หรือหมีมาเยือน
ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลก
ดูจะมีการปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้ไปทำจุดสูงสุดของปี เมื่อ 2
สัปดาห์ก่อน แล้วหมีก็มาตะปบกระทิงเปลี่ยวจนอยู่หมัด
หลังจากท่านประธานเฟค เบน เบอร์นันเก้ ออกมากล่าวว่าอาจจะมีการลด
หรือยกเลิกมาตรการ QE ถ้าตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นจนถึงระดับที่น่าพอใจ
นั่นคือตัวเลขว่างงานของคนอเมริกันต่ำกว่า 6.50% หรือตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งเกิน
2.50% ทำให้ตลาดพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ
และญี่ปุ่นพุ่งขึ้นทันทีโดยพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ขึ้นจาก 1.90%
เป็น 2.24% และพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 10 ปี จาก 0.90% ขึ้นไปเป็น 1% และพันธบัตร
30 ปี จาก 1.78% ขึ้นไปเป็น 1.88%
ตลาดหุ้นก็ตกลงทันที โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นตกลง 7% ภายในวันเดียวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม
แล้วลงต่อเนื่องมา ประมาณ 10% แล้วจากสุดสูงสุด
เนื่องจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปีขึ้นมาแรงมากประมาณ 50% จึงปรับตัวมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ตลาดหุ้นไทยเราเองจากต้นปีขึ้นมา 258
จุด คิดเป็น 18.53% ก็พลอยปรับตัวลงไปแล้ว 6%
จากต้นปี ตลาดหุ้นเราก็ขึ้นมา 18.53% จากปีที่แล้วถ้าวัดจากจุดสูงสุดของปีนี้
เราลองมาดูปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในช่วงนี้มีอะไรบ้าง
1) คำแถลงของท่านเบน
เบอร์นันเก้ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐและญี่ปุ่นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วยังทำให้มีการวิเคราะห์กันว่า
นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อมาชดเชยขาดทุนจากตลาดพันธบัตร และต้นทุนในการทำ YEN CARRY
TRADE ก็สูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เงินที่จะไหลเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดเอเชียรวมทั้งตลาดไทยจะลดลง
3) แรงขายจากต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขายสุทธิในตลาดไทยมากกว่า 1 หมื่นล้านและขายในตลาดตราสารหนี้
เป็นจำนวนถึง 26,000 ล้านบาท ค่าเงินบาทอ่อนลง
4) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ
การว่างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10,000 รายสู่ระดับ 354,000
ราย ตรงข้ามกันที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่เพียง 340,000 ราย
5) นักลงทุนยังกังวลมาตรการคุมเงินทุน
(CAPITAL CONTROL)
6) อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ธปต. จาก 2.75% ลงไป 0.25% มาอยู่ที่ 2.50%
จริงๆ แล้วเป็นผลดีกับตลาดหุ้น แต่ตลาดได้คาดการณ์ข่าวนี้ไปก่อนแล้ว
7) อัตราการเติบโตของ
GDP ไตรมาส 1 ประกาศออกมาที่ 5.30%
ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 6% ทำให้สภาพัฒน์ปรับคาดการณ์
GDP ปีนี้อยู่ที่ 4.30-5.30% จากเดิม 4.50-5.50%
8) ตัวเลขส่งออกเดือนเมษายน
จากเดิมที่ประกาศไว้ว่าโต 10.52% ก็ถูกแก้เป็น 2.89% เพราะว่าทางศุลกากรลงตัวเลขส่งออกไปฮ่องกงผิด คือลงไว้โต 176.60% ซึ่งที่จริงโตเพียง 12.50% เกิดจากคีย์ข้อมูลรายการสินค้าส่งออกอิเล็คทรอนิคส์
จำนวน 1 รายการ มูลค่า 300,000 บาทแต่เจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลเป็น
30,000 ล้านบาท จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน
ถ้ากรมศุลกากรทำผิดพลาดแบบนี้อีกความเชื่อถือจะถูกสั่นคลอน
ต่อไปควรจะระวังให้มากขึ้น
9) สศค.
คาดการณ์ว่าไตรมาส 2 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่ำกว่าไตรมาสแรก
หากเป็นเช่นนั้น จะทำให้เศรษฐกิจไทย 2 ไตรมาสแรก
ขยายตัวติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อ GDP ของไทยปีนี้
10) ตัวเลขการบริโภคภายในประเทศ
ไตรมาส 1 โตเพียง 3.20% เทียบกับปีที่แล้วโตถึง
6.80% ถ้าแนวโน้มไตรมาสที่เหลือยังเป็นแบบนี้
ก็น่าเป็นห่วงนะครับ
11) นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเดือนเมษายน
2 ล้านคน ขยายตัว 19.40% นับว่าดีกับภาคการท่องเที่ยวที่เดียว
12) ยอดขายรถยนต์นั่งเดือนเมษยนขยายตัวลดลงเหลือ
22.92% จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ถึง 101.30% และ 268.80% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
ช่วงนี้เราจะเห็นดีลเลอร์รถยนต์หลายยี่ห้อ จัดโปรโมชั่น
แค่ลองไปทดลองขับรถก็แจกคูปองซื้อสินค้า 500 บาทแล้ว
ยอดทิ้งใบจองรถโครงการรถคันแรกมีจำนวนค่อนข้างสูง นักลงทุนที่ลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ ก็ต้องระวังหน่อยนะครับ
13) ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเดือนเมษายนที่ผ่านมาลดลงครั้งแรกในรอบ
7 เดือน มาอยู่ที่ 73.90%
14) อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนพฤษภาคมค่อนข้างต่ำคือ
HEADLINE INFLATION เพิ่มขึ้น 2.27% YOY หรือ 0.24% MOM และ CORE INFLATION (ไม่รวมหมวดอาหารและเครื่องดื่ม) เพื่มขึ้นเพียง 0.94% YOY หรือ 0.05% MOM ทำให้ HEADLINE INFLATION 5 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.8% YOY และ CORE
INFLATION เพิ่มขึ้น 1.3% YOY ซึ่งเกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทและการควบคุมราคาของรัฐโดยเฉพาะภาคพลังงาน
และการขนส่ง การที่เงินเฟ้อต่ำทำให้ ธปท.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำไว้ได้อีกระยะหนึ่ง
15) นักลงทุนทั่วโลกรอฟังคำแถลงของท่านเบน
เบอร์นันเก้ ในวันที่ 18-19 มิถุนายน โดยเฉพาะเรื่องมาตรการ QE
ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่และเมื่อใด
16) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคม ของจีนออกมาดีกว่าคาดอยู่ที่ 50.8 จุดจากเดือนเมษายนที่ 50.6 จุด
ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ส่วนอินเดียไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง
4.80% เป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำกว่า 5% 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้วเราคงจะได้เห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดียในเร็วๆ
นี้ ดูรวมๆ แล้วตลาดหุ้นไทย เดือนมิถุนายนนี้ โอกาสที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นแรงๆ
ไม่น่าจะเห็นมี ส่วนโอกาสที่จะปรับตัวลงแรงๆ ก็ไม่น่าจะมี เช่นกัน
แนวรับตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 1,500 จุดบวกลบครับ ผมคิดว่า
นักลงทุนควรจะทยอยเลือกซื้อหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดี ได้แล้วครับ
โดยให้น้ำหนักลงทุนมากหน่อย บริเวณ 1,500 จุดครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
หนังสือ "จาก 1
ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร"
ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1
ติดต่อกันมานาน
ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
https://www.facebook.com/VI.Kitichai
, http://twitter.com/value_talk , http://www.youtube.com/user/wittayu9 และ http://kitichai1.blogspot.com
รายการถอดระหัสหุ้น
ทุกวันจันทร์ และ วันศุกร์ เวลา 9.00-9.45 น. ทาง Truevisions(Platinum/Gold)
ช่อง 87, Truevisions(Knowledge) ช่อง 53,
PSI ช่อง 24, IPM ช่อง 313, GMM Z ช่อง 64, Big 4 ช่อง 90, Sunbox ช่อง 105 หรือ www.hplus.co.th
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า
B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo
Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa ทุกเดือน
สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน
ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ขายที่ดินในหมู่บ้านวินด์มิลล์
แปลงหัวมุม สวยมาก ด้านหลังติดทะเลสาบ
เฟส2 เลขที่ F143 ซอย NORTH 11 พื้นที่ 333 ตารางวา ม.14 ถ.บางนา-ตราด กม.10.5 ต.บางพลีใหญ่
อ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ10540 หน้ากว้าง 30 เมตร ยาว 45 เมตร โดยประมาณครับ
เข้าออกได้
2 ทาง
1.
ถนน บางนา – ตราด กม.ที่ 10.5 ใกล้ถนนวงแหวนรอบนอก
2.
ถนน กิ่งแก้ว ซอย11
และ ซอย21
ราคา
วาละ 35,000
บาท
ด้านหน้า และ
ด้านข้างที่ดินแปลงนี้ติด ถนนโครงการ ด้านหลังติดทะเลสาบ, โครงการมีสนามกอล์ฟ,
สนามเทนนิส, สระว่ายน้ำและสโมสรสมบูรณ์แบบ อยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ABAC2 ราม2
ม.หัวเฉียว 2 โรงพยาบาล และห่างจากสนามบินหนองงูเห่าเพียง 5 ก.ม.
พร้อมเพื่อนบ้านมีระดับ อาทิเช่น คุณ ธนินทร์ เจียรวนนท์ เป็นต้น
กทม.จะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดรองระบบรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบาสายบางนา-สุวรรณภูมิ
เชื่อมต่อ BTS บางนา มีระยะทางประมาณ 18.3 กิโลเมตร คาดเริ่มก่อสร้างปี 2558 ระยะเวลา3
ปี ใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท
e-mail : gid1998@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น