ธปท.-กนง (ตอนที่ 3 ต้มยำกุ้ง (ต่อ)
2
บทความที่แล้วนอกจากกล่าวถึงความเป็นมาของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) รวมถึงบทบาทของ
ธปท.ในช่วงที่ไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2541 และผลกระทบต่อนักลงทุน
นักเก็งกำไร และประชาชนทั่วไป โดยผมค้างไว้ถึงช่วงที่ผมต้องตัดขาดทุนขายหุ้นไปบางส่วน
เพื่อล้างหนี้
MARGIN เพื่อเก็บสภาพคล่องไว้กับตัวบางส่วน
เพราะว่าไม่แน่ใจว่าวิกฤติต้มยำกุ้งจะคงอยู่กับประเทศไทยนานเพียงใด
แต่จากที่ร่ำเรียนมา วัฏจักรเศรษฐกิจมีขาลงและขาขึ้น เพียงแต่ไม่ว่าช่วงเวลาที่ใช้ในการฟื้นตัวจะเป็นรูปตัว
V หรือตัว U ที่ฐานแคบหรือกว้างก็ยังคาดเดาไม่ถูกในสมัยนั้น
แต่คาดว่าน่าจะเป็นตัว U ฐานกว้าง แล้วก็เป็นจริง
คือเราต้องจมอยู่ในภาวะเศรฐกิจถดถอยไปหลายปีเลยทีเดียว กว่าเศรฐกิจไทยจะโงหัวขึ้น
ช่วงนั้นผมแทบจะหยุดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรทุกชนิด
รักษาเงินที่มีอยู่เอาไว้ไม่ให้เสียหายเพิ่มเติม ช่วงนั้นคิดอยู่อย่างเดียวคือ
จะรอเอาคืนช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ถ้าช่วงนั้นผมไม่ตัดสินใจขาย Cut loss หุ้น ผมคงล้มละลายไปแล้ว คิดดูสิครับ ช่วงที่ผมเข้าน่าจะประมาณ 1300-1400
จุด แล้ว SET Index ก็ไหลลงมาที่ 204 จุด
หลายๆบริษัทที่ต้องล้มละลายกิจการไปทั้งๆที่เป็นบริษัทลูกของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น
ธนสยาม ร่วมเสริมกิจ ศรีมิตร ฯลฯ และที่ล้มดังที่สุดก็คือกลุ่ม เอกธนกิจ(FIN
I)ที่เป็นหุ้นขวัญใจทั้งนักลงทุน และนักเก็งกำไร เป็น Growth
Stock ตัวหนึ่ง การเติบโตนอกจากเป็น Organic growth แล้วยังเกิดจากการไปไล่ Take Over กิจการอื่นๆเขามาอยู่ในเครือ
จากการที่รายได้และกำไรที่มีการขยายตัวสูง
นักลงทุนจึงยอมจ่ายเงินที่จะซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาที่มีค่า P/E ที่สูง เมื่อ FIN I ไปซื้อกิจการที่มีค่า
P/E ที่ต่ำกว่า แต่เมื่อนำรายได้และกำไรมารวมในเครือเดียวกัน
นักลงทุนยอมจ่ายที่ค่า P/E ที่สูง FIN I
ยิ่งไปเทคโอเวอร์กิจการอื่นๆมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เป็นกิจการ Holding ที่มีรายได้ กำไร และสินทรัพย์
โตเร็วอันดับต้นๆของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จนนักลงทุนแทบจะคิดว่า FIN
I นี่ TOO –BIG –TO –FALL
แต่ในที่สุดวิกฤตต้มยำกุ้งก็ปิดฉาก FIN I พร้อมกับบริษัทจดทะเบียนอีกหลายบริษัท
โดยเฉพาะบริษัทที่กู้เงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุนและหรือเพื่อเก็งกำไร
ลองคิดดูสิครับกู้มา 100 ล้าน $ ในตอนที่เริ่มกู้
ค่าเงินอยู่แถวๆ 26-27 บาท เพราะว่าในสมัยนั้นค่าเงินบาท PEG อยู่กับค่า.$.และเป็นอย่างนั้นมาช้านาน
จนเอกชนไทยไม่ระมัดระวัง ไม่มีการซื้อ Forward เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน
แล้วบางบริษัทแย่กว่านั้น เดิมมีธุรกิจหลักที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ก็กู้เงินมาสร้างอาคารสำนักงานออกมาขายและให้เช่า
หรือคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยออกมาขาย พอวิกฤติเศรษฐกิจ Demand หดหายไปอย่างรุนแรง ตึกเหล่านี้ก็ขายไม่ออก
ไหนจะต้องจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้ แถมหนี้ที่เคยกู้มา 100 ล้านเหรียญ
คิดเป็น 2,700 ล้านบาท แต่พอค่าเงินบาทอ่อนลงไปเรื่อยๆ
ยิ่งช่วงที่ขึ้นไปที่ 50 กว่าบาท/$ เงินกู้จะกลายเป็น 5,000กว่าล้านบาททันที เจ้าหนี้ก็เร่งทวงหนี้ทั้งต้นทั้งดอก
อย่างนี้ธุรกิจอะไรจะอยู่รอดได้ ถึงแม้อยากจะตัดขายอาคารเหล่านี้ทิ้ง
ก็ขายยากเพราะ Demand แทบไม่มีในตลาดเลย เลยทำให้ราคาอาคารเหล่านี้ตกลงอย่างมาก
โดยเฉพาะในแถบทำเลที่ไม่ค่อยดี ราคาลดลงเกินครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
ในช่วงนั้นจะเห็นอาคารที่สร้างเสร็จและไม่เสร็จมากมาย หลายๆอาคารเมื่อมองในยามค่ำคืน
จะเห็นห้องที่เปิดไฟมีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น
แสดงว่าคนที่ซื้ออยู่จริงน้อยกว่ากลุ่มนักลงทุนและนักเก็งกำไร
ส่วนประชาชนคนทำมาหากินที่ผ่อนบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองก็ได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทห้างร้านปลดพนักงานออกส่วนหนึ่ง
เพราะว่ายอดขายลดลงอย่างมาก พนักงานกลุ่มนี้ รวมทั้งเจ้าของธุรกิจรายย่อยที่ธุรกิจแย่ลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
ทำให้รายได้ลดลง ตัวพนักงานเองถึงแม้บางรายที่โชคดีไม่ได้ถูกปลดออก แต่ก็ถูกลด OT
ลง ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้รวมที่ได้รับ
เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว ไม่พอส่งธนาคารเพื่อผ่อนบ้านดังกล่าว
ทำให้มีบ้านทีถูกยึดในสมัยนั้นเยอะมาก แต่ว่าวิกฤตก็มีโอกาสให้ธุรกิจบางประเภทกลับรุ่งเรืองขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ธุรกิจนี้คืออะไร มาติดตามอ่านในบทความหน้าครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
29/11/58
29/11/58
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution)
ทุกเดือน
ถ้าท่านชอบบทความผม
ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา
แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่
ท่านก็จะทราบทันที