ธุรกิจ
Health
Care ดีจริงหรือ (ตอนที่ 3)
จากสัดส่วนประชากรของไทยเราที่มีจำนวนประชากรที่มีอายุเกิน
60 ปี เกิน 10% ไปหลายปีก่อนแล้ว
และคาดว่าจะมีคนไทยที่มีอายุเกิน 60 ปีเป็น 20% ของประชากรทั้งหมดในเวลาอีก 10 ปีนับจากนี้ นั่นหมายถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัยเหล่านี้น่าจะมีอนาคตที่สดใสตามไปด้วย
เท่าที่ผมคิดดูธุรกิจที่น่าจะได้รับอานิสงค์มีดังต่อไปนี้
1) ธุรกิจประกันชีวิต
แน่นอนฐานอายุเฉลี่ยของประชากรที่สูงขึ้น
ย่อมทำให้ความต้องการที่จะทำประกันชีวิตเพื่อความมั่นคงของชีวิตมากขึ้น
จำนวนคนไทยที่ทำประกันชีวิตยังมีเพียง 33% เท่านั้น
เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่ทำประกันชีวิตมากกว่า 100% (บางคนทำประกันชีวิตมากกว่า
1 กรมธรรม์) ดังนั้นโอกาสเติบโตยังมีอีกสูงมาก
แต่น่าเสียดายที่บริษัทประกันชีวิตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีเพียง 3 บริษัท ซึ่ง 1 บริษัทกำลังจะออกตลาดหลักทรัพย์
ตามนโยบายของธนาคารที่เป็นบริษัทแม่ผมอยากให้คปภ.
ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับและดูแลทั้งบริษัทประกันภัยและประกันชีวิต
นอกจากบังคับให้บริษัทประกันเหล่านี้เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) อย่างที่เป็นอยู่แล้ว
น่าจะผลักดันให้ทุกบริษัทต้องเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่เกิน
3 ปีนับจากนี้
เพราะว่าการเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนทำให้ต้องทำงบการเงินที่โปร่งใส
ต้องมีการตั้งกรรมการอิสระที่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์
เพราะว่าบริษัทประกันเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเงินออมระยะยาวและการคุ้มครองผู้ถือกรมธรรม์เป็นจำนวนมาก
ถ้ามีความไม่มั่นคง ไม่โปร่งใส ผลกระทบย่อมเกิดในวงกว้างเป็นแน่ ถึงแม้คปภ.
จะมีการกำกับดูแลที่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าได้หน่วยงานอย่างเช่น ตลาดหลักทรัพย์และกลต.
ช่วยกำกับดูแลเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีต่อผู้ถือกรมธรรม์
2) ธุรกิจ Health Care ซึ่งพอจะแบ่งเป็น 4 ประเภทได้ดังนี้
2.1) ธุรกิจยาและอาหารเสริม
ซึ่งประเทศไทยเรายังมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนายาของเราเองยังน้อยมาก
เมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว โดยธุรกิจนี้ในต่างประเทศ หุ้นกลุ่มนี้จะซื้อขายกันที่
P/E เฉลี่ยประมาณ 16-17% แต่บางช่วงก็ขึ้นไปถึงเกือบ
40 เท่า แต่ช่วงที่เกิด Hamburger crisis ก็เคยเห็นซื้อขายกันที่ P/E ต่ำกว่า 10 เท่ามาแล้วในบ้านเรา
ดูเหมือนมีอยู่บริษัทหนึ่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ทำธุรกิจที่พออนุโลมเข้ามาในหมวดนี้ได้เช่นกัน
2.2) ธุรกิจ BIO
TECH ไทยเรายังล้าหลังสิงคโปร์มาก ปัจจุบันสิงคโปร์
พัฒนาประเทศโดยเน้นไปที่อุตสาหกรรม BIO TECH ซึ่งผมมองว่าเขาฉลาดและมาถูกทางแล้ว
หุ้นกลุ่มนี้ซื้อขายกันในตลาดโลกที่ P/E เฉลี่ย 25-27
เท่า บางช่วงเคยขึ้นไปซื้อขายกันที่ P/E 70 กว่าเท่าด้วยซ้ำไป
ตอน Hamburger crisis เคยหล่นไปซื้อขายกันที่ P/E ประมาณ 12 เท่า ส่วนในเมืองไทยผมยังไม่เห็นว่า
มีบริษัทไหนที่พอจะเข้าข่ายธุรกิจนี้ได้เลยในตลาดหุ้นบ้านเรา
2.3) ธุรกิจ Health
care equipment ก็เป็นธุรกิจที่เป็นดาวเด่นเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นรอง BIO
TECH อยู่บ้าง ธุรกิจเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์และอนามัย
ในตลาดหุ้นโลก หุ้นกลุ่มนี้ซื้อขายกันที่ P/E เฉลี่ยประมาณ 22 เท่า ตอนตลาดบูมๆ เคยซื้อขายกันที่ P/E มากกว่า 40
เท่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นฟุบ เคยหล่นลงไปซื้อขายกันที่ P/E 12 เท่า ส่วนตลาดหุ้นไทยก็มีบางบริษัทเข้าข่ายสามารถจัดอยู่ในอุตสาหกรรมนี้
แต่ธุรกิจนี้ในบ้านเรา ยังมีความสามารถผลิตแต่อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่เป็น LOW
TECH เท่านั้น ส่วน HIGH TECH ยังต้องนำเข้าอยู่
ผมมองว่ารัฐบาลน่าจะส่งเสริมธุรกิจนี้ โดยให้ BOI ออกมาตรการส่งเสริมให้บริษัทข้ามชาติต่างๆ
มาลงทุน ทำโรงงานผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์เหล่านี้
เพราะว่าเราเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์อยู่แล้ว
รวมทั้งเรามีฐานการผลิตในด้านต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว ในเมื่อเรากำลังจะมี AEC
ในปลายปีหน้าแล้ว ฐานประชากรรวมของประเทศในกลุ่ม ASEAN 600กว่าล้านคน นับเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากจีนและอินเดียเท่านั้น
และอำนาจในการซื้อของคนใน ASEAN ก็สูงกว่าคนจีนและอินเดีย
สิ่งที่ควรจะบังคับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ก็คือต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตให้กับเราด้วย
อย่าให้เหมือนกับธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่เราได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีน้อยมาก
ดูอย่างจีนสิครับ จีนสามารถที่จะบังคับ SIEMENS ให้ถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตรถไฟความเร็วสูง
จนปัจจุบันจีนสามารถที่จะผลิตรถไฟดังกล่าวได้เองแล้ว
เนื้อที่หมดแล้วมาต่อธุรกิจ
Health
Care ตัวต่อไปตัวต่อไปในสัปดาห์หน้ากันนะครับ
ธุรกิจ Health care ดีจริงหรือ? (ตอนที่ 1) : http://kitichai1.blogspot.com/2014/07/health-care-1.html
ธุรกิจ Health care ดีจริงหรือ? (ตอนที่ 2) : http://kitichai1.blogspot.com/2014/08/health-care-2.html
ธุรกิจ Health care ดีจริงหรือ? (ตอนที่ 1) : http://kitichai1.blogspot.com/2014/07/health-care-1.html
ธุรกิจ Health care ดีจริงหรือ? (ตอนที่ 2) : http://kitichai1.blogspot.com/2014/08/health-care-2.html
กิติชัย เตชะงามเลิศ
20/08/57
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, L'Optimum และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น