จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

TRUE....อีกแล้วเหรอ?(ตอนอวสาน)

                                  TRUE....อีกแล้วเหรอ?(ตอนอวสาน)


         บทความตอนที่แล้วผมพูดถึงกรณี California wow ที่ปิดไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตามมาด้วยกรณีของกลุ่มทรูที่เพิ่งปิดบริการทุกประเภท ที่ให้บริการในประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแถลงว่าจะรับผิดชอบและเยียวยาสมาชิกที่ยังมีสมาชิกภาพและบริการต่างๆ ที่ได้ชำระเงินไว้ล่วงหน้าแล้ว คือปิดสถานบริการไปแบบหน้าตาเฉย  โดยที่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้ากับสมาชิก ตามหลักการของธุรกิจที่ดี ขนาดที่ว่าเจ้าของสถานที่ ที่กลุ่มทรูได้ไปเช่าพื้นที่ยังต้องติดป้ายประกาศว่า "ทางอาคารไม่ได้รับการแจ้งจากกลุ่มทรู ว่าจะไม่เปิดให้บริการในวันนี้ ทางฝ่ายอาคารกำลังพยายามติดต่อกับทางกลุ่มทรู เพื่อฟังเหตุผลที่เป็นทางการ" การรับผิดชอบต่อลูกค้าอย่างทันท่วงที ถือว่าเป็นคุณลักษณะของธุรกิจที่ดี มีจรรยาบรรณและมีบรรษัทภิบาลที่ดี  แต่กลับไม่พบคุณสมบัติเช่นนี้จากกลุ่มทรู ซึ่งในบทความที่แล้วผมได้เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของความรับผิดชอบของกลุ่มทรูที่มาเลเซียกับของไทย ที่ต่างก็ปิดกิจการไปไล่ๆกัน ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง   ทำให้เห็นถึงความใส่ใจที่แตกต่างกัน

           ลองมาดูรายได้ของทรูฟิตเนสกันครับ เมื่อปี 2556 บริษัทมีรายได้ 379 ล้านบาท หลังจากนั้นก็มีรายได้ก็ลดลงมาโดยตลอด ปี 2557 รายได้ 308 ล้านบาท ต่อมาปี 2558 รายได้ลดลงเหลือ 276 ล้านบาท  คงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการปิด True Fitness ที่ Zen เมื่อปีที่แล้ว ส่วนรายได้ของ True Spa เมื่อปี 2556 มีรายได้รวม 231 ล้านบาท ต่อมาปี 2557 มีรายได้รวม  188 ล้านบาท ปี 2558 รายได้ลดลงเหลือเพียง 149 ล้านบาท ( หมายเหตุ : บริษัททรูฟิตเนสจำกัด ดำเนินธุรกิจ True Fitness ส่วนบริษัททรูสปาจำกัด ดำเนินธุรกิจ True Spa และ True Est)  โดยบริษัททรูสปาจำกัด  ถึงแม้จะมีรายได้ลดลงก็ตาม แต่ก็มีกำไรมาตลอด โดยปี 2556 มีกำไรสุทธิ 30.4 ล้านบาท ปี 2557 มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 6.6 ล้านบาท แล้วมาขาดทุนในปี 2558 โดยขาดทุนถึง 28 ล้านบาท คงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการปิด True Spa และ True Est ที่ Zen เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน

             การปิดให้บริการของกลุ่มทรู  ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสมาชิกและผู้ที่ซื้อบริการ  จึงมีสมาชิกกลุ่มหนึ่ง ได้ไปร้องเรียนกับศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยนางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กล่าวว่า การปิดดำเนินการโดยไม่แจ้งสมาชิกล่วงหน้า พร้อมทั้งไม่มีมาตรการเยียวยา เข้าข่ายผิดสัญญา ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2521 ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ “ธุรกิจนี้ถือเป็นธุรกิจสัญญา โดยมีการเรียกเก็บเงินผู้บริโภคล่วงหน้า การจะปิดปรับปรุงก็ต้องแจ้งให้สมาชิกทราบและมีแผนรองรับสมาชิกว่าจะไปใช้บริการที่ไหน มีกำหนดเปิดหลังการปรับปรุงที่แน่นอน ไม่ใช่ปิดหายเงียบไป ติดต่อผู้ประกอบการก็ไม่ได้ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคบางรายเพิ่งซื้อคอร์สและใช้งานไปเพียงไม่กี่ครั้ง ขอให้บริษัททรู สปา ฯ ออกมารับผิดชอบรวมถึงเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็คืนเงินส่วนที่เหลือให้กับผู้บริโภคก่อน เมื่อปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเปิดรับสมาชิกใหม่อีกครั้ง” หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคกล่าว

            นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าหากทางบริษัททรู สปา ยังไม่ยอมออกมาเยียวยาผู้บริโภคโดยปิดตัวเงียบหายไปนั้นอาจเข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั่นคือกระทำด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้บริโภคที่มีปัญหาดังกล่าวสามารถร้องเรียนเข้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ด้วยตัวเองโดยเตรียมเอกสารต่างๆ เช่นสัญญาการเป็นสมาชิก หลักฐานการจ่ายเงิน และเพื่อความรวดเร็วเขียนลำดับสถานการณ์ตั้งแต่วันสมัคร การใช้งานคอร์สต่างๆ จนถึงวันเกิดปัญหา เป็นต้น หรือร้องเรียนปรึกษาทางโทรศัพท์หมายเลข 02-2483737 เวลา 09.00 – 17.00 ร้องทุกข์ที่ complaint@consumerthai.org หรือร้องทุกข์ออนไลน์ https://goo.gl/lESHRR

            นอกจากนั้นยังมีการรวมตัวของกลุ่มผู้เสียหาย จากการที่กลุ่มทรูปิดการให้บริการ ซึ่งมีจำนวนสมาชิกประมาณ 500 คน ได้มีการสร้าง LINE Group และ Facebook Page(https://www.facebook.com/TrueFitnessTrueSpaTrueEst/  รวมคนที่ได้รับผลกระทบจาก True Fitness True Spa True Est) เพื่อให้ผู้เสียหายได้มารวมตัวกัน และติดตามความคืบหน้าว่า ทางกลุ่มทรูจะรับผิดชอบกับผู้เสียหายอย่างไร โดยล่าสุดได้มีการไปร้องเรียนที่สคบ. สภาทนายความแห่งประเทศไทย สำนักพิทักษ์สิทธิด้านกฎหมายภาคพลเมือง ปปง. DSI และกองปราบปรามคุ้มครองผู้บริโภค แล้ว และทางกลุ่มยังจะไปขอความช่วยเหลือจาก ท่านรองผบ.ตร. และ คสช. อีกด้วย

             นอกจากนั้นยังกระทบชิ่งไปยังกองทุน Thailand Prime Property Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust หรือเรียกสั้น ๆ ว่า TPRIME  ที่บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย หรือ KASSET  ซึ่งเป็นกอง REIT (รีท) โดยมีทรัพย์สินที่ลงทุนคือ Exchange Tower ณ แยกอโศก และ Mercury Tower แยกชิดลม  ไม่ทราบว่ามีค่าเช่าค้างชำระอยู่หรือไม่ นอกจากนั้นกว่าทางฝ่ายบริหารโครงการ จะเข้าไปปรับปรุงเพื่อจะเปิดให้เช่าใหม่ คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งด้วย  จึงส่งผลกระทบไปถึงผู้ที่ถือหน่วยลงทุนกองทุนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



           ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่หน่วยงานรัฐจะต้องออกกฎหมายให้เข้มงวดและรัดกุม โดยเฉพาะกับสถานให้บริการ ที่มีการชำระค่าบริการล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานๆ  อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีกเลย เพราะนอกจากที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจส่วนบุคคล แล้วยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจต่างชาติแล้วมาสร้างความเสียหายให้กับคนไทย ควรจะมีบทลงโทษที่หนักหนาสาหัส ไม่ใช่ล้มบนฟูกเหมือนกับที่ผ่านๆมา

          สามารถอ่านบทความเรื่องนี้ตอนที่ 1 ได้ที่ 
TRUE....อีกแล้วเหรอ?(ตอนที่ 1)

หมายเหตุ : กลุ่มทรูที่ผมกำลังกล่าวถึง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทรูคอร์ปเลยแม้แต่น้อยนะครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
       16/6/60

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
     หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
              4.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

คอนโด เอดจ์ (Edge) ประสานมิตร ยูนิตที่ได้วิวสวนลอยฟ้าที่สวยที่สุด
สุขุมวิท 23 เดิน 1 นาทีจาก MRT 2 นาทีจาก BTS ขายดาวน์ถูกสุดใน 3 โลก
ที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนากรุงเทพมหานคร
ประเภทโครงการ : คอนโดมิเนียม สูง 35 ชั้น มีสโมสร สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ร้านค้า มินิมาร์ท เนื้อที่โครงการ : 2 ไร่ 217 ตารางวา
ห้องที่จะขาย
   ห้อง 8/271(011315) ชั้น 12A ประเภทห้อง 1A : 1 นอน 1 น้ำ ฝ้าเพดานสูง 2.9 เมตร Fully Furnished มี เตาไฟฟ้าแบบCeramic เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น Digital TV 43 นิ้ว เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำร้อน Microwave ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ พื้นที่ใช้สอย : 30 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศเหนือ วิวสวนสวยมาก ราคา 6,300,000 บาท หรือเช่า 30,000/เดือน

ฟรี  1.ค่าส่วนกลาง 72 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนเป็นเวลา1ปี สิ้นสุด 28/2/61
      2.ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
      3.ค่าโอน 1% และค่าใช้จ่ายอื่นๆในการโอน
      4.ค่าขอและเงินมัดจำมิเตอร์ไฟฟ้า
รวมทั้งหมดมูลค่าประมาณ 100,000 บาท




ประเภทโครงการ : คอนโดมิเนียม สูง 35 ชั้น 443 ยูนิต ล็อบบี้ ชั้น G และ Sky Lounge ที่ชั้น 27F / 27M ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์บริการ 1 ตัว  และอาคารจอดรถ 9 ชั้น(มีลิฟท์ 2 ตัว)  ชั้นส่วนกลางที่ 27F และชั้นลอย มีสระว่ายน้ำ, จากุซซี่, ฟิตเนสบนชั้น 27M ที่มองลงมาเห็นสระว่ายน้ำได้ มีการออกแบบที่ดีและสวยงาม ดีไซน์วงโค้งๆเป็นอกลักษณ์ของตึกเลย  ดาดฟ้าลานจอดรถ ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น ดื่ม และปาร์ตี้ได้นะครับ  สำหรับคนชอบสังสรรค์ สำหรับลูกบ้านเท่านั้น จำนวนห้องต่อชั้นสูงสุด 15 ห้อง เนื้อที่โครงการ : 2 ไร่ 217 ตารางวา ค่าส่วนกลาง 72 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร




       

Swan Lake เขาใหญ่คุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่?

                                            Swan Lake เขาใหญ่คุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่?



            การไปพักผ่อนที่เขาใหญ่เป็นสิ่งที่คนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพและปริมณฑลนิยมมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนัก แค่ 2 ชั่วโมงก็ถึง ยิ่งถ้ารถไฟความเร็วสูงสายอีสาน เฟสแรก "กรุงเทพฯ-นครราชสีมา" ระยะทาง 250 กิโลเมตร ซึ่งมีทั้งหมด 6 สถานี เริ่มที่ "บางซื่อ ดอนเมือง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปากช่อง นครราชสีมา" เปิดใช้ ก็ยิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่จะไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น ทำให้พอจะคาดได้ว่า หลังจากที่มีการเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงสายดังกล่าว น่าจะทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและเทศ ที่จะไปพักผ่อนหย่อนใจในเขาใหญ่ มีเยอะขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

         เรามาดูสถิติการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา (กรมการท่องเที่ยวไม่ได้ทำตัวเลขแยกเฉพาะของเขาใหญ่)  พอจะเห็นภาพเลาๆ ของการท่องเที่ยวที่เขาใหญ่ได้บ้าง ปรากฏว่า ปี 2555 มีนักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา (ทั้งในเมืองและวังน้ำเขียว) 6,082,187 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 116,571 คน เมื่อรวมทั้งไทยและเทศคิดเป็น 6,198,758 คน มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี  จนกระทั่งถึงปี 2559 มีนักท่องเที่ยวไทย 8,173,186 คน เพิ่มขึ้น 34.38 % นักท่องเที่ยวต่างชาติ 147,453 คน เพิ่มขึ้น 26.49% เมื่อรวมทั้งไทยและเทศ คิดเป็น 8,321,239 คน เพิ่มขึ้น 34.24

        จากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของการท่องเที่ยวเขาใหญ่ นอกจากนั้นโอกาสทางการท่องเที่ยวของเขาใหญ่ ยังมีมากขึ้นจากการที่คนไทยเริ่มให้ความสนใจกับสุขภาพมากขึ้น จึงวิ่งเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น  ยิ่งฐานอายุของคนไทยโดยเฉลี่ยสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปีหน้าเรากำลังจะมีคนไทย ที่อายุเกิน 60 ปี มากถึง 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงว่าถ้าคุณเดินสวนกับคน 5 คนจะมีหนึ่งคน ที่อายุเกิน 60 ปี คนสูงวัยส่วนใหญ่จะแสวงหาธรรมชาติ  โดยเฉพาะสถานที่ ที่มีต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก เขาใหญ่จึงตอบโจทย์กับเทรนด์ของคนไทยที่ใฝ่หาธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ในช่วงที่มีอากาศหนาว จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงปกติด้วย

          จากจำนวนนักท่องเที่ยว 8.3 ล้านคนที่ไปเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ย่อมต้องมีบางคนที่คิดจะเป็นเจ้าของอสังหาฯ บนเขาใหญ่ เพียงแค่ 0.1% ของตัวเลขนักท่องเที่ยว ก็คิดเป็นจำนวน 8,300 ยูนิตแล้ว ซึ่งมากกว่าจำนวนยูนิตที่ออกขายในแต่ละปี หรือจำนวนยูนิตรอขายสะสมทั้งหมด  ดังนั้นคุณคงได้คำตอบแล้วนะครับว่า อสังหาที่เขาใหญ่น่าลงทุนหรือไม่

          ช่วงที่ผ่านมาผมได้เห็นคลิปวีดีโอของโครงการหนึ่งบนเขาใหญ่  ซึ่งถูกแชร์มาใน Line ของหลายๆ กรุ๊ป ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า โครงการนี้มีดีอย่างไรถึงมีคนนำวีดีโอมาแชร์มากมาย โครงการนั้นคือ Swan Lake ที่มีพี่เบิร์ด ธงไชยกับคุณมานิต อุดมคุณธรรม ที่เป็นเจ้าของโครงการบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ หลังจากเปิดดูคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว ยิ่งทำให้ผมอยากรู้จักโครงการนี้มากขึ้น ผมจึงไปเสิร์ชหาข้อมูลของโครงการนี้ แล้วก็ค้นพบว่า เป็นหนึ่งในโครงการในอุดมคติของผมเลยทีเดียว เพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบอยู่กับธรรมชาติ โดยเฉพาะสถานที่ที่มีต้นไม้ใหญ่ๆ เป็นจำนวนมาก เพราะที่นี่มีต้นไม้มากกว่า 40,000 ต้น พันธุ์ไม้มากกว่า 240 ชนิด แล้วในจำนวนต้นไม้เหล่านี้ ได้สานกันเป็นอุโมงค์ต้นไม้ ที่มีความยาวถึง 4 กิโลเมตร




นอกจากนั้นยังมีก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่า 10,000 ก้อน ซึ่งถูกนำเข้ามาจากแหล่งต่างๆ มาสร้างองค์ประกอบของความเป็นธรรมชาติให้มากขึ้น  ทั้งยังขุดพื้นที่มากกว่า 60 ไร่เพื่อทำเป็นทะเลสาบถึง 7 ทะเลสาบ โดยทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กินเนื้อที่ถึง 20 ไร่ มีหงส์ ไก่ และสัตว์ต่างๆ ที่ถูกเลี้ยงอย่างธรรมชาติ รวมทั้งปลาคาร์ฟกว่า 5 หมื่นตัว ว่ายวนอยู่ในทะเลสาบ ยิ่งไปกว่านั้น ทางโครงการยังจะสร้างเลนจักรยาน 2 ชั้น ที่มีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร และยังมีฟิตเนสท่ามกลางธรรมชาติ ลองจินตนาการดูสิครับว่า คุณวิ่งบน Treadmill หรือเล่นเวทท่ามกลางธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมวิวเขาใหญไปด้วย คงจะมีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย ที่ทำได้แบบนี้

และเมื่อผมย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2548  ที่ตั้งโครงการเคยเป็นไร่ข้าวโพดและเขาหัวโล้น แทบไม่น่าเชื่อเลย ว่าความสามารถของคนเรา จะเนรมิตที่ดินแบบนั้น ให้กลายเป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติที่สวยงามในปัจจุบันได้ เป็นการคืนธรรมชาติสู่ธรรมชาติจริงๆ


            เมื่อมาดูจำนวนยูนิตที่มีทั้งหมด 282 unit เทียบกับพื้นที่ของโครงการทั้งหมด 200 ไร่ ทำให้แต่ละยูนิตมีพื้นที่ส่วนกลางประมาณเกือบ 1 ไร่  นับว่าเป็นความใจดีของคุณมานิตจริงๆ ถ้าจำทิปส์ 10 ข้อในการเลือกซื้อคอนโด (http://kitichai1.blogspot.com/2016/10/blog-post.html) ที่ผมเคยพูดถึง จะมีข้อหนึ่งที่ผมพูดถึงว่า ถ้าจะเลือกซื้อคอนโดริมแม่น้ำ ทะเล หรือภูเขา ก็ควรจะเลือกซื้อยูนิตที่เห็นวิวเหล่านั้น  แต่โชคดีที่โครงการ Swan Lake ทุกยูนิตล้วนเห็นแต่วิวสีเขียว เพราะทุกห้องของทุกยูนิต ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องนอน หรือห้องครัว จะได้เห็นวิวเขาใหญ่แบบ Panorama เลยทีเดียว แต่ละยูนิตล้วนแล้วแต่มีหน้ากว้าง และอีกข้อหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ Facilities ของแต่ละโครงการ โดยเปรียบเทียบดูปริมาณพื้นที่ส่วนกลางต่อปริมาณพื้นที่ส่วนที่ขาย คงยากที่จะหาโครงการไหน ที่ให้พื้นที่ส่วนกลางมากขนาดนี้ไม่มีอีกแล้วเมื่อเทียบต่อจำนวนยูนิต ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้ แล้วที่เจ๋งไปกว่านั้นอีก คือโรงแรมในโครงการจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด



            อนึ่ง ได้ยินมาว่า Swan Lake เมื่อรอบที่แล้ว ขายหมดเร็วมาก ไม่ถึง 1 เดือน ขายหมดแล้ว บางคนจองไม่ทัน ต้องมารอเฟสใหม่นี้ ซึ่งไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผมเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะซื้อ Swan Lake เพื่ออาศัยอยู่เอง และเผื่อที่จะยกให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานในอนาคต หรือเพื่อการลงทุน ก็ดูแล้วว่าคุ้มค่ามากๆ ถ้าอยู่เอง ที่นี่จะเป็นที่ๆ ทำให้คุณภาพชีวิตของคุณดีมากถึงดีที่สุด (เพราะได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ในพื้นที่ 200 ไร่)  แต่ถ้าหากซื้อเพื่อลงทุน ก็คุ้มค่ามากๆ มูลค่าที่ดินก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น แถมเรื่องของอากาศที่สะอาด การที่จะหาพื้นที่ที่มีโอโซนเยอะๆ แบบนี้ได้ คงมีน้อยลงไปทุกวัน ทราบข่าวว่า นี่จะเป็นเฟสสุดท้าย และจะไม่มีการทำเพิ่มขึ้นอีกแล้ว หมดแล้วหมดเลยนะครับ ถ้าหากพลาดไป คงน่าเสียดายมากๆ
ในอนาคต ไม่มีใครกล้าทำโปรเจ็คแบบนี้ที่เขาใหญ่อีกแล้วแน่นอน โครงการที่ต้องทุ่มเททั้งทุนทรัพย์และเวลา อีกทั้งต้นไม้แต่ละต้นกว่าจะสูงใหญ่ขึ้นมาได้ ต้องใช้เวลานับสิบๆ ปี ที่นับวันยิ่งสูงใหญ่ยิ่งเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับสถานที่ คุณลุงมานิตเองยังต้องใช้เวลาถึง 12 ปีเพื่อจะทำให้ได้ธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นนี้  อย่าลืมนะครับว่า เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะสุขภาพของคุณเองและคนที่คุณรัก
สนใจก็ต้องรีบมาจอง เพื่อที่จะได้เลือกยูนิตที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกใจ โดยจะมีงานเปิดรับจองที่สยามพารากอน ชั้น 1 วันที่ 14-18 มิย.นี้   ผมเองก็กะว่าจะไปสอยสัก 1 ยูนิต เอาไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 อยู่เหมือนกัน แล้วมาพบกันที่ Swan Lake เขาใหญ่นะครับ     

กิติชัย เตชะงามเลิศ
      16/6/60

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
     หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
              4.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส 

                 

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

TRUE....อีกแล้วเหรอ?(ตอนที่ 1)

                                       TRUE....อีกแล้วเหรอ?(ตอนที่ 1)


          การรักษาสุขภาพเป็น 1 ในสุดยอดความนิยมของสมัยนี้ เพราะปัจจุบันนี้ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล อัตราค่ารักษาที่สูงลิ่ว ทำให้ทุกคนตระหนักถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา"  หรือความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นอกจากนั้น ยุคนี้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ภายนอก การรักษารูปร่างให้ดี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดูดี ทั้งยังทำให้มีสุขภาพดีไปด้วย ธุรกิจที่ให้บริการทางด้านนี้ จึงผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะธุรกิจฟิตเนส โยคะ สปา และสถาบันเสริมความงาม

            เหล่านี้ก็มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีธุรกิจหน้าใหม่เข้ามา แล้วก็มีธุระกิจหน้าเก่าที่ออกไป  จากการที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ด้อยกว่า อย่างเช่น California wow  ที่เปิดตัวเมื่อปี 2543 หลังวิกฤติต้มยำกุ้งไม่นาน นายแอริค มาร์ค เลวิน ชาวอเมริกัน หอบประสบการณ์ธุรกิจฟิตเนสจากฮ่องกงมาปักหลักในไทย ในชื่อ "แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซ็นเตอร์" ต่อมาได้มีการตกลงร่วมทุนกับ วิชา พูลวรลักษณ์ CEO กลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในสัดส่วน 51 : 49 ในปี 2546 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ ในปี 2547 และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงปลายปี 2548 โดยมีชื่อย่อว่า CAWOW หลังเข้าระดมทุนจากตลาดหุ้น แคลิฟอร์เนียว้าว เพิ่มทุนเป็น 150 ล้านบาท พร้อมกับขยายสาขาเป็น 10 สาขา  เติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นฟิตเนสอันดับหนึ่งในประเทศไทย

       จากสมาชิกในปีแรกที่มีเพียง 8,500 ราย ณ สิ้นปี 2544 พุ่งไปถึง 160,000 ราย หรือมีผู้ใช้บริการต่อวันถึง 2 หมื่นรายสูงสุดเมื่อกลางปี 2553 แต่ต่อมา บริษัทกลับทยอยปิดตัวไปทีละสาขาจนหมด โดยไม่มีใครสามารถแจ้งสถานะของบริษัท (ขณะนั้น)ได้ว่าจะปิดหรือดำเนินต่อ ผู้หลวมตัวเป็นสมาชิกของ แคลิฟอร์เนีย ว้าว จำนวนมาก จึงได้เข้าร้องเรียนกับ สคบ. หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญา ระหว่างนั้น การประกาศถอนตัวจาก "แคลิฟอร์เนีย ว้าว" ของกลุ่มเมเจอร์ในปี 2552 หลังร่วมทุนมาร่วม 6 ปี โดยกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทยอยขายหุ้น CAWOW จนหมดในเวลาต่อมาากนั้นสถานการณ์ของ CAWOW ก็แย่ลงเรื่อยๆ จนมีการผิดนัดชำระหนี้แบงก์หลายแห่ง และต้นปี 2554 ก็ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้ฟื้นฟูกิจการ ซึ่งศาลฯมีคำสั่งรับคำร้องฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 การล้มลงของ CAWOW ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทั้งกับเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่นๆ   และที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ กลุ่มสมาชิกเป็นจำนวนมาก ที่เสียค่าบริการแล้ว ไม่สามารถใช้บริการได้  ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในขั้นตอนการได้รับชำระเฉลี่ยหนี้ ซึ่งก็คงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอน

             ล่าสุดก็คือกรณีของทรูที่เริ่มก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2547  และมีสาขาถึง 10 สาขา ปัจจุบันมีสมาชิก 47,000 ราย ซึ่งต่อมาได้มาเปิดให้บริการ 3 ประเภทในประเทศไทยคือ True Fitness True Spa และ True Est ซึ่งได้ปิดบริการทุกประเภทอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา  แต่เดิมกลุ่มทรู มี 3 สาขา คือ ที่  อาคาร Exchange Tower Zen @ Central World  และเอสพลานาดแคราย  แล้วค่อยๆปิดสาขาทีละสาขา   โดยเริ่มปิด True Fitness ที่สาขาเอสพลานาดแครายก่อน โดยให้เหตุผลว่าระบบไฟฟ้าและระบบแอร์ขัดข้อง ตามมาด้วย True Spa ที่ อาคาร Exchange Tower เมื่อปีที่แล้ว  ด้วยเหตุผลที่ต้องการจากปรับปรุงสถานที่  แล้วตามด้วยการปิดการให้บริการทุกประเภทที่ Zen @ Central World  เมื่อปลายปีที่แล้ว และทุกครั้งก็แจ้งให้สมาชิก ไปใช้บริการในสาขาที่เปิดให้บริการอยู่แทน  ลูกค้าทรูฟิตเนสสามารถใช้บริการได้ต่อเนื่องจนถึงเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะต้องไปใช้บริการในสาขาที่ตนไม่สะดวกก็ตาม แต่ลูกค้า True Spa ไม่สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยทางบริษัทแจ้งว่าจะเปิดให้บริการช่วงต้นปีนี้ แต่ก็ไม่เปิดเสียที จนในที่สุดก็ปิดบริการทุกประเภททุกสาขาจนได้  จากการไปสำรวจของสมาชิกหลายท่านพบว่าไม่ได้มีการปรับปรุง True Spa ที่อาคาร Exchange Tower อย่างที่ทางบริษัทได้แจ้งไว้ให้กับสมาชิก

               หลังจากนั้นอีก 1 วัน ทางกลุ่มทรูก็ได้ปิดการให้บริการที่มาเลเซียเช่นกัน แต่การเยียวยาสมาชิก ระหว่างไทยและมาเลเซียกลับแตกต่างกัน คือสมาชิกทรูฟิตเนสของมาเลเซีย สามารถไปใช้บริการใน Chi Fitness ที่ทางกลุ่มทรูได้ไปติดต่อไว้แทนทรูฟิตเนสที่ปิดไป ส่วนสมาชิกทรูสปาของมาเลเซีย ทางบริษัทแจ้งว่ากำลังติดต่อธุรกิจสปาที่มีชื่อเสียง เพื่อให้กลุ่มสมาชิกไปใช้บริการดังกล่าวแทน ในขณะที่สมาชิกทรูของประเทศไทย กลับไม่ได้รับการเยียวยาอะไรเลย เพียงแต่ติดป้ายประกาศว่าจำเป็นต้องปิดการให้บริการ เนื่องจากธุรกิจไม่ค่อยดี และอ้างว่าที่ผ่านมา กลุ่มทรูได้พยายามที่จะปรับปรุงกิจการ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหนี้ และเจ้าของสถานที่ ที่ทางกลุ่มทรูเช่าพื้นที่อยู่ ส่วนทางกลุ่มทรู ที่ไต้หวัน และ สิงคโปร์ ยังคงเปิดให้บริการโดยปกติ นอกจากนี้ทางกลุ่มทรู ที่จีนกลับกำลังไปได้ด้วยดี มีโครงการจะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีก 20 สาขาภายใน 3 ปี โดยเมื่อเร็วๆนี้ทางบริษัท Tongfang Kontafarma ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง  ได้เข้ามาถือหุ้นใน TRUE Group's Singapore & China 51% และใน Taiwan 29% รวมมูลค่า 36.7 ล้าน$(1,250 ล้านบาท)  โดยปัจจุบันทางกลุ่มทรูมีรายได้ประมาณปีละ 3,400 ล้านบาท และมีพนักงาน 1,800 คน  จากสาขาทั้งหมด 26 สาขาในสิงคโปร์ จีน และไต้หวัน
     

การปิดให้บริการของกลุ่มทรู  ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสมาชิกและผู้ที่ซื้อบริการ  จึงมีสมาชิกกลุ่มหนึ่ง ได้ไปร้องเรียนกับศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยนางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กล่าวว่า การปิดดำเนินการโดยไม่แจ้งสมาชิกล่วงหน้า พร้อมทั้งไม่มีมาตรการเยียวยา เข้าข่ายผิดสัญญา ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2521 ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ “ธุรกิจนี้ถือเป็นธุรกิจสัญญา โดยมีการเรียกเก็บเงินผู้บริโภคล่วงหน้า การจะปิดปรับปรุงก็ต้องแจ้งให้สมาชิกทราบและมีแผนรองรับสมาชิกว่าจะไปใช้บริการที่ไหน มีกำหนดเปิดหลังการปรับปรุงที่แน่นอน ไม่ใช่ปิดหายเงียบไป ติดต่อผู้ประกอบการก็ไม่ได้ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคบางรายเพิ่งซื้อคอร์สและใช้งานไปเพียงไม่กี่ครั้ง ขอให้บริษัททรู สปา ฯ ออกมารับผิดชอบรวมถึงเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็คืนเงินส่วนที่เหลือให้กับผู้บริโภคก่อน เมื่อปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเปิดรับสมาชิกใหม่อีกครั้ง” หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคกล่าว


            นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าหากทางบริษัททรู สปา ยังไม่ยอมออกมา
เยียวยาผู้บริโภคโดยปิดตัวเงียบหายไปนั้นอาจเข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั่นคือกระทำด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้บริโภคที่มีปัญหาดังกล่าวสามารถร้องเรียนเข้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ด้วยตัวเองโดยเตรียมเอกสารต่างๆ เช่นสัญญาการเป็นสมาชิก หลักฐานการจ่ายเงิน และเพื่อความรวดเร็วเขียนลำดับสถานการณ์ตั้งแต่วันสมัคร การใช้งานคอร์สต่างๆ จนถึงวันเกิดปัญหา เป็นต้น หรือร้องเรียนปรึกษาทางโทรศัพท์หมายเลข 02-2483737 เวลา 09.00 – 17.00 ร้องทุกข์ที่ complaint@consumerthai.org หรือร้องทุกข์ออนไลน์ https://goo.gl/lESHRR

 อ่านตอนอวสานที่ TRUE....อีกแล้วเหรอ?(ตอนอวสาน)

หมายเหตุ : กลุ่มทรูที่ผมกำลังกล่าวถึง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทรูคอร์ปเลยแม้แต่น้อยนะครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
       13/6/60

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

     หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
              4.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

อัลทีจูด ดีไฟน์(Altitude Define) 3 ยูนิตราคาพิเศษ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน เพียง 200 เมตร และ 600เมตร จาก BTS สถานีศาลาแดง ถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก




ห้องที่จะขายดาวน์
1.ห้อง 409 ชั้น ประเภทห้อง B2 : 2 นอน น้ำ ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ พื้นที่ใช้สอย43.5 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 7,200,000 บาท

2.ห้อง 708 ชั้น ประเภทห้อง A1 : 1 นอน น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย 28.4 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่โดนบล็อควิว เป็นซิตี้วิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 4,900,000 บาท

3.ห้อง 803 ชั้น ประเภทห้อง B4 : 1 นอน น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย 35.5 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ไม่โดนบล็อควิว เป็นซิตี้วิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 6,200,000 บาท

  • อาคารชุด ชั้น และชั้นใต้ดิน ลึก ระดับ 59 ห้องชุด บนที่ดิน 218 ตารางวา
  • พื้นที่ใช้สอย 28.4 – 48.3 ตร.ม.
พื้นที่ส่วนกลาง : สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ห้องสมุด ซาวน่า และ สปอร์ตคลับ / ฟิตเนส

สถานที่สำคัญใกล้เคียง
1. จามจุรีสแควร์ 250 เมตร
2. รร.เตรียมอุดมศึกษา 600 เมตร
3. รร.สาธิตจุฬา 600 เมตร
4. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 300 เมตร
5. ย่านธุรกิจสีลม 450 เมตร
6. สวนลุมพินี 600 เมตร

                ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 9 ยูนิต
  ที่จอดรถ  59 คัน คิดเป็น 100 %
  คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กุมภาพันธ์ 2560
สิ่งอำนวยความสะดวก
  • Lobby
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ + Jacuzzi + Pool Lounge
  • ห้องออกกำลังกาย + Sauna
  • Double Volume Lobby
  • Sky Deck
  • Roof Garden
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว
·        จอดรถ  59 คัน คิดเป็น 100 %
  • ระบบ CCTV / Access Card
รายการวัสดุ

พื้น Engineering Wood
กลอนประตู Digital Door Lock High Security Lock
- Kitchen Counter
- Built-in Closet
-Loose Furniture Set
- Double Glass Window (front side only)
ระบบห้องน้ำ Automation จาก American Standard
ระบบน้ำร้อน Heat Water System
เครื่องปรับอากาศ Daikin หรือเทียบเท่า
อุปกรณ์ไฟฟ้าจาก Siemen ระบบ LED Lighting ทั้งอาคาร รวมถึงการติดตั้งแผง Solar Cell บนดาดฟ้า
ผนังห้อง Wallpaper
 พร้อม Wall Decoration
ดู VDO ที่  https://youtu.be/71DIiM0m4tM