จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปัญหา “ข้าว” แก้ไม่ยาก”

ปัญหา ข้าว แก้ไม่ยาก”
          ผมดูนโยบายข้าว ไม่ว่ารัฐบาลมาจากพรรคไหนก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายฉาบฉวย แก้ปัญหาระยะสั้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประกันราคาข้าว หรือจำนำข้าว ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพื่อพยุงราคาข้าวให้มีราคาสูง โดยเอาเงินภาษีที่เก็บจากผู้เสียภาษีทั้งประเทศมาขุดหนูชาวนา ซ้ำร้ายราคาข้าวถุงที่ขายในประเทศยังมีราคาแพงกว่าบางประเทศเสียอีก ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของโลก ในปีหนึ่งๆ เราใช้เงินหลายแสนล้านเพื่อพยุงราคาข้าว ซึ่งคงจะต้องทำไปชั่วกัลปาวสาน ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ ผมว่าเม็ดเงินมหาศาลที่ทุ่มเทไปถ้ารู้จักใช้หัวคิดสักหน่อย น่าจะใช้ประโยชน์ได้เต็มที่มากกว่าปัจจุบันและคิดว่าไม่กี่ปี เม็ดเงินที่จำเป็นต้องใช้ไปกับข้าวน่าจะน้อยลงไปเรื่อยๆ ถ้าเราเริ่มต้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เรามาดูปัญหาเกี่ยวกับข้าวมีอะไรบ้าง
1)    ระบบขลประทาน ที่ยังไม่ทั่วถึงและไม่ดีพอ
2)    ราคาปุ๋ย และย่าฆ่าศัตรูพืชที่มีราคาสูง
3)    ผลิตผลต่อไร่ค่อนข้างต่ำ
4)    ชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำ เพราะว่าถูกกดราคารับซื้อจากพ่อค้าคนกลาง
5)    ข่าวสาร การประเมินราคาข้าวในอนาคต และจำนวนผลผลิตข้าวของโลก ไม่เคยไปถึงชาวนา
6)    ความขยันหมั่นเพียรของชาวนาไทย
7)    ชาวนาขาดเมล็ดพันธุ์ข้าวดีๆ
8)    ทำอย่างไรให้ประชากรโลก รู้จักและทานข้าวไทยมากขึ้น
เมื่อเรารวบรวมปัญหาเกี่ยวกับข้าวทั้งหมดแล้ว เราก็มาลองวิเคราะห์แต่ละปัญหาว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วหาทางแก้กันดู ผมมีความคิดว่ารัฐบาลควรจะดำเนินการในเรื่องต่อไปนื้คือ
1)    สร้างระบบชลประทานให้ทั่วถึงและมากพอ ในแต่ละปีรัฐบาลได้ จัดสรรงบเพื่อระบบชลประทานเป็นเม็ดเงินที่มหาศาล ถ้าแบ่งงบที่จะใช้ในการพยุงราคาข้าวมารวมด้วย น่าจะทำให้ภายใน 5-10 ปี ชาวนาไทยควรจะเข้าถึงระบบชลประทานได้ทั่วถึง ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีกินนอกกินใน
2)    ให้ความรู้แก่ชาวนาในการทำนาแบบ Organic ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีและยาฆ่าศัตรูพืช ทำให้ต้นทุนการทำนาต่อไร่ของชาวนาลดลง ตอนเริ่มต้นอาจจะทำให้ผลผลิตข้าวต่อไร่ต่ำลง แต่เมื่อดินคุ้นเคยกับวิถีการเกษตรแบบนี้ ก็จะกลับมาให้ผลผลิตข้าวต่อไร่มากขึ้นเสียด้วยซ้ำ และข้าว Organic จะขายได้ราคาดีกว่าข้าวที่ปลูกแบบใช้สารเคมีถึงมากกว่า 20% ทำให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น รัฐควรจะส่งเสริมการตั้งสหกรณ์ชาวนาโดยผ่านทาง อบจ. และอบต. แล้วให้ความรู้ และทำให้ชาวนามีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง โดยผ่านสหกรณ์ได้มากขึ้น รวมทั้งรัฐเองควรเพิ่มงบวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยให้มีความแข็งแรงสามารถต้านทานศัตรูพืชและมีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นรวมทั้งพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลายมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คนยุคนี้ได้มีข้าวหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นข้าวลืมผัว ข้าวสังข์หยด ข้าวกล้องหอมนิล ข้าวมันปู Rice burry ฯลฯ ในขณะที่ตอนที่ผมเป็นเด็กมีเพียงข้าวสารธรรมดากับข้าวหอมมะลิเท่านั้น เมื่อระบบขลประทานดี ชาวนาไทยก็จะสามารถทำนาได้ปีละ 2-3 ครั้ง ทำให้ผลผลิตข้าวต่อไร่ต่อปีสูงขึ้น (ชาวนาเวียดนามทำนาปีละ 3 ครั้ง) ผมอยากให้รัฐส่งเสิรมให้ชาวนาปลูกพืชชนิดอื่นหรือผักสดระหว่างที่รอทำนาครั้งต่อไป นอกจากจะทำให้ดินมีคุณภาพมากขึ้นแล้ว ยังเป็นรายได้เสริมให้ชาวนาอีกทางแทนที่จะทำนาครั้งเดียวแล้วแทบจะไม่ทำอย่างอื่นเลยในระหว่างปี และถ้าท้องถิ่นไหน สามารถผลิตข้าวที่มีรสชาติและกลิ่นพิเศษกว่าท้องถิ่นอื่น รัฐ อบจ.และอบต.ควรจะส่งเสริมสร้างแบรนด์ทำให้ชาวนาในสหกรณ์นั้นๆ มีรายได้ต่อไร่สูงขึ้น อย่างเช่น ข้าวสังข์หยดที่มีซื่อต้องมาจากพัทลุง เป็นต้น
3)    เรามีตลาดเกษตรล่วงหน้าซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่อยู่ในตลาดนี้ ซึ่งทำให้ทราบราคาข้าวในอนาคตได้ และจากข้อมูลผลผลิตข้าวทั่วโลก ซึ่งรัฐมีอยู่แล้วในมือ ควรจะกระจายข่าวสารข้อมูงเหล่านี้ ผ่านทาง อบต.และสหกรณ์ เพื่อที่จะเข้าถึงชาวนาที่จะได้ทราบราคาข้าวในอนาคตได้พอเลาๆ
4)    รัฐควรคัดข้าวไทยที่มีคุณสมบัติพิเศษ ทางรสชาติและกลิ่นที่ดีกว่าข้าวของชาติอื่นๆ นำไปออกงานใหญ่เกี่ยวกับอาหารของโลกทุกงาน รวมทั้งพ่วงไปกับงานของ ททท. เวลาจัดส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้ชาวโลกรู้จักข้าวไทยมากขึ้น รวมทั้งให้ทุนวิจัยกับสถาบันชื่อดังของโลก มาทำการวิจัยผลดีของข้าวไทย ในด้านสารอาหารต่างๆ ที่มีเฉพาะในข้าวไทย ในยุคนี้คนส่วนใหญ่ห่วงใยสุขภาพ ล้วนแล้วแต่หาซื้ออาหารหรืออาหารเสริมที่มีคุณภาพกันอยู่แล้ว
5)    เนื่องจากชาวนาแต่ละคนมีที่คนละไม่กี่ไร่ ดังนั้น ถ้ารวมเป็นสหกรณ์แล้วเอาที่ดินทำนามารวมกัน แล้วช่วยกันทำนา  โดยแบ่งหน้าที่กันจะทำให้ต้นทุนในการทำนาลดลง เนื่องจากมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วนำรายได้มาแบ่งกันตามสัดส่วนที่ดินของชาวนาแต่ละคน
6)    ควรจะมีการสั่ง MR.RICE ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่องข้าวทั้งระบบ สามารถสั่งการทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้
ผมมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลไทย สามารถทำได้ตามนี้ ก็จะสามารถตัดปัญหาการประท้วง เรื่อง ราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งตามมาด้วยปัญหาสังคมต่างๆ อย่างเช่น คำพูดที่ว่า “สอนวิธีตกปลา ยั่งยืนกว่าการให้ปลา”
กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          14/05/57


ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide,  Me(Market Evolution), และ Glow ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น