เทศกาลประกาศผลประกอบการ
การเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
งานสำคัญที่ต้องทำในทุกๆ ไตรมาส ก็คือ
การตรวจสอบงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศออกมาปีละ 4
ครั้ง คือ ช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 2
ของเดือนมกราคมจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการประกาศงบการเงินประจำปี ถัดมาก็จะเป็นช่วงสัปดาห์ที่
2 ของเดือนเมษายนจนถึง วันที่ 15 พฤษภาคม
ก็จะมีการประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 1 แล้วช่วงสัปดาห์ที่ 2
ของเดือนกรกฎาคมจนถึง 15 สิงหาคม
ก็เป็นคิวของงบการเงินไตรมาสที่ 2 ต่อมาสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน ก็จะเป็นไตรมาสที่
3 โดยกลุ่มการเงินมักจะประกาศงบก่อนกลุ่มอื่นๆ ซึ่งการที่จะวิเคราะห์งบการเงินดังกล่าวได้
จำเป็นที่จะต้องอาศัยความรู้ทางด้านบัญชีบ้าง มิฉะนั้นคงไม่สามารถจะวิเคราะห์งบได้
เพราะว่าในงบการเงินซึ่งประกอบไปด้วย งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด
การที่ท่านจะดูเฉพาะบรรทัดสุดท้ายที่แสดงผลลัพธ์ของผลประกอบการว่ามีกำไรหรือขาดทุนต่อหุ้นเท่าไรนั้นไม่เพียงพอ
เพราะว่าท่านจะไม่ทราบที่มาที่ไปของผลลัพธ์ดังกล่าวว่าเกิดจากอะไร
การที่บริษัทมีกำไรมากขึ้นเป็นเพราะว่ามี Gross และ Net
Profit Margin ที่ดีขึ้นหรือเปล่า ซึ่งเป็นการที่เกิดจากบริษัทสามารถลดต้นทุนในการผลิตหรือต้นทุนในการดำเนินงาน
หรือว่าบริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่มี Margin สูงกว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการเดิม
หรือสัดส่วนของผลิตภัณฑ์หรือบริการมีการเปลี่ยนแปลงไป
หรือว่ามียอดขายที่เติบโตขึ้นมาก ในขณะที่ต้นทุนคงที่แทบจะไม่ขยับ
หรือบริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินหรือขายหุ้นบริษัทในเครือ
ซึ่งจะเป็นกำไรแบบครั้งเดียว รวมทั้งอาจจะมีกำไรหรือขาดทุนจากสต็อควัตถุดิบ
โดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เห็นได้ชัดจากกลุ่มปิโตรเคมี เป็นต้น หรือกำไร-ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีที่บริษัทต้องนำเข้าหรือส่งออกสินค้าหรือบริการไปต่างประเทศ
รวมทั้งกรณีที่มีการกู้ยืมเงินในสกุลเงินตราต่างประเทศ ซึ่งยังมีปัจจัยต่างๆ
อีกหลายปัจจัยที่ไม่สามารถจะยกตัวอย่างมาแสดงในที่นี้ได้หมด
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อกำไร-ขาดทุนของบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น
ซึ่งก็จะมีผลกระทบไปกับราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ ซึ่งบางครั้งแม้ประกาศผลประกอบการออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น
แต่ทำไมราคาลดลงเพราะว่า กำไรที่ประกาศออกมามีบางส่วนเป็นกำไรประเภทครั้งเดียว
ซึ่งไม่ใช่เกิดจากการดำเนินธุรกิจหลัก เมื่อหักกำไรพิเศษออกไป
อาจจะมีกำไรที่ลดลงทำให้ราคาหุ้นในตลาดตกลงมา หรือบางบริษัทประกาศผลประกอบการออกมากำไรลดลงหรือขาดทุน
แต่เมื่อตรวจสอบดูปรากฎว่าเกิดจากขาดทุนจากสต็อควัตถุดิบที่มีราคาลดลง
แต่เมื่อตัดส่วนนี้ออกไป บริษัทกลับมีกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี
และไตรมาสต่อไตรมาส
ปรากฏว่าหุ้นกลับขึ้นทำให้นักลงทุนที่ดูแต่บรรทัดสุดท้ายแปลกใจได้ นอกจากนั้นหลายๆ
ครั้งที่ผลประกอบการประกาศออกมาดี
แต่บางครั้งตลาดได้คาดการณ์ผลกำไรดังกล่าวไว้แล้ว
สะท้อนจากราคาที่ขึ้นมาก่อนที่ผลประกอบการจริงจะออกมา
ราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าวอาจจะมีการปรับตัวลดลงก็เป็นได้ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว
จะเห็นได้ว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยใช่ไหมครับ
เพราะว่าการที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน
นอกจากท่านจะต้องวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทที่ท่านลงทุนไว้แล้ว
ท่านยังควรจะวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทคู่แข่งหรือบริษัทอื่นๆ
ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับบริษัทที่ท่านลงทุนไว้
เพื่อจะได้เปรียบเทียบอัตราส่วนการทำกำไรจาก Ratio ต่างๆ
เพื่อดูว่าประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ท่านลงทุนไว้กับบริษัทอื่นๆ
ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน มีความแตกต่างกันอย่างไร
ซึ่งอัตราส่วนการทำกำไรเหล่านี้มีผลต่อการประเมินค่า P/E ของหุ้น
ซึ่งจะสะท้อนไปถึงราคาที่เหมาะสมของหุ้นของบริษัทนั้นๆ ได้นอกจากนี้แล้วท่านยังต้องคอยอ่านรายงานประจำปี
รายงาน 56-1 รวมทั้งติดตามข่าวสารของบริษัทที่ท่านลงทุนไว้รวมทั้งบริษัทคู่แข่งด้วย
เพื่อที่ท่านจะได้ประเมินความสามารถในการครองส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งในที่สุดก็จะมีผลต่อกำไรหรือขาดทุนของบริษัทจะเห็นได้ว่าการที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เลยใช่ไหมครับ ถ้าท่านลงทุนหุ้นสัก 5-8
บริษัท ก็จะกำลังดี
ทำให้ท่านสามารถติดตามข่าวสารและวิเคราะห์การลงทุนได้อย่างละเอียด ลองคิดดูสิครับ
ถ้าท่านลงทุนหุ้นสัก 15-30 บริษัท ท่านจะสามารถทำการบ้าน
แบบที่ผมได้กล่าวมาไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว ก็ลดจำนวนบริษัทที่จะลงทุนให้น้อยลงนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
12/11/57
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น