โบรกเกอร์-เฒ่าทารก
ธุรกิจโบรกเกอร์ในประเทศไทย
มีมาประมาณ 40 ปี พอๆกับอายุของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ้าเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
ก็ถือว่ามีอายุไม่น้อย การซื้อขายตราสารทุนในประเทศไทย ถ้านับตั้งแต่ตลาดแลกเปลี่ยนแรกซึ่งมีชื่อว่าตลาดหุ้นกรุงเทพ
(
BANGKOK STOCK EXCHANGE ) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2505
เท่ากับผ่านมา 53 ปี แล้วเสียด้วยซ้ำ
เป็นสถานที่สำหรับสมาชิกมาชุมนุมเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายตราสารทุน
เป็นการซื้อขายหุ้นที่สมาชิกกระทำให้ลูกค้าโดยมิได้กระทำในตลาดหุ้น
แต่จะกระทำที่สำนักงานของสมาชิกแต่ละคน
ซึ่งยังไม่ค่อยได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป เห็นได้จากมูลค่าซื้อขายมีเพียง 160 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2511 และ 114 ล้านบาทในปี พ.ศ.2512
แล้วกลับไปเหลือเพียง 46 ล้านบาทในปี 2513 และ 28 ล้านบาทในปี 2514
ในขณะที่การซื้อขายหุ้นกู้มีมูลค่าถึง 87 ล้านบาทในปี พ.ศ.2515
และในปีนั้นเองมีการซื้อขายหุ้นเพียง 26 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าความนิยมในการซื้อขายหุ้นในสมัยนั้นมีน้อย
จากการที่ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการลงทุน
รวมทั้งการที่มีการประชาสัมพันธ์ตลาดหุ้นกรุงเทพน้อยมาก และในสมัยนั้นยังไม่มีสื่อต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น TV วิทยุ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ที่ FOCUS
ในด้านหุ้นเลย INTERNET ก็ยังไม่มีใช้
พัฒนาการของบริษัทต่างๆในประเทศไทยส่วนใหญ่จึงเกิดจากเงินทุนของเจ้าของกิจการ
หรือเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
จนกระทั่งต่อมาได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พ.ศ.2517 โดยกระทรวงการคลังได้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการจัดตั้งตลาดหุ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดให้มีแหล่งกลางสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์
เพื่อส่งเสริมและการระดมทุนในประเทศ
แล้วจึงได้เปิดการซื้อขายตราสารทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518
โดยมีที่ทำการแรกอยู่ที่ อาคารศูนย์การค้าสยาม จนมาถึงปี 2526
จึงได้มีการย้ายที่ทำการไปยังอาคาร สินธร ถนนวิทยุ (นี่คือเหตุผลที่ใช้ชื่อห้องสินธร
สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ด้านตลาดทุนใน PANTIP)
จนกระทั่งล่าสุดได้ย้ายมาที่ถนนรัชดาภิเษกข้างๆศูนย์สิริกิตต์ อีกไม่นานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็จะย้ายไปอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษกเช่นกันในช่วงระหว่างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม
9 กับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (ที่มา : WIKIPEDIA)
การซื้อขายตราสารทุนในสมัยก่อนใช้การเคาะกระดาน
ซึ่งโบรกเกอร์แต่ละรายจะส่งเจ้าหน้าที่ของตนเข้าไปอยู่ในห้องซื้อขายหุ้นที่เป็นห้องกระจก
ซึ่งนักลงทุน หรือผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถที่จะไปยืนดูได้
นักลงทุนสมัยก่อนพกกล้องส่องทางไกลไปยืนชิดติดกระจก
เพื่อจะส่องดูคำสั่งซื้อขายที่อยู่ในมือจของมาร์เก็ตติ้งที่ไปเคาะกระดาน
เพื่อดูว่าเป็นออร์เดอร์ซื้อขายหุ้นอะไร จำนวนที่ซื้อขายมากน้อยเท่าใด
โดยมาร์เก็ตติ้งก็จะเขียนหมายเลขสมาชิกโบรกเกอร์ของตนบนกระดานหุ้นตรงช่องหุ้นที่มีคำสั่งซื้อ
หรือ ขาย ( BID/ OFFER ) ตามลำดับเรียงลงมาเป็นคอลัมน์ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย
เมื่อมีออร์เดอร์ที่เคาะซื้อหรือขาย มาร์เก็ตติ้งจะวิ่งไปเคาะกระดานที่หุ้นตัวนั้นๆ
ถ้าเป็นออร์เดอร์ซื้อก็จะไปเคาะกระดานตรงช่องที่เสนอขาย โดยโบรกเกอร์ที่อยู่ในลำดับบนสุดก็จะรีบวิ่งมาหามาร์เก็ตติ้งที่เคาะซื้อแล้วสอบถามกันว่าจะซื้อจะขายหุ้นตัวนี้กี่หุ้น
ถ้าออร์เดอร์ซื้อมีมากกว่า มาร์เก็ตติ้งที่เคาะซื้อก็จะเคาะกระดานที่จุดเดิมต่อ โบรกเกอร์ลำดับถัดไปก็จะวิ่งมาในลักษณะเดียวกัน
จนกว่าออร์เดอร์ซื้อขายจะได้หุ้นครบ ถ้าเคาะซื้อจนหมดที่โบรกเกอร์อื่นตั้งขายแล้ว
มาร์เก็ตติ้งที่เคาะซื้อก็ก็จะลบหมายเลขโบรกเกอร์ฝั่งที่เสนอซื้อหมด
แล้วเขียนหมายเลขตัวเองที่ฝั่งเสนอซื้อเป็นลำดับแรก ถ้ามีลูกค้าโบรกเกอร์อื่นๆส่งคำสั่งซื้อมาที่ราคาเดียวกัน
มาร์เก็ตติ้งโบรกเกอร์นั้นก็จะมาเขียนหมายเลขโบรกเกอร์ของตนต่อแถวยาวลงมาตามลำดับว่าใครมาถึงกระดานก่อน
ดังนั้นมาร์เก็ตติ้งที่อยู่ในห้องกระจกนั้น จะต้องทะมัดทะแมง วิ่งเร็ว
เพื่อชิงลำดับที่จะเขียนบนกระดานให้เป็นลำดับแรกๆ
เพื่อจะได้มีโอกาสซื้อหรือขายก่อนคนอื่น
ในสมัยนั้นนักลงทุนก็ติดตามหุ้นจากการรายงานวิทยุ ต่อมาก็มีการรายงานทาง TV
จนกระทั่งต่อมานักลงทุนรุ่นหลังๆ
ได้รับความสะดวกในการซื้อขายมากขึ้น
จากการเปลี่ยนแปลงจากระบบเคาะกระดานมาเป็นการซื้อขายด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าการซื้อขายหุ้นมากขึ้นตามลำดับ
ยิ่งสมัยปัจจุบัน สามารถใช้ APP ส่งคำสั่งซื้อหรือขาย
หรือเช็คหุ้นได้จาก GADGET ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SMART
PHONE หรือ TABLET ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ที่จุดไหนของโลกใบนี้
ขอเพียงเข้าถึง อินเตอร์เนตได้ ก็สามารถทำการซื้อขายหุ้นได้
กลับมาที่อุตสาหกรรมโบรกเกอร์ที่มีอายุมา
40-50ปีแล้ว ทำไมยังจะต้องมีการกำหนดค่าคอมขั้นต่ำ
แทนที่จะปล่อยเสรีเหมือนอุตสาหกรรมอื่นๆ
ผมไม่เคยเห็นอุตสาหกรรมไหนกำหนดราคาขั้นต่ำของสินค้าและบริการเลย ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว
คอนโด เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ การกีดกันโบรกเกอร์ที่กำหนดค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่สมาคมโบรกเกอร์กำหนดไว้
รวมทั้งบทลงโทษ อย่างเช่นร็วๆนี้มีโบรกเกอร์รายใหม่ที่พึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งมีนโยบายเก็บค่าคอมในอัตราที่ต่ำ ก็ถูกรับน้องจากโบรกเกอร์หัวโบราณ
นี่ยังไม่นับการที่มาร์เก็ตติ้งจะย้ายค่ายในอดีตก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ ผมเห็นอุตสาหกรรมอื่นซื้อตัวพนักงานเก่งๆ ไม่เห็นมีใครว่าเลย
อุตสาหกรรมโบรกเกอร์ก็เทียบเป็นวัยกลางคนแล้ว เลิกทำตัวเป็นเฒ่าทารกกันเสียที
กิติชัย เตชะงามเลิศ
11/11/58
11/11/58
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution)
ทุกเดือน
ถ้าท่านชอบบทความผม
ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา
แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่
ท่านก็จะทราบทันที
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน
ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น