สถิติ
SET
INDEX ที่ท่านอาจไม่รู้ ตอนจบ
สัปดาห์ที่แล้ว
ผมได้จัดอันดับสถิติการขึ้นมากที่สุดของ SET INDEX
ซึ่งจัดได้ 4 ลำดับ ส่วนสัปดาห์นี้ผมจะจัดลำดับการลงมากที่สุด
โดยสถิติการลงต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุด
และสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุดก็คือ ช่วงเดือนมกราคม 2537
ซึ่งในเดือนนั้น SET INDEX ได้สร้างจุดสูงสุดที่ 1,789.16
จุด แล้วก็ไหลลงมาราวกับน้ำตกไนแองการ่า โดยลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 204.59
จุดในเดือนกันยายน 2541 ลงไปทั้งสิ้น 1,584.57 จุด หรือ 88.60% ภายในเวลา 4 ปี 8 เดือน ซึ่งผมเองก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่งที่เริ่มลงทุนในช่วงครึ่งหลังของวิกฤตครั้งใหญ่นี้
จำได้คร่าวๆว่าช่วงที่เข้าลงทุนนั้น SET INDEX อยู่แถว 1,200-1,300
จุด ผมเห็นว่า SET INDEX ก็ได้ลงมาประมาณ 500 จุด หรือ ประมาณ
30กว่า% แล้ว คงจะลงไปอีกไม่มากแล้ว
หุ้นหลายตัวลงมามากกว่า 40% เสียด้วยซ้ำ จากการเป็นนักลงทุนที่อ่อนประสบการณ์ในสมัยนั้น
ทำให้การเริ่มต้นลงทุนของผมครั้งนั้นได้สร้างบาดแผลไว้เป็นที่ระลึกมากมาย
ทำให้พบสัจธรรมว่า “ถูกแล้วยังมีถูกกว่าอีก”
เงินออมที่เก็บมาจากการทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 12 ปี
บางส่วนก็มลายหายไปกับการลงทุนช่วงนั้น แต่ผมก็ยังโชคดีกว่านักลงทุนหลายๆท่านที่ยังลงทุนต่อเนื่อง
แล้วในที่สุดก็สามารถสร้างผลกำไรกลับคืนมาได้เป็นกอบเป็นกำ เข้าทำนอง
“เงินไปเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็กลับมา”
แต่อันที่จริงก็ใช้เวลาอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว
ที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อเรียกคืนส่วนที่ขาดทุนกลับมา เมื่อคิดย้อนกลับไป
ถ้ามองในแง่ดีก็คิดเสียว่าเป็นการได้บทเรียนจากการลงทุนจากประสบการณ์โดยตรง
เสมือนเป็นวัคซีนสร้างความแข็งแกร่งให้กับผมในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ครั้งต่อๆไป
ที่ผมเชื่อว่าคงจะมีอีกเป็นระยะๆ
เพียงแต่ว่าดีกรีความรุนแรงจะมากหรือน้อยกว่าเท่านั้น
ถ้าเรามาจัดลำดับสถิติการลดลงของ SET
INDEX ในช่วงระหว่างปีที่มากที่สุด จะจัดได้เป็น 3 ลำดับคือ
1)
ช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 SET
INDEX ในขณะนั้นอยู่ที่ 886.57 จุด
หลังจากนั้นได้ไหลลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 380.05 จุด ในเดือนพฤศจิกายน 2551 ลงไปถึง
506.52 จุดหรือ 57.13% ภายในเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งช่วงนั้น
วิกฤตนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเราเรียกวิกฤตนี้ว่า HAMBURGER CRISIS จากการลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรง
ได้ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดหุ้นไทยก็เลยโดนหางเลขเข้าไปเต็มๆ
ทำให้นักลงทุนเงินหายไปเกินกว่าครึ่งเลยทีเดียว
2)
ช่วงเดือนกรกฎาคม 2533 SET
INDEX อยู่ที่ 1,143.78 จุด ในขณะนั้นได้ไหลลงไปถึง 536.74 จุด
ในเดือนพฤศจิกายน 2533 ลงไป 607.04 หรือ 53.07% ภายในเวลา 4
เดือน จากการเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียโดยสหรัฐฯรบกับอิรัก
3)
ช่วงเดือนตุลาคม 2530 SET
INDEX ในเดือนนี้ทำจุดสูงสุดที่ 472.86 แล้วไหลลงอย่างรวดเร็วไปที่
243.97 จุด และยังคงลงต่อเนื่องไปถึงเดือนธันวาคม 2530 โดยลงไปถึง 228.89 จุด
คิดเป็น 48.41% ภายในเวลา 2 เดือน เราเรียกวิกฤตนี้ว่า BLACK
MONDAY ซึ่งเริ่มต้นจากตลาดหุ้นสหรัฐฯตกลงติดต่อกันหลายวัน จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ขึ้นมาถึง
44% ในปีนั้น มีการเทขายทำกำไรกันต่อเนื่องจนส่งแรงเหวี่ยงไปที่ตลาดหุ้นฮ่องกง
ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงตกระเนระนาด
พลอยทำให้ตลาดหุ้นไทยตกลงอย่างรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ
โดยในเดือนตุลาคม 2530 ตลาดหุ้นฮ่องกงลงไปถึง 45.50% ตลาดหุ้นลอนดอนลงไป
26.45% ตลาดหุ้นสหรัฐลงไป 22.68%
ส่วนตลาดหุ้นไทยลงไปประมาณ 30% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน
2530 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนั้นมี CEILING / FLOOR ที่ 10% ทุกวันหุ้นเกือบทุกตัวมีแต่
OFFER ไม่มี BID
พอตัวไหนไม่มีการซื้อขาย ราคาก็จะคงที่ ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูเหมือนว่าลงไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นฮ่องกง
ส่วนสถิติการลงแรงสุดภายใน
1 วันนับจากจุดปิดวันเกิดกับจุดต่ำสุดของวันถัดไป มี 3 ลำดับคือ
1)
วันที่ 19 ธันวาคม 2549 SET INDEX ตกจาก 730.55 จุด
ไปทำจุดต่ำสุดที่ 587.92 จุด ลงไป 142.63 จุด คิดเป็น 19.52% จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศหยุดการซื้อขายครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ SET
INDEX ตกลงไป 10% ตามกฏของ CURCUIT
BREAKER นับเป็นการใช้ CURCUIT
BREAKER เป็นครั้งแรก ก่อนขึ้นมาปิดที่ 622.14 จุด
สาเหตุเกิดจากการประกาศทำ CAPITAL CONTROL
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สร้างความตื่นตรกใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ
จึงมีแรงเทขายอย่างรุนแรง รวมทั้งการขายตัดขาดทุนจากนักลงทุนไทยบางกลุ่มและการถูก FORCE
SELL ในบัญชี MARGIN ผสมโรงเข้าไปด้วย
2)
วันที่ 12 กันยายน 2544 SET
INDEX ลงจาก 330.37 จุดไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 298.04 จุด ลงไป 32.33
จุด คิดเป็น 9.79% สาเหตุเกิดจากเหตุการณ์ 911
เครื่องบินถล่มตึก WORLD TRADE CENTER ที่สหรัฐฯ
โดยฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย AL-QAEDA
3)
วันที่ 15 ธันวาคม 2557 SET
INDEX ลงจาก 1,514.95 จุดไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1,375.99 จุด
ลงไปถึง 138.46 จุดหรือ 9.17% (ถ้าลงไปอีกหน่อยจนถึง 10% ก็จะเห็นตลาดหลักทรัพย์งัดมาตรการ CURCUIT BREAKER
มาใช้เป็นครั้งที่ 2) แล้วขึ้นมาปิดที่ 1,478.49 จุด
สาเหตุเกิดจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ คำสั่งขายจาก TRADING PROGRAM การถูก FORCE SELL ของลูกค้าบัญชี MARGIN และข่าวลืออัปมงคล
กิติชัย เตชะงามเลิศ
04/02/58
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น