จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ธุรกิจเด่น-ดับ ในปี 2557(สรุป)

                                    ธุรกิจเด่น-ดับ ในปี 2557
ธุรกิจเด่น
          1). Content Provider คือธุรกิจที่ผลิตรายการต่างๆ สำหรับป้อน TV ที่เรากำลังจะมี Digital TV ที่เป็นช่องธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก 24 ช่อง ทำให้ต้องการ  Content ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ลองคิดดูสิครับว่าถ้า TV ออกอากาศตั้งแต่ตี 5 จนถึงตี 1 เท่ากับว่า 1 ช่องต้องการ Content 20 ชม./วัน เราจะมีช่องใหม่ 24 ช่อง เท่ากับเราต้องการ Content มากถึง 480 ชม./วัน จะเห็นได้เลยว่าช่วงนี้ บริษัทต่างๆ ที่ประมูล Digital TV ได้ เริ่มรับสมัครงานหลายตำแหน่ง จริงๆ แล้วต้องโทษทบวงมหาวิทยาลัย และกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมในการเพิ่มขีดความสามารถในการรับนักเรียน นักศึกษาเข้ามาศึกษาหาความรู้ ทางด้านนี้ โดยเฉพาะคณะนิเทศศาสตร์และคณะวารสารศาสตร์ ทั้งๆ ที่ รู้ล่วงหน้ามาตั้งนาน เพราะว่า กสทช. กว่าจะเกิดขึ้นมาได้ ก็มีระยะเวลาตั้งไข่อยู่นาน ทำให้ช่วงนี้ บุคลากรที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ กลายเป็นตัวเงินตัวทองขึ้นมาเลย เราคงจะได้เห็นการย้ายค่าย  การซื้อตัวคนเก่งๆ กันมาก นอกจาก Local Content Provider แล้วพวก Content Provider ต่างชาติไม่ว่า จะเป็นรายการบันเทิง กีฬา สารคดี และการ์ตูนทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ คงจะขึ้นราคาค่า Content  หรือกรณีที่ประมูลก็จะมีราคาสูงขึ้น
          2). App และ Game Developer จาการที่เรามี 3G บวกกับคนไทยโดยเฉพาะคนในเมืองเป็นคนคลั่ง Social Media อย่างมากจนกรุงเทพเป็นเมืองที่มีผู้ใช้ Facebook ติดอับดับ Top5 ของโลก และคนไทยใช้ Line มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน ทำให้คนไทยเปลี่ยนจากการใช้ Feature Phone มาเป็น Smart Phone ยิ่งปัจจุบันนี้ราคา Smart Phone ระดับกลางๆ ประมาณ 4,000-6,000 บาทมีให้เลือกหลายยี่ห้อ และแบรนด์อินเตอร์หลายแบรนด์ก็ลงมาเล่นที่กลุ่มนี้มากขึ้น ทำให้ความต้องการ App และ Game บนมือถือมากขึ้น เราจะเห็นได้จาก App ที่ฮิตๆ ถึงแม้ว่าจะเป็น Local App ก็มียอดดาวน์โหลดเป็นแสน อย่างไรก็ตาม อยู่ที่ Developer จะสามารถพัฒนา App ออกมาให้ถูกใจผู้ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ลองดู Line สิครับ เข้ามาไม่นานแต่มียอดดาวน์โหลดไปแล้วหลายร้อยล้านครั้ง ถ้า APP. Developer ของไทย พัฒนา APP ดีๆ จะสามารถขาย APP ผ่านช่องทาง APP Store ของใน IPhone, Android และ Window นั่นหมายถึงผู้ใช้ Smart Phone ของทั้งโลก อาจจะเป็นว่าที่ลูกค้าของคุณครับ
                   Content Provider กับ App และ Game Developer ซึ่งถ้าทำดีๆ นอกจากจะขายในประเทศแล้วยังสามารถขายในต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงาน FAIR หรือ พวก App Store, Play Store, Window Store หรือขายโดยตรงให้กับผู้ซื้อ
           3. ธุรกิจที่สร้างและติดตั้งโครงสร้างโครงข่ายส่งสัญญาณ Digital TV (Multiplex Mux) ซึ่งใช้งบลงทุนโครงข่ายละ 3,000 ล้านบาท หลังจากประมูลช่อง Digital TV เสร็จแล้ว ผู้ที่ประมูลช่องดังกล่าวได้ ทุกรายต้องพึ่งพาบริการของผู้ให้บริการโครงข่ายดังกล่าวซึ่งมีอยู่ 4 ราย 5 โครงข่าย (ไทย PBS, อสมท, กรมประชาสัมพันธ์, ช่อง5 (มี 2 โครงข่าย) ซึ่งราคาค่าบริการไม่เท่ากัน ขึ้นกับคุณภาพและ Penetration ของแต่ละราย แต่ภายใน 3 ปี คนไทยเกือบทั่วประเทศก็จะสามารถรับชมช่อง Digital TV ทั้งหลายได้  
          4. ธุรกิจผลิตและขายกล่องรับสัญญาณ Digital TV รวมทั้งธุรกิจที่ขาย TV ผู้บริโภคที่มีงบ และกำลังจะเปลี่ยน TV อยู่พอดี ก็คงจะเลือกซื้อ Digital TV ที่เป็นระบบเดียวกับระบบการส่งสัญญาณที่ กสทช.กำหนดไว้ซึ่งก็คือระบบ DVB-T2 ของยุโรป ซึ่งอีกไม่นานเราก็จะเห็นคูปองส่วนลดในการแลกซื้อ กล่องรับสัญญาณและ Digital TV ที่สามารถรับชมช่อง Digital TV ได้ ในเร็วๆ นี้ทำให้การตัดสินใจซื้อ TV    หรือกล่องรับสัญญาณช่องผู้บริโภคทำใด้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม+  Digital 10 ล้านกล่อง
          5. ธุรกิจให้บริการด้าน Non Voice ของค่ายมือถือต่างๆ จากการที่สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่ คลั่ง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook ซึ่งคนไทยใช้ Facebook 18 ล้านคนมากเป็นอันดับ 4 ของ เอเชียรองจากอินเดีย อินโดนีเซีย Philippines ในขณะที่ญี่ปุ่นตามมาเป็นอันดับที่ 5 ทั้งๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นไฮเทคกว่าเรา จำนวนประชากรก็มากกว่าเราเสียอีก และเป็นอันดับ 2 ของชาติที่ใช้ Line Application 15 ล้านคน รองจากญี่ปุ่นที่มีผู้ใช้ Line ถึง 45 ล้านคน ในขณะที่รายได้ Non voice เพิ่มขึ้นส่วนรายได้จาก Voice จะคงที่หรือถดถอยเล็กน้อย แต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างโครงข่าย 3G ไว้รองรับภายใน 3 ปีแรก หลังจากได้สัมประทานจะต้องลงทุนมากหน่อย ยังดีที่ประหยัดเม็ดเงินที่จะต้องส่งให้รัฐเมื่อเทียบกับสมัยก่อน และช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ กสทช. ก็จะมีการประมูลระบบ 4.5G ซึ่งก็คงต้องติดตามดูว่าใครจะประมูลได้ และอย่างไร
          6. ธุรกิจส่งออก เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นปี 2556 ที่แข็งไปถึง 29 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 33 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเกือบ 14% เลยทีเดียว ทำให้สินค้าไทยโดยเฉพาะประเภทที่ใช้ Local Content สูงๆ จะได้ประโยชน์มาก ความสามารถในการแข่งขันก็จะสูงขึ้น แต่ก็ต้องลองดูค่าเงินของประเทศคู่แข่ง ที่ผลิตสินค้าคล้ายๆ กับเรา ว่าค่าเงินเขาอ่อนลงมามากน้อยกว่าเราแค่ไหน ซึ่งอันที่จริงผู้ส่งออกของเราควรจะหันมาปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต และพยายามเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า โดยพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้นและตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด หรือถ้าสามารถกระโดดข้ามไปอีกขั้น คือ คิดแบบ Steve Jobs ที่พัฒนาสินค้าโดยที่ลูกค้าไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนต้องการสินค้าประเภทนี้อย่างเช่น IPAD เป็นต้น สินค้าส่งออกที่ใช้ Local Content ต่ำอย่างอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ก็ได้อานิสงค์จากภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ อย่างสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลให้ จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการส่งออกสูง ได้อานิสงค์ไปด้วย ก็จะทำให้กลุ่มประเทศ ASEAN ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักกับประเทศหลักๆ รวมทั้งจีนก็จะได้ผลดีไปด้วย
          7. ธุรกิจเดินเรือ เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวด การค้าขายก็จะดีขึ้นนั่นหมายถึง ธุรกิจเดินเรือโดยเฉพาะเทกอง ซึ่งไว้ขนส่งสินค้าที่เป็นพืชผลหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต มีข้อสังเกตการณ์อยู่ 2-3 ข้อ คือ ตัวเลขดัชนี BDI สูงขึ้นเรื่อยๆ และราคาซื้อขายเรือเก่าสูงขึ้น รวมทั้งค่าต่อเรื่อใหม่ก็มีราคาสูงขึ้น และการที่บริษัทเดินเรือ เริ่มสั่งต่อเรือใหม่มากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นดัชนีชี้วัดว่าธุรกิจนี้น่าจะรุ่งเรืองในอีกไม่น่านเกินรอ นอกจากนั้นการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเดินเรือ ของนักธุรกิจรายใหญ่เมื่อปีก่อน ก็เป็นตัวชี้นำให้มองเห็นอนาคตของกลุ่มนี้ได้
           8. ปิโตรเคมี จากเศรษฐกิจที่ประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งจีนที่เริ่มฟื้นตัวทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมนี้น่าจะฟื้นตัวขึ้น และหุ้นในกลุ่มนี้หลายตัวที่ลงมาจากจุดสูงสุดค่อนข้างมาก ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกกลุ่มหนึ่ง
          9. ประกันและประกันชีวิต ซึ่งเติบโตประมาณ 3-5 เท่าของ GDP ไทยมาตลอด ผมยังคาดว่าปีนี้ก็ยังคงโต 3-5 เท่าของ GDP ปี 57 ซึ่งคาดว่าน่าจะโตประมาณ 3% เท่านั้น แต่บริษัทประกันภัยที่เน้นขายประกันภัยรถยนต์น่าจะโตต่ำกว่าบริษัทประกันที่ไม่เน้นประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศยังน่าจะไม่ดี เนื่องจากเป็นสินค้าคงทน ที่มีราคาสูง ในภาวะของประเทศที่เป็นแบบนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ต่ำลงเรื่อยๆ นอกจากนั้นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของพอร์ตของบริษัทประกันที่ลงทุนในตลาดหุ้นด้วยสัดส่วนที่สูงจะมีความผันผวนของผลตอบแทนจากการลงทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ คงต้องเลือกให้ถูกตัว โดยคำนึงถึงปัจจัยที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น
          10. รถไฟฟ้าทั้ง 2 ระบบ Ridership ที่เพิ่มขึ้นมาตลอดโดยเฉพาะช่วงที่มีการประท้วง และการขึ้นราคาค่าโดยสารเมื่อต้นปี
ธุรกิจจะดีถ้าการเมืองกลับมามีเสถียรภาพ
          1. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว จากอดีตหลังจากการเมืองมีเสถียรภาพยุติการประท้วงภายใน 2-3 เดือน ภาวการณ์ท่องเที่ยวก็จะกลับสู่ภาวะปกติ คราวนี้ก็น่าจะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน โรงแรม สปา ร้านค้าที่เน้นขายสินค้าและบริการแก่นักท่องเที่ยว เช่น ร้านดิวตี้ฟรี รวมทั้งร้านอาหารต่างๆ
          2. ธุรกิจโรงพยาบาล ช่วงนี้คนไข้ต่างชาติชะลอการเข้ามารักษาตัวที่เมืองไทย ซึ่งจะเห็นได้ชัดเมื่อผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลใหญ่ 2 กลุ่ม ทั้งไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และไตรมาส 1 ปีนี้ ที่จะประกาศภายในเดือนกุมภาพันธ์และภายใน 15 พฤษภาคมตามลำดับ
          3. ธุรกิจสายการบิน ผลกระทบจากการประท้วงเป็นเรื่องชั่วคราว หลังจากการประท้วงยุติ ธุรกิจก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม แต่การแข่งขันก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีผู้เล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไทยไลอ้อนแอร์ หรือบริษัทใหม่ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างนกแอร์กับ Scoot ของสิงคโปร์


ธุรกิจดับในปี 2557
          1.กลุ่มผู้ประมูล Digital TV กลุ่ม Free TV เดิม และกลุ่มสื่ออื่นๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รายที่ประมูล Digital TV ได้ ก็ต้องควักเงินก้อนโตจ่ายให้กับทาง กสทช. รวมแล้วเป็นเงินเกือบ 12,000 ล้านบาท บางบริษัทโดยเฉพาะบริษัทเล็กๆ ก็เหนื่อยหน่อย ในการหาเงินมาชำระ แล้วยังต้องเตรียมเงินไว้จ่ายสำหรับค่า Content ไม่ว่าจะผลิตเองหรือซื้อเข้ามา รวมทั้งค่าเช่าโครงข่าย โดยระบบ HD ก็ต้องจ่ายค่าเช่าในอัตราที่สูงกว่าระบบ SD ในปีแรกการเข้าถึง Eyeball ก็ทำได้ประมาณ 50% เท่านั้น กอรปกับผู้ชมเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับ TV ช่องใหม่ 24 ช่องธุรกิจ ดังนั้นอัตราค่าโฆษณา ก็ยังไม่สามารถเรียกเก็บได้ในอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับกลุ่ม Free TV เดิม ถึงแม้ทุกค่ายจะพยายามสร้างหรือซื้อ Content ดีๆ เพื่อดึงดูดผู้ชมให้หมุนช่อง TV มาที่ช่องของตน การแข่งขันคงจะรุนแรงน่าดู นอกจากนั้นกลุ่ม Free TV เดิมยังได้เปรียบ โดยอาจจะใช้วิธีขายพ่วง คือใครต้องการซื้อเวลาโฆษณาในช่วง Prime Time ของ Free TV จะต้องซื้อเวลาในช่อง Digital TV ด้วย ก็ยิ่งจะทำให้รายใหม่ๆ เกิดยาก หรือมิฉะนั้นก็ต้องกดราคาค่าโฆษณาลงเพื่อดึงดูดเจ้าของสินค้าและบริการให้มาลงโฆษณาในช่วงของงาน รวมทั้งกลุ่ม Content Provider ที่มีความสามารถในการผลิตรายการดีๆ ย่อมต้องถูกเกี้ยวจากหลายๆ ค่าย แต่เชื่อเถอะครับ ถ้าเงื่อนไขสูสีกัน เป็นผมก็คงเลือกที่จะไปร่วงงานกับกลุ่ม Free TV เดิมที่มีฐานผู้ชมที่สูง เผลอๆ อาจจะได้ทำรายการป้อนให้ในช่อง Free TV ด้วย ดังนั้นค่ายเล็กๆ ที่ประมูล Digital TV คงจะได้ ผู้ผลิต Content ที่มีความสามารถรองลงมา นอกจากนั้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน มีรายได้ติดลบกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาฟรีทีวีที่ลดลงเกือบ 6% แม้กระทั่งโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตเองยังร่วงลงถึงเกือบ 30% ผมมั่นใจว่าในส่วนของธุรกิจที่ประมูล Digital TV ได้ น่าจะมีผลลัพธ์เป็นขาดทุน จากรายได้ที่ยังเข้ามาน้อยแต่ค่าใช้จ่ายตั้งต้นที่สูง (ที่ผมบอกว่าขาดทุน ผมนับเฉพาะส่วนของรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ Digital TV นะครับ) และผมเชื่อว่าแม้กระทั่งปีหน้า ก็คงจะยังมีหลายธุรกิจที่ยังจะขาดทุนอยู่ ครับ ธุรกิจ Free TV เดิมคงไม่มีโอกาสที่จะขึ้นอัตราค่าโฆษณา เพราะว่าตั้งแต่เมษายนปีนี้ที่จะมีการออกอากาศ Digital TV อีก 24 ช่องธุรกิจ คงจะแย่งเม็ดเงินค่าโฆษณาไปได้บ้าง เจ้าของธุรกิจและบริการที่ต้องการโฆษณาสินค้าหรือบริการของตน จะมีตัวเลือกมากขึ้นพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค IT รุ่งเรือง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เรามี Smart Phone Tablet YouTube  และ Application ต่างๆ ที่ทำให้เราสามารถชมรายการต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา เราสามารถดูรายการ TV Series Variety ย้อนหลัง ผ่านช่องทางดังกล่าวโดยไม่ต้องทนดูโฆษณาด้วย ในอนาคตผมคาดว่าคนจะไม่ยืดติดกับสถานี TV ช่องใดช่องหนึ่ง แต่จะเลือกเป็นรายการๆ ไป และปริมาณผู้ชมที่ชมรายการย้อนหลังจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้ชมที่เฝ้ารอดูรายการ TV จาก TV จะลดลงไปเรื่อยๆ ที่สหรัฐอเมริกาในปัจจุบันจำนวนผู้ชมที่ดู TV มีปริมาณลดลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้ชมที่ชมผ่าน Smart Device กลับมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มนี้คงจะเกิดขึ้นกับเมืองไทยเช่นกันในอนาคต พวก Media Planner คงต้องทำการบ้านกันมากขึ้นในอนาคต เพื่อให้การใช้เม็ดเงินโฆษณา มีประสิทธิภาพสูงสุด
          2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากดัชนีความเชื่อมั่นไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจและภาคประชาชนแย่ลงเรื่อยๆ ยังไม่เห็นสัญญานฟื้นตัว สินค้าคงทนที่มีราคาสูงอย่างอสังหาต้องถูกชะลอในการซื้อแน่นอน เพราะว่าลูกค้าไม่มั่นใจในรายได้ของตนและความมั่นคงของหน้าที่การงาน ผู้บริหารบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะลดจำนวนโครงการที่จะออกขายในปีนี้ลงประมาณ 10-20% โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ แนวสูงอย่างเช่น คอนโดมีเนียม จำนวนผู้เยี่ยมชมโครงการลดลงอย่างน่าใจหาย พลอยทำให้ยอด Presale ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วยอดขายคอนโดที่ขายไม่หมดที่ยกมาจากปีที่แล้วอีก 42,000 ยูนิตบวกกับโครงการที่จะออกขายในปีนี้อีกประมาณ 40,000 ยูนิต (ซึ่งลดลงจากปีที่แล้วที่มีโครงการออกใหม่ขายในปีที่แล้วถึง 85,000 ยูนิต) โดยปีนี้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเน้นออกโครงการแนวราบเสียมากกว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าหลายๆ บริษัทจะมียอด Backlog ตุนไว้ค่อนข้างมากจากปี 2555-2556 แต่ที่ผมเป็นห่วง คือ เมื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทเหล่านี้สร้างเสร็จ แต่ลูกค้าไม่สามารถจะโอนได้ เพราะว่าถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยเห็นได้จากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ ถึงแม้ว่าราคาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีราคาสูงขึ้นกว่าช่วงสมัยที่เปิดโครงการแรกๆ เจ้าของโครงการคงจะนำยูนิตที่มีปัญหาเรื่องการโอนอันเนื่องมาจากการปฏิเสธสินเชื่อมาลดราคา เพียงแค่ขายในราคาเดียวกับระดับราคาตอนที่เริ่มขายโครงการใหม่ๆ หรือนำเงินดาวน์ที่ยึดจากลูกค้าที่ไม่สามารถจะโอนได้มาเป็นส่วนลดเพิ่มให้กับว่าที่ลูกค้ารายใหม่ ก็อาจจะทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร ยิ่งถ้ามีจำนวนยูนิตที่มีปัญหาเป็นจำนวนมาก ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้น ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง กลายเป็นตัวยับยั้งภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดไปในตัว ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ราคาคอนโดมิเนียมถ้าเราดูจากราคาต่อตารางเมตรจะเห็นได้ชัดว่า ขึ้นมาค่อนข้างมากจากเดิมราคาคอนโดย่านสุขุมวิทตอนต้นถึงทองหล่อราคาต่อตารางเมตรแค่ 70,000-100,000 ในขณะที่ปัจจุบันถูกสุดก็เริ่มต้นที่ 120,000 บาทต่อตารางเมตรแล้ว บางโครงการราคาต่อตารางเมตรปาเข้าไปถึง 200,000 บาท ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าต้นทุนไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่มีราคาแพงขึ้น ปัจจุบันที่ดินริมถนนสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 1 จนถึงทองหล่อราคาไม่ต่ำกว่า 1.20 ล้านบาท/ตารางวา บางทำเลเรียกราคาได้ถึง 1.50 ล้านบาทเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าที่ดินย่านนี้มีจำกัด และได้ถูกนำไปพัฒนาเป็นโรงแรม ห้างสรรพสินค้า Office Building และคอนโดมิเนียมเป็นจำนวนมาก จึงมีพื้นที่เหลือน้อย รวมทั้งต้นทุนในการก่อสร้างสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายค่าแรง 300 บาทและเงินเดือนคนจบปริญญาตรี 15,000 บาท พลอยทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นไปด้วย ทำให้คอนโดซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องใช้ปริมาณแรงงานและวัสดุก่อสร้างต่อยูนิตมากกว่าอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ก็มาเล่นโดยใช้ Sizing ทำห้องให้เล็กลง จากเดิม 1 ห้องนอนสมัยก่อนห้องขนาดประมาณ 40 ตารางเมตร ปัจจุบัน 1 ห้องนอนมีขนาดเหลือประมาณ 30 ตารางเมตร ส่วนห้องสตูดิโอ ปัจจุบันหดเหลือขนาดประมาณ 20 ตารางเมตรเท่านั้น ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตจะพบข่าวที่ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายรายที่ให้สัมภาษณ์ถึงยอดขาย 2 เดือนแรกของปีนี้ ต่างพูดกันเป๊นเสียงเดียวกันว่ายอดขายตกต่ำลงประมาณ 10% ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รายกลาง โดนกระทบหมด โดยเฉพาะรายเล็กนี่ยิ่งแย่ใหญ่ มีหลายโครงการที่เพิ่งเริ่มเปิดขายไม่นาน หรือสร้างไปกลางครัน เริ่มมีปัญหาสภาพคล่องต้องนำโครงการดังกล่าวไปเสนอขายให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน ปัจจุบันบริษัทอสังหาทั้งหลาย ก็ได้แต่ภาวนาให้ความวุ่นวายทางการเมืองได้จบสิ้นลงโดยเร็ว จะได้รีบออกโครงการใหม่ๆ มาเรียกผู้ซื้อให้เข้าไปเยี่ยมชมและตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ยอดขายโดยรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว เมื่อสินค้าปลายน้ำอย่างอสังหาซบเซา สินค้าต้นน้ำอย่างเช่น วัสดุก่อสร้าง ก็ย่อมต้องได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน
          3. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์เหล็ก กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องปูพื้น-ผนัง สีทาบ้าน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากความซบเซาของธุรกิจอสังหา ยังดีที่มีโครงการสร้างสาธารณูปโภคที่ยังสร้างไม่เสร็จ และกำลังสร้างกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนขยายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่ยังช่วยให้ยอดขายของปูนซีเมนต์พอไปได้ แต่บทสัมภาษณ์ที่ผู้บริหารของ SCC ได้สะท้อนถึงภาพรวมของกลุ่มนี้ได้ค่อนข้างดี ว่ายังทำได้ต่ำกว่าประมาณการณ์ ยิ่งพรบ.2 ล้านล้านบาทถูกตีตกไปแล้วยิ่งทำให้ อนาคตของกลุ่มนี้ดูไม่สดใส ถึงแม้พรบ. 2 ล้านล้านบาทถ้าไม่ถูตีตกไป รายได้จากกลุ่มนี้ที่จะเกิดจากพรบ.นี้ก็คงมีไม่มากในปีนี้อยู่ดี เราเริ่มเห็นการปรับราคาลงในวัสดุก่อสร้างบางประเภทลงแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อยอดขายและกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้อย่างแน่นอน
          4. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากพรบ. 2 ล้านล้านบาทที่ตกไป รายได้ที่นักวิเคราะห์บางค่ายได้นำไปคำนวณรวมเป็นรายได้ของผู้รับเหมาไว้ ก็จะต้องถูกตัดออกไป ยิ่งภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำ ผู้รับเหมาที่สูญเสียงานที่จะได้จากภาครัฐในพรบ. 2 ล้านล้านบาท คงหันมาแข่งกันรับงานเอกชน ซึ่งโชคไม่ดีที่กำลังประสบปัญหาในด้านยอดขายเช่นกัน เหมือนผีซ้ำด้ามพลอยจริงๆ แต่ราคาหุ้นของบริษัทในกลุ่มรับเหมาก็ได้ตกลงมาค่อนข้างมากแล้ว ถ้าราคายังตกลงไปกว่านี้อีกสัก 5-10% ก็น่าจะเลือกบริษัทที่มีงบการเงินดี และผลประกอบการใช้ได้ เก็บไว้ลงทุนก็ไม่เลวครับ
          5. กลุ่มรถยนต์ ถึงแม้โครงการรถคันแรกจะจบลงไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน แต่พิษร้ายของโครงการนี้ยังมีผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้อยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่เท่ากับปีที่แล้ว แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยดีทำให้ผู้คนที่คิดจะเปลี่ยนรถคันใหม่หรือผู้ที่จะซื้อรถคันใหม่ชะลอการตัดสินใจไปก่อน เพราะรถยนต์เป็นสินค้าคงทนที่มีราคาสูง และเป็นภาระโดยเฉพาะผู้ซื้อที่ใช้สินเชื่อ Finance นอกจากภาระค่าดูแลรักษา ค่าประกันภัย ค่าน้ำมันรถ ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถ ฯลฯ แล้วยังมีดอกเบี้ยจ่ายอีก เรายังเห็นผู้บริหารในอุตสาหกรรมนี้ ให้สัมภาษณ์ว่ามีการปรับเป้าหมายยอดขายลง หลังจากที่ยอดขายช่วงที่ผ่านมาไม่ดี กลุ่ม TOYOTA จะมีการทบทวนแผนลงทุนในไทย สถาบัน IHS ได้ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ในไทยน่าจะร่วงลงประมาณ 19% มาอยู่ที่ 1.08 ล้านคันขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์น่าจะลดลง ประมาณ 8% มาอยู่ที่ 2.20 ล้านคัน โดยยอดขายในประเทศกับการส่งออกสูสีกัน ยังดีที่ท่างค่าย HONDA และ MAZDA ยังยืนยันที่จะขยายกำลังการผลิตตามเดิม ช่วยให้ไทยยังเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดใน ASEAN และเป็นอันดับที่ 9 ของโลกเหมือนเดิม แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราคงจะถูกอินโดนีเซียแซงหน้าไป จากฐานประชากรที่มากกว่าเรากว่า 3 เท่า และเศรษฐกิจที่กำลังโตวันโตคืน แต่โชคดีที่ยอดส่งออกของกลุ่มนี้ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ มียอดการเติบโตขึ้นพอสมควร คงช่วยชดเชยยอดขายในประเทศที่ไม่ดีได้บ้าง ผมคาดว่าไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นต้นไป เราคงจะได้เห็นการกลับมาของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ โดยปีหน้า กลุ่มนี้น่าจะกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นถ้าช่วงครึ่งปีหลัง ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ลงมา ก็น่าจะทยอยซื้อสะสมไว้ครับ
6. เฟอร์นิเจอร์ จากการที่ปีนี้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์แย่ลง จากภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการแนวสูงหรือคอนโดนั่นเอง นอกจากยอดขายPresaleจะลดลงแล้ว ผู้บริโภคบางส่วนเลื่อนการ Renovate ออกไป ทางด้านส่งออกจากค่าแรงที่สูงขึ้นทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ไทยลดลง
          7. เครื่องหนัง นอกจากจะทำเป็นเครื่องนุ่งห่มแล้ว ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง เนื่องจากผลกระทบของโครงการรถคันแรกของรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่หมดลง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอยลงมาตลอด ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องหนังไทยได้รับผลกระทบ ถึงแม้ยอดส่งออกรถยนต์ยังพอไปได้อยู่ก็ตาม โดยสัดส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศและส่งออกมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
          8. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมนี้จัดเป็นอุตสาหกรรมตะวันตกดินมานานแล้วจากการที่เพื่อนบ้านไม่ว่ากัมพูชา เวียดนาม ฯลฯ ซึ่งมีค่าแรงถูกกว่าเรามาก ทำให้การส่งออกของกลุ่มนี้ต้องเจาะไปใน Segment ที่มีมูลค่าสูงหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับผู้ส่งออกของประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น ส่วนความต้องการภายในประเทศเองก็กระทบจากผู้บริโภคยังไม่มีMoodที่จะช็อปปิ้ง รวมทั้งหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยเราค่อนข้างสูง และการเข้ามาของแบรนด์นอกทั้งของยุโรปอเมริกาและเอเชียต่างๆ อย่างเช่น H&M ZARA GAP UNIQLO ฯลฯ ซึ่งผมเองก็เป็นลูกค้าของแบรนด์เหล่านี้เช่นกัน เนื่องจากเสื้อผ้าแบรนด์เหล่านี้ มีดีไซน์ที่ทันสมัย และมีสีสันให้เลือกหลากหลายกว่าแบรนด์ในประเทศ แล้วราคายังถูกกว่า Local designer brand เสียอีก อย่างเช่น กางเกงยีนส์ของ H&M ตัวละประมาณ 1,000 บาทเท่านั้นในขณะที่แบรนด์ในประเทศบางแบรนด์ตั้งราคา กว่า2,000 บาท โดยที่คุณภาพและดีไซน์ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ถ้าอุตสาหกรรมผลิตเครื่องนุ่งห่มในไทยไม่ปรับตัวหา Segment ที่เป็น Niche ที่พอจะแข่งขันได้ อนาคตของอุตสาหกรรมนี้ก็ดูจะมืดมนเลยทีเดียว นอกจากนั้นแบรนด์นอกเหล่านี้ วางตัวเองอยู่ในระดับ MASSTIGE (Massive + Prestige)  คือเป็นสินค้าที่มีรูปลักษณ์แบรนด์ที่ดี แต่ราคาสามารถจับต้องได้ อย่างเช่น Zara ซึ่งเป็นสินค้าแฟชั่นจากสเปนที่สามารถครองใจนักซ็อปหนุ่มสาวทั่วโลกได้ จนทำให้เจ้าของ Zara ติดอันดับมหาเศรษฐีโลก จากการที่ผลิตครั้งละจำนวนมากๆ ต่อดีไซน์หนึ่งๆ ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อชิ้นต่ำลง ทำให้แบรนด์เหล่านี้เมื่อเจาะเข้าไปในประเทศใดๆ  ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ แล้วแบรนด์เหล่านี้ก็พยายามจับเอา Designer  ชื่อดังมาช่วยออกแบบในบาง Collection เช่น ล่าสุด H&M ได้เชิญ Alexander Wang มาช่วยออกแบบให้ 1 Collection ซึ่งอดีต H&M ก็เคยเชิญให้ Karl Lagerfeld,  มาช่วยออกแบบให้บาง  Collection ในอดีต    ซึ่งวิธีนี้ทำให้ภาพพจน์ของแบรนด์ดูดี สามารถที่จะ Upscale H&M ได้เป็นอย่างดี นอกจากเสื้อผ้าแล้ว แบรนด์เหล่านี้ก็เริ่มแตกไลน์ไปยัง Home Accessories ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูโต๊ะ ชุดจานชามช้อนซ้อม ฯลฯ ซึ่ง Zara เองก็ทำได้ดีจนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ยังดีที่บางแบรนด์ยังมีสาขาอยู่ในกรุงเทพเท่านั้น ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน กลุ่มแบรนด์นอกเหล่านี้ คงจะขยายสาขาไปยังจังหวัดใหญ่ๆ อย่างเช่น เชียงใหม่ โคราช อุดรธานี ขอนแก่น ซึ่งบางจังหวัดไว้รองรับ AEC ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ปลายปีหน้า
          9. เครื่องใช้ไฟฟ้า (ยกเว้น TV) ก็จะเป็นสินค้ากึ่งคงทนอีกประเภทหนึ่งที่ผู้บริโภคจะเลื่อนการซื้อเครื่องใหม่เพื่อทดแทนเครื่องเก่า เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ราคาพืชผลทางเกษตรที่ตกต่ำโดยเฉพาะข้าว จากนโยบายจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากเกินไป เพื่อหวังจะได้คะแนนเสียงจากฐานเสียงเหล่านี้ มีข้าวอยู่ในโกดัง ซึ่งปัจจุบันเน่าเสียไปเท่าไรแล้ว ไม่มีใครรู้ ข้าวเก่ายังไม่ได้ขาย ข้าวใหม่ก็เตรียมจะเข้ามาในตลาดอีก แล้วราคาข้าวจะร่วงลงไปอีกเท่าไหร่ ไม่มีใครคาดได้ หนี้สินชาวนาและรากหญ้ายังรกรุงรังแบบนี้ พวกขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน นอกจากยอดขายจะตก หนี้เสียหนี้สูญคงจะต้องมากขึ้นไปอีก ยกเว้น TV ที่ปีนี้มี 2 เหตุผลใหญ่ที่จะทำให้คนเปลี่ยนหรือซื้อ TV มากขึ้น จากปีนี้ที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งคนไทยถือว่าเป็นชาติที่มีคอบอลหนาแน่นมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเดือนเมษายนนี้เป็นเดือนที่เริ่มมีการออกอากาศสัญญาณ Digital TV ซึ่งจนถึงวันนี้ทาง กสทช. ยังตกลงเงื่อนไขของคูปองลดราคาว่าจะมีค่ากี่บาทและมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง จริงๆ แล้วมีเวลาตั้งนานในช่วงที่ผ่านมา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่คุยกันถึงเรื่องนี้ ถ้านับจากวันประมูล Digital TV มาถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 4 เดือนเข้าไปแล้ว และเรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรมาก เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ราคาและเงื่อนไขของคูปองควรจะสรุปได้ภายในกลางเดือนมีนาคมและเริ่มแจกคูปองให้ประชาชนได้ตั้งแต่ต้นเมษายนที่ผ่านมา ให้ทันกับการออกอากาศ
          10. เครื่องประดับ โดยเฉพาะธุรกิจรายที่ขายภายในประเทศเป็นหลักน่าจะได้รับผลกระทบกระเทือนจากภาวะที่ผู้บริโภคไม่มีMoodในการซ็อปปิ้งกอรปกับภาวะเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ที่สะดุดลงตามเหตุผลในบทความฉบับก่อน ยังโขคดีที่ตลาดหุ้นไทยมีการฟื้นตัวค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่ทรุดต่ำลง อย่างไรก็ตามถ้าเรายังไม่สามารถมีรัฐบาลที่แท้จริงภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ธุรกิจเครื่องประดับต้องโดนผลกระทบตามไปด้วยอย่างแน่นอน

กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          27/05/57


ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide,  Me(Market Evolution), และ Glow ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น