จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัย (ตอนที่ 1)

ธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัย (ตอนที่ 1)

          เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าช่วงที่ผมเริ่มสนใจธุรกิจประกันชีวิตเกิดจากการที่ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์นายกสมาคมประกันชีวิตไทยในหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับหนึ่ง ท่านให้สัมภาษณ์ถึงจำนวนเปอร์เซ็นต์ของคนไทยที่ทำประกันชีวิตคิดเป็นเพียง 17% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ตอนนั้นผมรู้สึกสงสัยว่าทำไมคนไทยถึงได้ให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตน้อยมาก ทั้งๆ ที่ระบบสวัสดิการของรัฐก็ยังไม่ดีและมากพอเมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว ถ้าสวัสดิการของไทยเราเทียบเท่าของประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ผมจะไม่รู้สึกเป็นห่วงเลย ด้วยความสงสัยดังกล่าว ผมจึงอยากจะรู้ว่าคนในเอเชียชาติอื่นๆ เขาทำประกันชีวิตกันมากน้อยแค่ไหน ผมจึงเริ่มต้นถามอากู๋ (Google) ดูว่าคนญี่ปุ่นเขาทำประกันชีวิตกันมากน้อยแค่ไหน บางท่านสงสัยว่าทำไมเลือกที่จะค้นหาข้อมูลชาวญี่ปุ่นก่อน คำตอบคือเพราะว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจริญสูงสุดในเอเชีย ปรากฏว่าคนญี่ปุ่นทำประกันชีวตมากกว่า 100% (สาเหตุที่มากกว่า 100% เพราะว่าคนญี่ปุ่นมักจะทำประกันชีวิตคนละหลายๆกรมธรรม์) หลังจากค้นพบข้อมูลนี้ ผมเริ่มรู้สึกเหมือนกับฝรั่งที่ไปค้นพบทวีปแอฟริกา แล้วเห็นคนแอฟริกันในสมัยนั้นไม่ใส่รองเท้า มองเห็นเป็นโอกาสที่จะขายของซึ่งก็คือ รองเท้าได้จำนวนมหาศาล ฉันใดก็ฉันนั้น ผมคิดเล่นๆ ว่า ถ้าสมมติว่ารายได้ของคนญี่ปุ่นหยุดนิ่งเป็นเวลา 15-20 ปี รายได้ต่อหัวของคนไทยผ่านไปอีก  15-20 ปี ก็คงมีโอกาสที่จะเท่ากับรายได้ต่อหัวของคนญี่ปุ่น นั่นหมายถึงโอกาสที่คนไทยจะทำประกันชีวิตใกล้ๆ 100% ก็มีความเป็นไปได้จากพื้นฐานที่เป็นคนเอเชียเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างทางด้านความคิดและวัฒนธรรมกันอยู่บ้างก็ตาม นั่นหมายถึงโอกาสที่เบี้ยประกันชีวิตจะเติบโตได้ถึงเกือบๆ 13% ต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สูงมากเลยทีเดียว เพราะว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ GDP ไทย ประมาณ 4% ต่อปีเท่านั้น แสดงว่าการเติบโตในอนาคตคิดเป็น 3 เท่ากว่าๆ ของ GDP (GDP เป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยรวมของทุกธุรกรรมในประเทศ) นี้ยังไม่นับที่ GDP เฉลี่ยของไทยเริ่มมีอัตราการเติบโตที่ลดลงในปัจจุบันที่เหลือประมาณ 3% เท่านั้น และเมื่อผมค้นหาข้อมูลย้อนหลัง ปรากฎว่าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตก็มีการเติบโตเป็น 3-4 เท่าของ GDP มาตลอด คือเติบโตในระดับ 10-20% ต่อปีมายาวนาน ทำให้ผมยิ่งเพิ่มความสนใจใคร่จะลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ จนเป็นที่มาของการซื้อหุ้นบริษัทไทยพาณิชย์ประกันภัย (SCBLIF) หรือชื่อในสมัยนั้นคือ บริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต (SCNYL) ซึ่งมีการเปลี่ยนชื่อหลังจากบริษัทนิวยอร์คไลฟ์จากอเมริกาขายหุ้นคืนให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ การลงทุนในหุ้นตัวนี้สร้างผลตอบแทนสุดมหัศจรรย์ให้กับผมเป็นอย่างมาก คือ ประมาณ 1,700 กว่า % เลยทีเดียว (รวมเงินปันผลและ  Capital gain) เป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่มากที่สุดในชีวิตการลงทุนของผม และเป็นหุ้นที่ผมถือลงทุนนานที่สุดอีกด้วย ผมเชื่อว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นที่ลงสัมภาษณ์นายกสมาคมประกันชีวิต ต้องมีผู้อ่านที่อ่านข่าวนั้นเป็นจำนวนไม่น้อย แต่มีผู้อ่านที่นำข่าวมาขยายความต่อยอดแบบผม น่าจะมีเพียงไม่กี่คน นี่เป็นบทเรียนที่ดีของนักลงทุนที่อยากประสบความสำเร็จ นอกจากท่านจะต้องอ่านข่าวสารข้อมูลมากๆ แล้ว ท่านต้องอ่านให้ลึกและคิดเสมอว่า ข่าวแต่ละข่าวจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหรือธุรกิจใดๆ ได้บ้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ท่านลงทุนอยู่ ยิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะว่านั่นหมายถึงมูลค่าของเงินลงทุนของท่านจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเลยทีเดียว ทีแรกผมคิดว่าจะเขียนจบในตอนเดียว แต่เขียนไปเขียนมา ยังมีเนื้อหาอีกมากคงต้องต่ออีกสัก 1-2 ตอนครับ แล้วพบกันตอนที่ 2 ในฉบับพุธหน้าครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          26/11/57


ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่ 

Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter     : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog         : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9 
Google+  : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin   : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest   : http://www.pinterest.com/kitichai/

 หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6  และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน รายการ Whats's up Spring ช่อง Spring News TV ทุกวันพุธ ช่วง What's up Money เบรค 4 เวลา 10.45-11.00 น.

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น