ธุรกิจ
Health
care ดีจริงหรือ (ตอนที่ 2)
สัปดาห์นี้
เรามาพูดถึงธุรกิจ Health care ต่อจาก 2 สัปดาห์ที่แล้วกันครับ สำหรับท่านผู้อ่านที่พลาดบทความ “ธุรกิจ Health
care ดีจริงหรือตอนที่ 1” ท่านอาจจะอ่านได้จาก
Blog ของผมที่ http://kitichai1.blogspot.com
เพื่อความต่อเนื่องและความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น จากตอนที่ 1 ผมพูดถึง ภาพรวมของประชากรโลกที่มีอายุ 60-65 ปีขึ้นไป
รวมทั้งแนวโน้มว่าในอนาคต สัดส่วนของผู้สูงอายุจะเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับพลเมืองโลกทั้งหมด ดูๆ แล้วน่าจะเป็นปัญหาหนักใจกับหลายๆ
ประเทศเลยทีเดียว รวมทั้งประเทศไทยเรา
ซึ่งปัจจุบันก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเรียบร้อยแล้วเมื่อหลายปีที่แล้ว
คือมีคนไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 10% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และอีกไม่ถึง 10 ปี
เราก็จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ นั่นหมายถึงจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 20%
ของจำนวนคนไทยทั้งหมด จากบทวิจัยเรื่อง
“ความต้องการแรงงานต่างด้าวสำหรับสังคมสูงวัย”
ที่คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำไว้ พบว่าในปี พ.ศ.2573 หรืออีกเพียง 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องมีการนำเช้าแรงงานข้ามชาติไร้ฝีมือ
สูงถึง 9.14 ล้านคน ซึ่งมากกว่า 10% ของประชากรไทยในขณะนั้น
เพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน ซึ่งจะทำให้ GDP ของไทยยังคงมีการเติบโตในระดับอัตราประมาณ
4% ต่อปี แต่ GDP ต่อหัวจะเติบโตติดลบร่วม
1% เนื่องจากฐานประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าประเทศไทยไม่มีการนำเข้าแรงงานข้ามชาติดังกล่าว
GDP ของไทยจะติดลบถึง 7% และ GDP
ต่อหัวจะติดลบ 8% ดูๆ
แล้วเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมากถึงแม้จะมีผลดีในด้านการเจริญเติบโตของประเทศและเป็นการลดต้นทุนค่าจ้างของภาคเอกชน
เนื่องจากค่าแรงต่ำกว่าค่าแรงคนไทย แต่ข้อเสียคือจะทำให้งบประมาณด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัทที่จ้างแรงงานเหล่านี้จะลดลงประมาณ
4% และทำให้ไม่ค่อยสนใจเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน
เนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงแรงงานชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนั้นปัญหาสังคมก็จะติดตามมาเป็นแน่
เราเห็นข่าวแรงงานต่างด้าวฆ่านายจ้างอยู่เรื่อยๆ
รวมทั้งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมของแรงงานข้ามชาติเหล่านี้
ก็แตกต่างจากของไทยเรา การลดปัญหาด้านหนึ่งก็อาจจะสร้างปัญหาอีกด้านหนึ่ง
นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ถึงแม้ประเทศญีปุ่นที่ประสบปัญหาสังคมผู้สูงวัย
ก่อนประเทศไทยเราตั้งนาน แต่ก็ยังไม่เปิดประเทศรับแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงาน
เหตุผลส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเป็นประเทศที่มีความเป็นเชื้อชาตินิยมอย่างสูง
ผมคิดว่าการเพิ่มอายุจาก 60 ปีเป็น 66 ปี
ถึงจะเกษียณ น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี
เสมือนกับเรามีแรงงานเพิ่มขึ้นจากปกติทุกปี และบุคลากรเหล่านี้เปรียบเสมือน “ขิงแก่”
ที่บ่มเพาะความรู้และประสบการณ์ในทำงานมาอย่างช่ำชอง และถึงแม้จะทำงานจนถึงอายุ 66
ปีแล้ว หลังจากนั้นยังอาจให้เป็นที่ปรึกษาของบริษัทต่อไปได้อีก
เนื่องจากปัจจุบันอายุขัยของประชากรไทยมากขึ้น เนื่องจากวิทยาการทางการแพทย์
แต่อยากให้เป็นแบบสมัครใจ
ในการที่ผู้สูงอายุจะเลือกที่จะทำงานต่อหรือไม่เมื่ออายุครบ 60 ปี เพราะว่าหลายๆ ท่านก็ไม่อยากที่จะทำงานต่อ อยากจะเดินทางท่องเที่ยว อยากใช้เงินที่หามาเกือบชั่วชีวิต หรืออยากจะเลี้ยงหลานที่บ้าน แต่จากประสบการณ์ของผมพบว่า
คนที่เกษียณงานใหม่ๆ จะรู้สึกมีความสุขมากที่ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน
แต่พอไม่ได้ทำงานไปสักพัก จะเริ่มรู้สึกเหงา วันๆ ไม่รู้จะทำอะไร หลายๆ
ท่านอยากกลับไปทำงานเหมือนเดิม โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งสูงๆ
ไม่ว่าจะทางราชการหรือบริษัทเอกชนใหญ่ๆ
เนื้อที่บทความใกล้หมดสงสัยคงต้องไปต่อตอนที่ 3 ในสัปดาห์หน้า
แต่ก่อนที่จะจบบทความนี้ ผมยังมองว่า SET INDEX น่าจะมีการปรับตัวลงในครึ่งหลังของเดือนสิงหาคมนี้
โดยจะมีแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 1,450 จุด
แต่ถ้าผลประกอบการหลังประกาศไตรมาส 2 ออกมา แล้วทำให้เหล่านักวิเคราะห์มีการปรับคาดการณ์ผลประกอบการปีหน้าดีขึ้น
กอรปกับหน้าตาของคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะประกาศในเดือนนี้ ดูแล้วประทับใจนักลงทุน
เราอาจจะไม่เห็นตลาดหุ้นลงมาถึง 1,450 จุดก็เป็นได้
เพราะว่านักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างก็มองข้ามช็อตไปถึงผลประกอบการปีหน้ากันแล้วครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
13/08/57
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, L'Optimum และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น