อ่อนตัวลง
เงินบาทเราก็มีแนวโน้มอ่อนค่ามาหลายเดือนแล้วเข่นกัน จากตัวเลขส่งออกที่โตน้อยมาก
และการขาดดุลบัญชีเงินสะพัด ถ้าเปรียบเทียบ GDP ไตรมาส 2
ปีนี้ กับไตรมาส 1 ก็หดตัวลงไป 1.70% QoQ
จากการหดตัวของการส่งออกกับภาคครัวเรือนที่ลดการจับจ่ายใช้สอยลงโดยขยายตัวเพียง
2.40% YoY จาก 4.40%
ในไตรมาส 1 สาเหตุหลักๆ
ก็คงมาจากยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ลดลงต่อเนื่อง
ความต้องการรถยนต์ของปีนี้ได้ถูกนำไปใช้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
นอกจากนั้นยังทำให้หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ผู้คนจึงมีเงินเหลือจับจ่ายใช้สอยลดลง
เพราะว่าส่วนหนึ่งต้องมีภาระในการผ่อนชำระรถยนต์ การจับจ่ายของภาครัฐเองก็มีไม่มากนัก
ส่วนหนึ่งก็มาจากงบโครงการป้องกันน้ำท่วม 3.50 แสนล้านบาทที่ศาลปกครอง
สั่งให้ทำ EIA และ HIA ก่อน
จึงทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณโครงการนี้ชะงักไป กอรปกับ พรบ. 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวจักรกลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 และปีถัดๆ ไป ก็ยังไม่แน่ว่าจะคลอดออกมาหรือเปล่า
หรือคลอดออกมาจะถูกทำแท้งโดยศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่จากการที่กลุ่ม 40 สว. จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า พรบ.
ฉบับนี้ขัดแย้งกับรัฐะรรมนูญหรือไม่
ยังมีเรื่องวุฒิสภาที่จะกลายเป็นสภาผัวเมียหรือไม่ จากการที่มีการผลักดันให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งและจะมีวุฒิสมาชิกที่กำลังจะหมดสมาชิกภาพจำนวนหนึ่ง
แล้วยังมี พรบ.นิรโทษกรรมที่กำลังพิจารณาอยู่
ซึ่งคงจะทำให้การเมืองทั้งในสภาและนอกสภาคงจะปั่นป่วนน่าดู
และปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่ต้องจับตาคือการประชุมของ FED ในเดือนกันยายนนี้
ว่าจะมีการลดเม็ดเงินของมาตรการ QE ว่าจะลดลงไหม
ถ้าลดจะลดเท่าไร ถ้า FED ลดจาก 85,000 ล้านเหรียญ/เดือนเป็น 60,000-65,000 ล้านเหรียญ/เดือน คาดว่าตลาดจะมีผลกระทบไม่มากนัก
เพราะว่าตลาดหุ้นได้ซึมซับข่าวนี้ไปพอสมควรแล้ว แต่ถ้าลดมากกว่านี้
ก็คงทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกลงไปได้อีกส่วนตลาดหุ้นไทย
ที่ผมแนะนำให้ขายในรอบที่ขึ้นมาเร็วๆ นี้ แล้วแนะว่าอย่าเพิ่งซื้อ
ในที่สุดเราก็ได้เห็น SET INDEX ตกลงมาต่ำกว่า 1,400 จุดตามที่ผมทำนายไว้ ผมคิดว่าที่ระดับ 1,338-1,352 จุดน่าจะเป็นแนวรับที่ในรอบนี้คงจะพยุง
SET INDEX ได้สักช่วงหนึ่ง เพื่อจะดูข่าวสารที่จะมากระทบตลาด
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า พรบ.2 ล้านล้านบาทขัดกับรัฐธรรมนูญ
เราคงได้เห็น SET INDEX ที่ต่ำกว่า 1,300 จุดเป็นแน่ ช่วงนี้ต้องระมัดระวังในการลงทุน
และติดตามข่าวทั้งเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิดนะครับ
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน
ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa ทุกเดือน
สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ขายดาวน์คอนโดสุขุมวิทลีฟวิ่งทาวน์ อโศก เดิน 2 นาที
จากรถไฟใต้ดินเพชรบุรี, 8
นาทีจากสถานีแอร์พอร์ตลิ้ง และ 1 นาทีจากท่าเรือเพชรบุรี ราคาต่ำกว่าโครงการสุด ๆ
โครงการ มี 36ชั้น
453 ยูนิต ที่จอดรถ 540 คัน มี สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องล็อคเกอร์
ซาวน่า สตีม แยกชายหญิง
ห้องเลขที่ 299/40(502) ชั้น 5 แบบห้องเอ“ เนื้อที่ 60 ตารางเมตร ไม่มีตึกบัง
ราคา 4,800,000 บาท มี
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1ห้องรับแขก
เฟอร์นิเจอร์บางส่วน พร้อมเครื่องปรับอากาศ
2 เครื่อง รวมทั้งที่จอดรถ 1 คัน ห้องหันทิศเหนือ
ให้เช่าห้อง 22,000
บาท/เดือน โครงการใกล้กันขนาดเท่ากัน ขายกันที่ 9,000,000 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น