มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่ 2)
บทความที่แล้ว
ผมจบลงตรงที่ผมตัดใจขายหุ้นในราคาที่ต่ำติดดิน
และขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นและไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมดจนผมเป็นไท
ปลดหนี้ปลดสินจนหมด และยังเหลือเงินไว้จำนวนหนึ่ง เอาไว้จับจ่ายใช้สอย
เพราะว่าช่วงนี้ผมเป็นนักลงทุนอิสระ ไม่มีธุรกิจหรือร้านค้า
จึงแทบจะไม่มีรายได้เลย
นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งอันน่าสะพรึงกลัวของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเป็นนักลงทุนอิสระแบบผม
เพราะว่าในยามที่เศรษฐกิจดี ลงทุนอะไรก้ได้ผลตอบแทนที่ดี
คุณก็สามารถอยู่ได้อย่างสุขสบาย แต่ยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแบบรุนแรง
สินทรัพย์ที่คุณลงทุนเสื่อมมูลค่าลง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์
ราคาตกลงกันถ้วนหน้า แต่อสังหาริมทรัพย์อาจจะตกน้อยกว่าหุ้น
แต่สภาพคล่องในการซื้อขายยามนั้น ก็ทำให้อยากจะขายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
นอกเสียจากคุณจะยอมลดราคาขายลงถูกมากๆถึงจะขายได้
และยิ่งถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ลงทุนแบบ AGGRESSIVE แบบผม ยิ่งจะตกที่นั่งลำบาก ไหนเลยจะขาดทุนจากสินทรัพย์ที่ราคาตกลงมาก
ไหนจะต้องส่งดอกเบี้ยให้กับสถาบันการเงิน
เรื่องร้ายๆจะทับถมทวีคูณใส่คุณจนคุณอาจจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อ
หรือบางรายอาจจะคิดสั้น ฆ่าตัวตายเลยทีเดียว อย่างในคราววิกฤตต้มยำกุ้ง
ก็มีหลายรายที่ปลิดชีพตนเองและหรือครอบครัวเพื่อจบปัญหา
ผมจึงตั้งใจเขียนบทความนี้ไว้เตือนใจเด็กรุ่นใหม่ที่ความใฝ่ฝันว่าทำงานไม่กี่ปีก็อยากจะเป็นนักลงทุนอิสระไม่ต้องทำงานไปจนถึงอายุ
60 ปี คุณไม่รู้หรอกว่า นักลงทุนอิสระในปัจจุบันเขาผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาอย่างไร
และมีกี่คนที่วิ่งถึงเส้นชัย ซึ่งผมบอกคุณได้เลยว่าที่วิ่งถึงเส้นชัยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มีน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่วิ่งไม่ถึงเส้นชัย
กลับมาที่กีฬาสีของบ้านเรา
ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่คิดจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในรูป FDI (FOREIGN DIRECT INVESTMENT) ก็ชะงัก
รอดูสถานการณ์ของเมืองไทยไปก่อน บางรายก็หันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของเราแทน
หรือธุรกิจต่างชาติที่ลงทุนอยู่แล้วก็หยุดกิจการ เพราะว่า
ไม่เชื่อในสถานการณ์ของประเทศไทย
บางรายถึงกับย้ายขบวนการผลิตออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น SAMSUNG ,LG ซึ่งย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามแทน
กระทั่งกิจการของไทยเองก็ยังไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากมายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปูนซีเมนต์ไทย
ปตท. เป็นต้น ดูแล้วเวียดนามได้รับส้มหล่นจากสถานการณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
จากค่าแรงที่ถูกกว่าไทยเราครึ่งหนึ่ง จำนวนประชากรที่มากกว่าเราถึง 30% และฐานประชากรเป็นคนหนุ่มสาวที่ชอบใช้จ่าย
ขณะที่ไทยเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาหลายปีแล้ว เรามีคนไทยที่อายุมากกว่า60ปี
เกิน 10% โดยไทยกับสิงคโปร์เป็น 2 ชาติใน ASEAN ที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว แต่เราไม่ต้องไปเป็นห่วงสิงคโปร์ เพราะว่า
รายได้ต่อหัว/GDP เขาเป็นอันดับหนึ่งของอาเซี่ยน
และปัจจุบันแซงหน้า สหรัฐไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว
เราไม่น้อยหน้าสิงคโปร์เลย ผมเคยคิดเล่นๆว่า ถ้า 40
ปีที่แล้วเอานักการเมืองไทยไปไว้ที่สิงคโปร์แล้วเชิญ พณฯ ลีกวนยู มาอยู่เมืองไทย
มาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ป่านนี้คนไทยคงรวยกันทั้งประเทศ รายได้ต่อหัว/GDP
ของคนไทยคงมากเป็น 2 เท่าของคนมาเลเซีย (ปัจจุบัน รายได้ต่อหัว/GDP
ของคนไทยเท่ากับครึ่งหนึ่งของคนมาเลเซีย )
ไหนใครเคยบอกว่าการเมืองไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจระยะยาว ลองนึกภาพตามที่ผมสมมติดูกันครับ
ยิ่งไปกว่านั้นคนไทยเราไม่ค่อยมีวินัย และไม่มีสำนึกในการอยู่ร่วมกัน
ผมจึงเห็นว่าคนไทยเราต้องการผู้นำเผด็จการ แต่หมายเหตุ ตัวเป้งๆว่าต้องเป็นผู้นำที่ดีสไตล์ลีกวนยูมาสร้างกฏระเบียบที่เคร่งครัดให้แก่สังคม
ท่านที่เคยไปเที่ยวสิงคโปร์จะเห็นได้ชัดว่าบ้านเมืองเขาสะอาด ร่มรื่น
เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ผู้คนทีระเบียบวินัย กฏหมายที่นั่นเคร่งครัด
ไม่ว่าจะเป็นการถ่มน้ำลายหรือทิ้งขยะในที่สาธารณะ การข้ามถนนตรงทางม้าลาย
เมื่อมีสัญญาณไฟให้ข้าม การห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งและสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
การห้ามนำเข้าหมากฝรั่งไปในราชอาณาจักรสิงคโปร์ ฯลฯ ด้วยกฏระเบียบที่เคร่งครัดดังกล่าว
จึงทำให้บ้านเมืองเขาเป็นระเบียบเรียบร้อย
พอมองย้อนกลับมาดูประเทศไทยของเราแล้วอดหดหู่ใจไม่ได้
วัฒนธรรมดีๆของหลายชาติที่เราน่าจะเลียนแบบ เช่น
การยืนบนบันไดเลื่อนชิดขวาไปทางเดียวกัน แล้วเหลือที่ว่างด้านซ้าย ให้คนที่เร่งรีบ
สามารถเดินผ่านได้สะดวก เป็นต้น
ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ญี่ปุ่นคราวที่แล้ว
เราเห็นภาพคนญี่ปุ่นยืนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อรับสิ่งของบรรเทาสาธารณภัยจากหน่วยงานรัฐอย่างเป็นระเบียบ
ลองถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ที่เมืองไทย คุณคิดว่าจะเห็นคนไทยยืนต่อคิวแบบคนญี่ปุ่น หรือเหยียบกันตายเพื่อแย่งสิ่งของบรรเทาสาธารณภัยกันครับ
เนื้อที่หมดแล้ว
อ่านต่อในบทความหน้ากันครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
02/09/58
อ่านมหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่1) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/08/1.html
02/09/58
อ่านมหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่1) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/08/1.html
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution)
ทุกเดือน
ถ้าท่านชอบบทความผม
ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา
แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่
ท่านก็จะทราบทันที
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน
ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น