จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ฤดูผลประกอบการที่นักลงทุนรอคอย


ฤดูผลประกอบการที่นักลงทุนรอคอย


          ปกติบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาด MAI จะต้องส่งงบการเงินให้ตลาดปีละ 4 ครั้ง โดย 3 ไตรมาสแรกจะต้องส่งหลังจากปิดงบ ณ สิ้นไตรมาสภายใน 45 วัน ยกเว้นไตรมาสสุดท้าย ซึ่งบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะส่งเป็นงบปีโดยตลาดกำหนดให้ส่งภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าบริษัทใดส่งไม่ทันตลาดก็จะขึ้นเครื่องหมาย NP เพื่อแจ้งนักลงทุนให้ทราบว่าตลาดกำลังรอบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ ส่งงบการเงินมาให้ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อจะเผยแพร่งบดังกล่าวให้นักลงทุนทราบ หลังจากนั้นก็จะมีเทศกาล  OPPORTUNITY DAY หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า OPP DAY ซึ่งเป็นงานที่บริษัทจดทะเบียนมาพบกับนักลงทุน มาเล่าเรื่องราวของธุรกิจของตนในไตรมาสที่ผ่านมาแก่นักลงทุน  รวมถึงชี้แจงงบการเงินผลประกอบการและพูดถึงโครงการที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งจะจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์  ความสนใจของนักลงทุนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความนิยมในบริษัทนั้นๆ ถ้าช่วงนั้นบริษัทจดทะเบียนรายใดมีมูลค่าการซื้อขาย/วัน คึกคัก ก็คาดเดาได้เลยว่าวันที่บริษัทนั้นมานำเสนอข้อมูลในเทศกาล OPPDAY จะมีคนเข้าฟังล้นหลาม ถ้าท่านนักลงทุนติดธุระไม่สามารถเข้าร่วมฟังผู้บริหารพูดด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการถ่ายทอดทางอินเตอร์เน็ตในรูป WEBCAST ซึ่งสามารถจะดูสดๆ ได้เสมือนกับการเข้าฟังในห้องประชุมของตลาดเลยทีเดียว  หรือถ้าไม่สะดวกจะรับชมในช่วงขณะนั้น ตลาดหลักทรัพย์ก็ยังทำเป็นวีดีโอให้ชมกันภายหลังอีกด้วย ถือว่าสะดวกมากๆ ซึ่งผมเองก็ใช้วิธีชมทางอินเตอร์เน็ตในรูปแบบ WEBCAST และ VDO แล้วแต่ความสะดวกและถ้าชมสดๆ ในรูป WEBCAST ท่านยังสามารถส่งข้อความถามผู้บริหารได้ในทันที ส่วนคำถามของท่าน อาจจะได้รับการตอบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บริหารบริษัทนั้นๆ และเวลามีเพียงพอหรือไม่ ผมขอชมเชยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่กรุณาจัดให้มีงาน OPP DAY พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดและอัดเป็น VDO ให้นักลงทุนได้มีโอกาสติดตามและสอบถามข้อมูลจากผู้บริหาร เพื่อเป็นการพิจารณาที่จะตัดสินใจลงทุนในบริษัทจดทะเบียนเหล่านั้น ถ้าผมจำไม่ผิดงาน OPP DAY เริ่มมีครั้งแรกในสมัยทีท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ และท่านก็เป็นผู้ก่อตั้งห้องสมุดมารวย (มารวย เป็นชื่อของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนแรก ที่นักลงทุนสมัยนั้นชื่นชมผลงานและการเอาใจใส่ต่อนักลงทุนเป็นอย่างมาก) เป็นห้องสมุดที่มีหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนทั้งไทยและเทศ ให้นักลงทุนเข้ามาใช้บริการ และถ้าเป็นสมาชิกก็สามารถยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านได้ด้วย เมื่อเวลาผ่านไป จากประสบการณ์ตรงของผม ผู้เข้าไปใช้บริการจะเป็นนิสิตนักศึกษามากกว่าครึ่ง เข้าไปทำรายงานในห้องสมุด บางท่านมาคนเดียวแต่วางของบนโต๊ะและเก้าอี้ไว้เต็มหมดเลย กะว่าคนอื่นไม่ต้องมานั่งด้วย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางท่านเอาของมาวางเต็มโต๊ะและเก้าอี้แล้วออกไปข้างนอก ผมสังเกตหลายๆ โต๊ะมีแต่ของพะรุงพะรังที่วางไว้ โดยเจ้าของไม่อยู่เป็นเวลานานเกิน 2-3 ชั่วโมงหลายโต๊ะ (อันที่จริงอาจจะนานกว่านั้น เพราะว่าตั้งแต่ผมเข้าไปในห้องสมุดก็เห็นสภาพนั้นอยู่แล้ว หลังจากผมออกจากห้องสมุดเป็นการเห็นแก่ตัวอย่างมากเบียดเบียนผู้ที่อยากจะใช้บริการ ทำให้มีที่นั่งไม่เพียงพอ แล้วถ้ามีผู้ประสงค์ร้ายเอาระเบิดเวลายัดใส่ในสัมภาระดังกล่าวมาวางไว้ในห้องสมุด ถึงแม้ทางเข้าห้องสมุดจะมี รปภ.และเครื่องตรวจวัตถุก็ตาม แต่หลายครั้งผมก็ไม่เห็น รปภ. ตรงหน้าทางเข้าผมเข้าใจว่าเขาอาจจะเข้าห้องน้ำ แต่ถ้าผู้ประสงค์ร้ายรอจังหวะนั้นเข้ามาอะไรจะเกิดขึ้น ผมเคยไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ห้องสมุด 2 ครั้ง แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น อันที่จริงทางเจ้าหน้าที่ควรจะมีการสอดส่องดูแล ถ้าเห็นโต๊ะไหนมีสัมภาระทิ้งไว้บนโต๊ะนานเกิน 30 นาที ควรจะนำสัมภาระดังกล่าวไปเก็บไว้ รอให้เจ้าของสัมภาระเหล่านั้นมารับไป พร้อมทั้งปรับเขาเหล่านั้น เพื่อจะได้เข็ดหลาบ ไม่ทำพฤติกรรมเยี่ยงนี้อีก ตั้งใจจะเขียนถึงเทศกาลประกาศงบการเงิน  ไม่รู้มาเขียนถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร ช่วงประกาศผลประกอบการจะเป็นที่ลุ้นระทึกของนักลงทุนหลายๆ ท่าน โดยเฉพาะนักลงทุนแบบ VI จะได้ตรวจสอบดูว่าผลประกอบการที่บริษัทจดทะเบียนที่ถืออยู่หรือติดตามอยู่ มีผลประกอบการสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตนหรือไม่ ถ้าไม่เพราะเหตุใด ผมเองนอกจากจะดูบรรทัดสุดท้าย (กำไร/หุ้น) แล้วผมก็จะวิเคราะห์งบการเงินที่ประกาศออกมาดูไส้ในว่ากำไร/ขาดทุนเกิดจากอะไร ดูทุกๆ บรรทัดเปรียบเทียบทั้ง YoY และ QoQ ถ้าลักษณะของรายได้หรือกำไรเป็นฤดูกาล (SEASONAL) จะทำให้ตีความหมายผิดๆ รวมทั้งผมจะอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงิน และความเห็นของผู้สอบบัญชี ประกอบด้วย ถ้าผลประกอบการไม่สอดคล้องกับความคาดหมายของผม จากปัจจัยบางอย่างที่ผมคาดไม่ถึง ผมก็อาจปรับการคาดการณ์ผลประกอบการของไตรมาสถัดไปและผลประกอบการรายปี เพื่อให้การคาดการณ์มีความแม่นยำมากขึ้น ช่วงนี้ผมจะต้องทำงานหนักมากกว่าปกติ คือ ต้องติดตามและงบการเงินบริษัทที่ผมน่าสนใจ และเฝ้าดูการชี้แจงของผู้บริหารที่มาออกงาน OPP DAY นี้คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมพยายามถือหุ้นไม่เกิน 8 ตัว ผมไม่สามารถจะติดตามข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะช่วงเวลาประกาศงบการเงินได้ทัน และวิเคราะห์เจาะลึกได้อย่างละเอียดลออ ผมเห็นนักลงทุนบางท่านมีหุ้นมากกว่า 30 ตัวในพอร์ตอยู่หลายท่าน ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าช่วงเวลานี้เขาจะต้องทำงานหนักแค่ไหน ถ้าเขาต้องทำแบบที่ผมทำ นั่นคือ สาเหตุที่นักลงทุนหลายท่านเลือกที่จะลงทุนหุ้นน้อยตัว แค่เพิ่มน้ำหนักในหุ้นแต่ละตัวที่ถือให้มากหน่อย การใส่ไข่ไว้หลายตะกร้าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าใส่ไว้ใน 30 ตะกร้า คุณมีแค่ 2 มือจะถืออย่างไรครับ

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
และ BLOG : http://kitichai1.blogspot.com
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10
 และนิตยสารคนรวยหุันCondo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน

                            กิติชัย เตชะงามเลิศ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น