จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

ผลตอบแทนของหุ้น (ตอนที่ 2)



                                      ผลตอบแทนของหุ้น (ตอนที่ 2)

             บทความที่แล้ว ผมได้พูดถึงผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ไทยตั้งแต่สิ้นปี 2557 จนถึงต้นปี 2559 แล้วได้ลงไปถึงกลุ่มพลังงานที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับนักลงทุนในกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก ล่าสุดมีข่าวการฆ่าตัวตายของนักลงทุนในตลาดหุ้น จากความเครียดที่ประสบผลขาดทุนอย่างมาก นับเป็นอุทาหรณ์เตือนใจนักลงทุนท่านอื่นๆ ให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง ต้องศึกษาวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวที่จะลงทุนเป็นอย่างดี และควรจะกระจายการลงทุนในหลายๆอุตสาหกรรม ดังโบราณเขาว่า ไม่ควรเอาไข่ใส่ในตระกร้าใบเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ควรจะมีการทำ ASSET ALLOCATION ให้ดี โดยจัดแบ่งสรรปันส่วนเงินลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท นอกจากหุ้นแล้วยังมีอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ตราสารหนี้ ถ้ามีเงินลงทุนมาก ก็อาจจะกระจายการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และตราสารหนี้ต่างประเทศด้วยยิ่งดี เพราะว่าบางช่วงเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่ำ โดยเฉพาะช่วงหลังๆนี้ NEW NORMAL ของการเติบโต GDP บ้านเรา โอกาสที่จะเห็น 4% นี้ยากมาก โดย GDP ของไทยเราอยู่อันดับโหล่ๆของ ASEAN  เลยทีเดียว ดูเหมือนเราจะกลายเป็นคนป่วยของ ASEAN จริงๆ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนต่างประเทศ โดยเลือกตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่สิ่งหนึ่งที่พึงระวังก็คือ มีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเวลาแลกกลับมาเป็นเงินบาท อาจจะเหลือกำไรไม่มากก็ได้ ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เราไปลงทุนในสินทรัพย์ของประเทศนั้นๆ
            เรากลับมาดู SECTOR อื่นๆที่ทำให้ SET INDEX ตกลงมาถึง 14% กันดูว่า นอกจากกลุ่มพลังงานที่พูดไปเมื่อบทความที่แล้ว ยังมีกลุ่มธนาคารเมื่อสิ้นปี 2557 ปิดที่ 595.17 แล้วลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 400.37 เท่ากับดิ่งลงไป 194.80 คิดเป็น 32.73% ลงหนักกว่ากลุ่มพลังงานเสียอีก เพราะว่ากลุ่มพลังงานลงไปแค่ 29.05% ทั้งๆที่ราคาน้ำมันลดกระหน่ำซะขนาดนั้นก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าปีที่ผ่านมา NPL ของกลุ่มธนาคารสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท สหวิริยาสตีล จำกัด (SSI)  ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นหนี้ประเภท NPL ไปเรียบร้อยทำให้เจ้าหนี้อย่าง SCB ,KTB และ TISCO มีหนี้ NPL สูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ากระทั่ง KBANK ที่ไม่ได้ปล่อยกู้ให้กับ SSI ก็ยังมีหนี้ NPL สูงขึ้นมาติดอันดับ TOP 3 เสียด้วย  น่าจะเป็นเพราะว่าภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ลูกหนี้มีรายได้ไม่พอที่จะส่งหนี้ให้กับสถาบันการเงิน ก็อย่างที่เรารู้กันว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยปัจจุบันย่ำเข้าไปกว่า 80% สูงเป็นอันดับ 2 ของ ASEAN เป็นรองก็เพียง มาเลเซีย เท่านั้น ยิ่งปีที่ผ่านมา ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ ภาคส่งออกติดลบ การบริโภคภายในประเทศไม่ค่อยดี ภาคที่ยังพอเติบโตได้ดีก็คือ ภาคการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สายการบิน สนามบิน ล้วนแต่ได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ลดลงมาอย่างมาก และปริมาณนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุด วันก่อนผมได้ไปเดินที่ DUTY FREE SHOP ปรากฎว่า ประมาณ 90 กว่า% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เหลือเป็นคนไทย และ ชาวเอเชียชาติอื่นๆ ไม่เห็นชาวตะวันตกแม้แต่คนเดียวเลย นี่ถ้าเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย DUTY FREE เหล่านี้คงต้องเลิกกิจการเป็นแน่ ภาคบริการที่ยังดีอยู่ก็คือโรงพยาบาล จากงบการเงินที่ประกาศออกมา รวมทั้งประมาณการของ ANALYSIS CONSENSUS ยังแสดงให้เห็นการเติบโตของธุรกิจนี้
            เนื้อที่หมดแล้วไว้บทความหน้า ผมจะมาพูดถึง SECTOR ต่อไปที่มีผลทำให้ SET INDEX ตกถล่มทลาย อย่าลืมติดตามอ่านกันครับ


กิติชัย เตชะงามเลิศ
        28/1/59



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน 
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที


วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

ผลตอบแทนของหุ้น ตอนที่ 1



                                           ผลตอบแทนของหุ้น ตอนที่ 1

            เมื่อปีที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยเราทำผลตอบแทนติดลบถึง  14 % คิดจาก SET INDEX เมื่อสิ้นปี 2557 ที่ 1,497.67 ไปจบสิ้นปี 2558 ที่ 1288.02 โดยลดลงไปถึง 209.65 จุด หรือคิดเป็น 14% เมื่อเทียบกับอัตราเงินปันผลที่ประมาณ 3% นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ก็จะขาดทุนประมาณ 11% โดยเฉลี่ย สร้างความผิดหวังไปตามๆกัน มิหนำซ้ำเปิดตลาดหุ้นปีใหม่มา ก็ยังคงแนวโน้มลงมาตลอดโดยไปทำจุดต่ำสุดที่ 1220.96 เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ลงจากปลายปีแล้ว 67.06 จุด คิดเป็น 5.21 %  ถ้าใครถือครองหุ้นไทยมาตั้งแต่ปลายปี 2557 ถึงวันที่ 11 มกราคม ก็ขาดทุนไป 16.21 % แล้ว แต่นักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะมีผลขาดทุนมากกว่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ลงทุนใน SECTOR ที่ลงหนักๆ อย่างเช่นกลุ่มพลังงาน ที่แทบจะเป็นขาลงอย่างเดียว โดยลงจาก 18,698.16 เมื่อสิ้นปี 2557 มาทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมาที่ 13,265.70 ลดลงไปถึง 5,432.46 คิดเป็น 29.05% เลยทีเดียว ยิ่งถือ PTTEP ตัวเดียวยิ่งช้ำใจหนัก ราคา PTTEP จาก 112 บาท เมื่อสิ้นปี 2557 มาทำจุดต่ำสุดที่ 41.25 บาทเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2558 ลดลงไปถึง 70.75 บาท คิดเป็น 63.17% ไปไม่ถูกเลยจริงๆ นี่ขนาดว่าเป็นหุ้นใน SET 50 ยังลงระเนระนาดได้ขนาดนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันตกต่ำลงอย่างรุนแรง WTI CRUDE OIL จากราคาแถวๆ 53-54$/BARREL เมื่อสิ้นปี 2557 ลงมาอยู่ที่ 29.13 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2558 ลงไปประมาณ 40 กว่าเปอร์เซนต์ เห็นอย่างนี้แล้ว BOOK VALUE ของ PTTEP คงต้องมีการ UPDATE กันอีกรอบ จากราคาน้ำมันที่ตกลงมาอีกรอบ ถ้าปรับตามราคาน้ำมันในปัจจุบัน นึกไม่ออกจริงๆว่า BV จะเหลือเท่าไหร่ จาก BV ล่าสุดเมื่อปิดไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้ว อยู่ที่ 102.64 บาท ดังนั้นนักลงทุนที่เห็น PVB ต่ำๆ นั้น คิดจาก BV ที่ยังไม่ได้ UPDATE ตามราคาน้ำมันในปัจจุบัน แล้ว PVB ที่แท้จริงคงไม่ใช่ตัวเลขที่ท่านเห็นแน่ๆ เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้คิดคำนึงถึงเสมอว่า BV ที่น่าจะนำมาคำนวน PBV ต้องเป็น BV ที่ UPDATE ตามความเป็นจริงเสมอ มิฉะนั้น เมื่อเห็น PTTEP ที่ราคา 70-80 บาทแล้วคว้ามับ เพราะนึกว่า PBV แค่ 0.7-0.8 เท่าเท่านั้น อย่างน้อยมี MARGIN OF SAFETY ส่วนหนึ่งคือจ่ายน้อยกว่าราคามูลค่าตามบัญชี ในกรณีที่ธุรกิจนั้นยังขาดทุนอยู่ คำนวน P/E  ไม่ได้ นักลงทุนบางกลุ่มก็จะนำ PBV BAND ในอดีตมาดูว่า เคยขึ้นไป หรือลงไปมากน้อยเพียงไหน แล้วสร้างเป็น BAND ขึ้นมา โดยใส่ STANDARD DEVIATION เพื่อไว้เปรียบเทียบความผันผวน ซึ่ง PBV BAND CHART นี้นักลงทุนสามารถที่จะแจ้ง มาร์เก็ตติ้งที่ดูแลบัญชีซื้อขายหุ้นของท่านให้ขอจากฝ่ายวิจัยของโบรคเกอร์ที่ท่านเป็นลูกค้าได้ หลายๆครั้งผมเองก็ใช้ PBV BAND ไว้ตรวจสอบดูความถูกแพงของหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนอยู่ในขณะนั้น แต่มีโอกาสที่จะ TURN AROUND ในเวลาไม่นาน โดยBV ที่จะนำมาใช้คงจะต้องเป็น BV ที่ UPDATE เองด้วยส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะ ถ้าคาดว่าอาจจะขาดทุนอีก 2-3 ไตรมาสช่างหน้า ก่อนที่จะ TURN AROUND ได้จริงๆ คงต้องนำผลขาดทุน 2-3 ไตรมาสดังกล่าวมาคำนวนแล้วหักลบ BV ในปัจจุบัน เพื่อจะได้ BV ที่จะเป็นไปในช่วงข้างหน้า เป็นการลงทุนโดยหลักอนุรักษ์นิยม แล้วยิ่งถ้าหุ้นตัวนั้นลงมาที่ PBV บริเวณที่เคยต่ำสุดมาในอดีต(ยิ่งถ้าเราใช้ PBV BAND ที่มีระยะเวลายิ่งนานยิ่งดี ถ้าเป็นไปได้คงจะเป็น 10 ปีขึ้นไปเพื่อความปลอดภัยในการลงทุน) ยิ่งน่าสนใจในการลงทุน แต่ขอย้ำนะครับท่านต้องมีความมั่นใจว่าโอกาสที่หุ้นตัวนี้จะมีการ TURN AROUND มีความเป็นไปได้สูงเท่านั้น เขียนเพลินไปหน่อย เนื้อที่หมดแล้ว เรามาดู SECTOR อื่นๆในบทความหน้ากันครับ


กิติชัย เตชะงามเลิศ
        19/1/59



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน 
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที


วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

8 สิ่งที่ควรทำช่วงปลายปี ตอนจบ

                                                      8 สิ่งที่ควรทำช่วงปลายปี ตอนจบ


 2 สัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดถึงสิ่งที่ควรทำช่วงปลายปีไป 6 ข้อแล้ว สัปดาห์นี้เรามาต่อที่เหลือกันเลยครับ
7). ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะท่านที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไปควรจะตรวจทุกๆ ปี และท่านที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปควรจะตรวจปีละ 2 ครั้ง ทำให้เราทราบว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา ลักษณะการใช้ชีวิตเราเป็นการส่งเสริมหรือทำลายสุขภาพของเราเอง ถ้าท่านมีกำลังทรัพย์มากหน่อย การตรวจดูว่าร่างกายท่านมีแร่ธาตุ วิตามิน ฮอร์โมนต่างๆ มากหรือน้อยเกินไป อะไรที่ขาดก็พยายามทานผักผลไม้ที่ให้แร่ธาตุ วิตามิน ที่ขาด หรืออาจทานอาหารเสริมตัวที่ขาด และลดหรือหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีแร่ธาตุ วิตามินตัวที่ร่างกายมีมากเกินไป และตรวจเสริมดูว่าร่างกายเราแพ้อาหารชนิดใด จะได้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนั้น มิฉะนั้นจะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นภายในร่างกาย การเกิดขึ้นบ่อยๆ จะเป็นการสะสม ทำให้เกิดโรคร้ายแรงในภายหลังได้ ยึดหลักง่ายๆคือ รับประทานอย่างไรได้อย่างนั้น ควรรับประทานอาหารในปริมาณพอเหมาะ เลือกทานอาหารสดใหม่ได้โภชนาการ ทานผักผลไม้ให้ได้หลายสีสัน ทานปลาและเนื้อสัตว์ต่างๆ ลดการทานน้ําตาลและคาร์โบไฮเดรต การป้องกันดีกว่าการรักษา ต้นทุนของการป้องกันนั้นถูกกว่าค่ารักษาพยาบาลมาก ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลโดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนสูงมาก ดังนั้นการที่มีสุขภาพที่แข็งแรงทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายด้านนี้ไปได้มาก ทำให้ท่านมีเงินเหลือที่จะไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและเสริมความมั่นคงให้กับชีวิตของท่าน
8). วางแผนทั้งด้านการลงทุนและการใช้ชีวิตในปีหน้าว่าจะดำเนินไปในทางใด โดยปกติช่วงปลายปีผมจะคิดว่าปีใหม่นี้ผมควรจะกำหนด New Year Resolution ไว้ ซึ่งปีนี้ New Year Resolution ของผมจะให้ความสำคัญทั้งร่างกายและจิตใจ โดยผมตั้งใจจะทำดังนี้
            ก.  นอนหลับให้เร็วขึ้น ตั้งใจจะนอนก่อน 22.30 น.เพราะว่าช่วงเวลา 22.00—01.00น. ร่างกายคนเราจะหลั่ง Melatonin เพื่อไปกระตุ้นต่อมใต้สมองให้ผลิต Growth Hormone เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อันมีผลให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
          ข. จะลุกจากเก้าอี้ทำงานเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดอาการ Office Syndrome
            ค.  ออกกำลังกายโดยการยกน้ำหนัก เดินเร็ว รำกระบอง ฝึกโยคะ และว่ายน้ำ สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง นอกจากทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยลดอาการเจ็บปวดจากอาการ Office Syndrome ได้เป็นอย่างดี และการออกกําลังกายสามารถช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนที่กันแก่ชราได้
            ง.  เดินสูดอากาศและรับแดดยามเช้าช่วงเวลา 7.00-8.00 น. สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า  1 ครั้งที่สวนสาธารณะ เพื่อฟอกปอดและช่วยให้ร่างกายสร้าง Vitamin D ทำให้กระดูกแข็งแรง ลดโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน
            จ.  เลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ(ดีกว่าต้องมาทานยา) ลดและพยายามเลิกทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ผมเองก็เพิ่งซื้อเครื่องปั่นแรงสูงมาปั่นผักผสมผลไม้ทานทุกมื้อที่อยู่บ้าน
            ฉ.  เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศบ่อยขึ้น เป็นการให้รางวัลชีวิตที่ดีมาก สุขภาพจิตก็จะดีตามไปด้วย เดินทางท่องเที่ยวบางครั้งยังทำให้ผมได้ไอเดียบางอย่างเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนด้วยเช่นกัน
          จะเห็นว่าผมเน้นในเรื่องสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะว่าปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลสูงมาก ต้นทุนของการดูแลสุขภาพนั้นถูกกว่าค่ารักษาพยาบาลเป็นอย่างมาก และสุขภาพที่ไม่ดีจะเป็นตัวลดความมั่งคั่งของท่านอย่างมาก อย่าให้การมีอายุยืนกลายเป็นความเสี่ยงของชีวิต บทความนี้ขอส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอให้ท่านผู้อ่านประสบความสำเร็จในการลงทุนมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงและเฮงๆรวยๆกันถ้วนหน้านะครับ



                                                        8 สิ่งที่ควรทำช่วงปลายปี ตอนที่ 2
 สัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดถึงสิ่งที่ควรทำช่วงปลายปีไป 3 ข้อแล้ว สัปดาห์นี้เรามาต่อที่เหลือกันเลยครับ
4). ทบทวนสิ่งที่เราทำไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันว่า เราได้ทำสิ่งดีๆ หรือสิ่งไม่ดีกับตัวเองครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน สังคมไทย และโลกอย่างไรบ้าง โดยยึดหลัก เอาใจเขามาใส่ใจเรา สิ่งใดที่ดีก็จะนำไปปฏิบัติต่อในปีหน้า สิ่งที่ไม่ดีก็ต้องหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนในด้านการลงทุน ผมก็มักจะทบทวนดูว่า การลงทุนในปีนั้นๆ ได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนไปมีรายการไหน ที่ตัดสินใจถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร โดยเปรียบเทียบกับ Benchmark โดยหุ้นผมจะใช้ SET INDEX เป็น Benchmark บวกกับอัตราเงินปันผลซึ่งผมมักจะตีคร่าวๆ ว่ามีค่าเท่ากับ 3% ซึ่งก็จะคำนึงถึงสภาพตลาดหุ้นและ Sector ของหุ้นที่ผมลงทุนประกอบด้วย และจุดมุ่งหมายที่ตัดสินใจลงทุนตั้งแต่แรกว่าคิดอย่างไร และเป็นไปตามที่คิดไหม ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ผมจะดูจากผลตอบแทนที่ได้รับ และความรวดเร็วในการขาย
5). ทบทวนหนี้สิน (ถ้ามี) ว่าเป็นหนี้ที่เกิดจากอะไรบ้าง และอัตราดอกเบี้ยสูงต่ำอย่างไร โดยพยายามที่จะไม่ก่อหนี้เพื่อสินค้าที่เสี่อมมูลค่าได้ง่าย เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ปัจจุบันนี้ธุรกิจผ่อนสินค้ารุกไปถึงเครื่องสำอางและทัวร์แล้ว ผมไม่เข้าใจคนที่ซื้อสินค้าเหล่านี้ด้วยเงินผ่อนคิดอย่างไร โดยเฉพาะเครื่องสำอางและทัวร์ ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเลย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ประมาณ 20กว่า%ต่อปี การที่ท่านจะลงทุนให้ได้ผลตอบแทนในระดับนั้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ขนาด Warren Buffet นักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ยังทำผลตอบแทนได้ประมาณ 20 กว่า % เท่านั้น ยกเว้นแต่ท่านมีเงินมากพออยู่แล้ว อยากซื้อมาใช้ หรืออยากไปเที่ยว อย่างนั้นไม่ว่ากัน ส่วนคนที่เป็นหนี้ ควรจะพยายามลดและล้างหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงที่สุดไปก่อน ส่วนมากมักจะเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หลังจากล้างหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงไปหมดแล้วค่อยมาเปรียบเทียบดูว่า ระหว่างคงหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ กับมีเงินเหลือนำไปลงทุนในทรัพย์สินที่คาดหวังผลตอบแทนได้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่ 1.50-2 เท่าเป็นต้นไป หรือจะไปล้างหนี้ให้หมดเสียก่อน แล้วค่อยคิดที่จะลงทุน นั่นคงแล้วแต่ Risk Appetite ของแต่ละท่านและความเชื่อมั่นของทรัพย์สินที่จะลงทุนว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คาดหวัง และควรตั้งสัตย์ปฏิญานตนว่าจะไม่ก่อหนี้สินเพื่อซื้อสินค้าที่เสี่อมมูลค่าได้ง่ายดังกล่าวอีก ยกเว้นการก่อหนี้เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่จะทวีมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป เช่น บ้าน หรือ คอนโดไว้อาศัยอยู่เองหรือเพื่อปล่อยเช่า แต่ควรที่จะได้ผลตอบแทนจากการเช่าไม่ต่ำกว่า 5-6% ถ้าอย่างนี้ ผมขอสนับสนุนเต็มที่ครับ เพราะว่าท่านจะประหยัดค่าเช่าบ้าน และไม่ว่าท่านจะจ่ายค่าเช่าไปกี่สิบปี ท่านก็ไม่มีวันที่จะได้เป็นเจ้าของ ในขณะที่ถ้าท่านผ่อนบ้านหรือคอนโดกับธนาคาร ภายใน 20-30ปี แล้วแต่ระยะเวลาที่ท่านกู้ ในที่สุดท่านก็จะได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้น และราคาก็คงจะมีมูลค่ามากกว่าราคาที่ท่านซื้อไว้ กำไรทั้งได้อยู่อาศัยและมูลค่าที่สูงขึ้น
6).อย่าลืมนำเงินปันผลมาเครดิตภาษี และตรวจสอบดูว่าสามารถนำค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่นดอกเบี้ยกู้ซื้อที่อยู่อาศัยตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท เงินบริจาคแก่สถานศึกษา ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เงินบริจาคแก่วัดวาอาราม มูลนิธิ ลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว และค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร บิดามารดา คนพิการ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส ซึ่งมีเงื่อนไขบางประการ ลองศึกษาดูจากคู่มือวิธีการกรอกแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมครับ
เนื้อที่หมดแล้ว มาอ่านต่ออีก 2 ข้อที่เหลือในสัปดาห์หน้านะครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
        12/1/59



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน 
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที