จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนจบ)



                                                                   มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนจบ)


บทความที่แล้ว ผมจบลงที่เรื่องการประท้วงวุ่นวายปิดถนนย่านใจกลางเมือง ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ไล่กันตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก รวมทั้งผู้คนที่เกี่ยวข้อง และพึ่งพานักท่องเที่ยว ทำให้มีรายได้ลดลง และยังพลอยทำให้บางธุรกิจต้องปิดตัวลง พลอยทำให้คนงานต้องตกงานไปด้วย ผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะมีการกำหนดสถานที่ที่จะทำการประท้วงไม่ให้อยู่ในใจกลางเมือง หรือย่านชุมชน รวมทั้งย่านที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว เพราะว่าการปิดถนนประท้วงถึงแม้จะเป็นย่านใจกลางเมือง ก็พิสูจน์มาแล้วว่า ไม่ทำให้รัฐบาลต้องลาออก ถึงแม้จะประท้วงนานแค่ไหน ดูอย่าง กปปส. ประท้วงกันครึ่งปี ถ้าไม่มีการปฏิวัติ รัฐบาลชุดที่แล้วก็คงถูลู่ถูกังอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ได้แต่หวังว่า ไหนๆก็มีการปฏิวัติกันแล้ว ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าไปแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงจะมีหน้าตาจิ้มลิ้มกว่ารัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ ให้คุ้มค่ากับเงินทองที่ต้องสูญเสียไปสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และความเสียหายทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจจากการประท้วงวุ่นวายและช่วงเวลาที่แสนขมขื่นของสังคมไทย และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดหน้า จะเป็นรัฐบาลที่ดี ปกครองประเทศด้วยธรรมาภิบาลที่ดี เลิกใช้นโยบายประชานิยมที่จะสร้างปัญหาในระยะยาว หลายๆครั้งที่ผมอดอิจฉาคนสิงคโปร์ ที่เมื่อ 40 ปี ที่แล้ว เราไม่มีอะไรด้อยกว่าสิงคโปร์เลย แต่ปัจจุบัน GDP ต่อหัวของคนสิงคโปร์คิดเป็นประมาณ 5 เท่าของคนไทยแล้ว ถ้าเรามีคนเก่งๆอย่างอดีตผู้นำของสิงคโปร์ ท่าน ลีกวนยู มาปกครองประเทศ เราคงไม่ติดกับดักชาติที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงอยู่อย่างนี้ หรือแม้เราจะเปรียบเทียบกับมาเลเซียที่ปัจจุบันมี GDP ต่อหัวก็มากกว่าเราเท่าตัวแล้ว ทั้งๆที่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เรากับมาเลเซียสูสีกันอยู่เลย ดูแล้วก็อดเป็นห่วงว่าอีกไม่นาน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามจะตามเราทัน แล้วแซงหน้าเราไปอีก คงต้องเป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติที่จะร่วมไม้ร่วมมือกัน เลือกคนดีๆเข้าสภาในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป เลือกเพราะว่าเขาเป็นคนดีมีความสามารถ ไม่ใช่เลือกเพราะว่าเขาให้สตางค์เรามา ถ้าเลือกเพราะเหตุผลหลัง เขาต้องกลับมาถอนทุนคืนเมื่อได้รับการคัดเลือกเป็นสส. หรือถ้ายิ่งได้เป็นรัฐบาลด้วยแล้ว คงจะต้องคอร์รัปชั่นแน่นอน มิฉะนั้นการเมืองไทยก็คงจะวนเวียนอยู่อย่างนี้ เหมือนพายเรือในอ่าง อย่างที่หลายๆคนพูดอยู่ว่า คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาล คนกรุงล้มรัฐบาล สังคมไทยและเศรษฐกิจไทยจึงไม่เดินไปข้างหน้าเสียที ยิ่งช่วงหลังๆนี้ วิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นอีกในหลายๆประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก จะเห็นได้จากการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง GDP ของไทยก็เติบโตด้วยอัตราที่ลดลง บางปีก็ติดลบเสียอีกจนกลายเป็น NEW NORMAL หรือปกติใหม่ไปแล้วสำหรับเศรษฐกิจไทย ในอดีตเราเคยเห็นการเติบโตของ GDP ในระดับ 9-10% แล้วก็ลดลงเหลือ 7-8 % ต่อมาก็เหลือเพียง 4-5 % จนมาถึงปัจจุบันเรากำลังมี NEW NORMAL ที่ 2-3 % เท่านั้น ถ้าเราไม่ปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจให้เติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง ผมเชื่อว่า NEW NORMAL 2-3% จะเป็นการเติบโตปกติของGDP ไทยเรา ในขณะที่เพื่อนบ้านยังเติบโตด้วยระดับที่ 4-8 % ในฟิลิปปินส์ มาลเซีย อินโดนีเซีย และกลุ่ม CLMV เมื่อเวลาผ่านไปประเทศเหล่านั้นจะไม่แซงหน้าเราเหรอ ล่าสุดเราได้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจไทยคนใหม่ ซึ่งหลายๆคนรวมทั้งผมต่างก็คาดหวังกับทีมเศรษฐกิจชุดนี้เป็นอย่างมาก เท่าที่อ่านดูนโยบายของทีมนี้แล้ว ผมขอสนับสนุนเต็มที่ แต่อยากจะให้เข้มงวดกับงบหมู่บ้านๆละ 1 ล้านบาท 59,000 หมู่บ้าน รวมเป็นเงิน 59,000 ล้านบาท ซึ่งทีแรกบอกว่าจะเอาไปใช้หนี้สินเดิมไม่ได้ แต่ล่าสุดบอกว่าได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เงินในส่วนที่นำไปชำระหนี้เก่า ก็จะไม่สามารถไปปลุกเศรษฐกิจได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หน่วยงานที่ตรวจสอบขออนุมัติเงินกู้นี้ จะต้องเข้มงวด มิฉะนั้น โอกาสการได้รับชำระหนี้คืนคงเป็นศูนย์ จากประวัติศาสตร์การใช้จ่ายงบในลักษณะนี้มีโอกาสซ้ำรอยสูง อย่าลืมนะครับว่า เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินภาษีที่เก็บมาจากหยาดเหงื่อของผู้เสียภาษีจะเอาไปใช้โดยคนที่ไม่รับผิดชอบอย่างนั้น เป็นอะไรที่น่าเสียใจมาก จริงๆแล้วผมอยากให้รื้อนโยบาย OTOP ซึ่งผมคิดว่าเป็นนโยบายที่ดีมากๆ ให้แต่ละตำบล อำเภอ จังหวัด รวมทั้งหน่วยงานประชาสัมพันธ์ช่วยโปรโมทในทุกๆช่องทางที่ทำได้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่นอกจากโปรโมทและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ควรจะพ่วงเอาสินค้า OTOP ให้เป็นสินค้าทั้งอุปโภคบริโภคเองแล้ว ยังเป็นของฝากได้อีกด้วย จะทำให้ OTOP ของเราเข้มแข็ง แล้วรัฐบาลเองควรจะจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำๆให้กับกลุ่ม OTOP เหล่านี้ รัฐควรจะจัดตั้งคณะกรรมการ OTOP ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับชาติ เพื่อเข้ามาดูแลคัดเลือกและสนับสนุน จะทำให้ OTOP ที่มีคุณภาพเหล่านี้มีความแข็งแกร่ง ผลักดันให้ DUTY FREE ทุกแห่งจะต้องมีการจัดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 5 % สำหรับวางจำหน่ายสินค้า OTOP ยิ่งเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ช้อปปิ้งเก่งๆเต็ม DUTY FREE ผมยิ่งเห็นอนาคตที่สดใสของ OTOP เราคนไทยมาช่วยกันคนละไม้คนละมือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น OTOP กันครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
         29/09/58
อ่าน
มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่1) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/08/1.html

      มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่2) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/09/2.html

        มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่3) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/09/3.html

       มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่4) ที่http://kitichai1.blogspot.com/2015/09/4.html





ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน 
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที 
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น