ปัญหา
“ข้าว”
แก้ไม่ยาก”
ผมดูนโยบายข้าว
ไม่ว่ารัฐบาลมาจากพรรคไหนก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายฉาบฉวย
แก้ปัญหาระยะสั้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประกันราคาข้าว หรือจำนำข้าว
ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพื่อพยุงราคาข้าวให้มีราคาสูง
โดยเอาเงินภาษีที่เก็บจากผู้เสียภาษีทั้งประเทศมาขุดหนูชาวนา
ซ้ำร้ายราคาข้าวถุงที่ขายในประเทศยังมีราคาแพงกว่าบางประเทศเสียอีก ทั้งๆ
ที่ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก
เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของโลก ในปีหนึ่งๆ เราใช้เงินหลายแสนล้านเพื่อพยุงราคาข้าว
ซึ่งคงจะต้องทำไปชั่วกัลปาวสาน ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ
ผมว่าเม็ดเงินมหาศาลที่ทุ่มเทไปถ้ารู้จักใช้หัวคิดสักหน่อย
น่าจะใช้ประโยชน์ได้เต็มที่มากกว่าปัจจุบันและคิดว่าไม่กี่ปี
เม็ดเงินที่จำเป็นต้องใช้ไปกับข้าวน่าจะน้อยลงไปเรื่อยๆ
ถ้าเราเริ่มต้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เรามาดูปัญหาเกี่ยวกับข้าวมีอะไรบ้าง
1)
ระบบขลประทาน
ที่ยังไม่ทั่วถึงและไม่ดีพอ
2)
ราคาปุ๋ย และย่าฆ่าศัตรูพืชที่มีราคาสูง
3)
ผลิตผลต่อไร่ค่อนข้างต่ำ
4)
ชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำ
เพราะว่าถูกกดราคารับซื้อจากพ่อค้าคนกลาง
5)
ข่าวสาร
การประเมินราคาข้าวในอนาคต และจำนวนผลผลิตข้าวของโลก ไม่เคยไปถึงชาวนา
6)
ความขยันหมั่นเพียรของชาวนาไทย
7)
ชาวนาขาดเมล็ดพันธุ์ข้าวดีๆ
8)
ทำอย่างไรให้ประชากรโลก
รู้จักและทานข้าวไทยมากขึ้น
เมื่อเรารวบรวมปัญหาเกี่ยวกับข้าวทั้งหมดแล้ว
เราก็มาลองวิเคราะห์แต่ละปัญหาว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วหาทางแก้กันดู ผมมีความคิดว่ารัฐบาลควรจะดำเนินการในเรื่องต่อไปนื้คือ
1)
สร้างระบบชลประทานให้ทั่วถึงและมากพอ
ในแต่ละปีรัฐบาลได้ จัดสรรงบเพื่อระบบชลประทานเป็นเม็ดเงินที่มหาศาล
ถ้าแบ่งงบที่จะใช้ในการพยุงราคาข้าวมารวมด้วย น่าจะทำให้ภายใน 5-10
ปี ชาวนาไทยควรจะเข้าถึงระบบชลประทานได้ทั่วถึง
ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีกินนอกกินใน
2)
ให้ความรู้แก่ชาวนาในการทำนาแบบ
Organic
ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีและยาฆ่าศัตรูพืช
ทำให้ต้นทุนการทำนาต่อไร่ของชาวนาลดลง ตอนเริ่มต้นอาจจะทำให้ผลผลิตข้าวต่อไร่ต่ำลง
แต่เมื่อดินคุ้นเคยกับวิถีการเกษตรแบบนี้ ก็จะกลับมาให้ผลผลิตข้าวต่อไร่มากขึ้นเสียด้วยซ้ำ
และข้าว Organic จะขายได้ราคาดีกว่าข้าวที่ปลูกแบบใช้สารเคมีถึงมากกว่า
20% ทำให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น
รัฐควรจะส่งเสริมการตั้งสหกรณ์ชาวนาโดยผ่านทาง อบจ. และอบต. แล้วให้ความรู้
และทำให้ชาวนามีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง โดยผ่านสหกรณ์ได้มากขึ้น
รวมทั้งรัฐเองควรเพิ่มงบวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยให้มีความแข็งแรงสามารถต้านทานศัตรูพืชและมีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นรวมทั้งพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลายมากขึ้น
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คนยุคนี้ได้มีข้าวหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นข้าวลืมผัว
ข้าวสังข์หยด ข้าวกล้องหอมนิล ข้าวมันปู Rice burry ฯลฯ ในขณะที่ตอนที่ผมเป็นเด็กมีเพียงข้าวสารธรรมดากับข้าวหอมมะลิเท่านั้น
เมื่อระบบขลประทานดี ชาวนาไทยก็จะสามารถทำนาได้ปีละ 2-3 ครั้ง
ทำให้ผลผลิตข้าวต่อไร่ต่อปีสูงขึ้น (ชาวนาเวียดนามทำนาปีละ 3 ครั้ง) ผมอยากให้รัฐส่งเสิรมให้ชาวนาปลูกพืชชนิดอื่นหรือผักสดระหว่างที่รอทำนาครั้งต่อไป
นอกจากจะทำให้ดินมีคุณภาพมากขึ้นแล้ว
ยังเป็นรายได้เสริมให้ชาวนาอีกทางแทนที่จะทำนาครั้งเดียวแล้วแทบจะไม่ทำอย่างอื่นเลยในระหว่างปี
และถ้าท้องถิ่นไหน สามารถผลิตข้าวที่มีรสชาติและกลิ่นพิเศษกว่าท้องถิ่นอื่น รัฐ อบจ.และอบต.ควรจะส่งเสริมสร้างแบรนด์ทำให้ชาวนาในสหกรณ์นั้นๆ
มีรายได้ต่อไร่สูงขึ้น อย่างเช่น ข้าวสังข์หยดที่มีซื่อต้องมาจากพัทลุง เป็นต้น
3)
เรามีตลาดเกษตรล่วงหน้าซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่อยู่ในตลาดนี้
ซึ่งทำให้ทราบราคาข้าวในอนาคตได้ และจากข้อมูลผลผลิตข้าวทั่วโลก
ซึ่งรัฐมีอยู่แล้วในมือ ควรจะกระจายข่าวสารข้อมูงเหล่านี้ ผ่านทาง อบต.และสหกรณ์
เพื่อที่จะเข้าถึงชาวนาที่จะได้ทราบราคาข้าวในอนาคตได้พอเลาๆ
4)
รัฐควรคัดข้าวไทยที่มีคุณสมบัติพิเศษ
ทางรสชาติและกลิ่นที่ดีกว่าข้าวของชาติอื่นๆ นำไปออกงานใหญ่เกี่ยวกับอาหารของโลกทุกงาน
รวมทั้งพ่วงไปกับงานของ ททท.
เวลาจัดส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้ชาวโลกรู้จักข้าวไทยมากขึ้น
รวมทั้งให้ทุนวิจัยกับสถาบันชื่อดังของโลก มาทำการวิจัยผลดีของข้าวไทย
ในด้านสารอาหารต่างๆ ที่มีเฉพาะในข้าวไทย ในยุคนี้คนส่วนใหญ่ห่วงใยสุขภาพ
ล้วนแล้วแต่หาซื้ออาหารหรืออาหารเสริมที่มีคุณภาพกันอยู่แล้ว
5)
เนื่องจากชาวนาแต่ละคนมีที่คนละไม่กี่ไร่
ดังนั้น ถ้ารวมเป็นสหกรณ์แล้วเอาที่ดินทำนามารวมกัน แล้วช่วยกันทำนา โดยแบ่งหน้าที่กันจะทำให้ต้นทุนในการทำนาลดลง
เนื่องจากมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วนำรายได้มาแบ่งกันตามสัดส่วนที่ดินของชาวนาแต่ละคน
6)
ควรจะมีการสั่ง MR.RICE
ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่องข้าวทั้งระบบ
สามารถสั่งการทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้
ผมมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลไทย
สามารถทำได้ตามนี้ ก็จะสามารถตัดปัญหาการประท้วง เรื่อง ราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งตามมาด้วยปัญหาสังคมต่างๆ
อย่างเช่น คำพูดที่ว่า “สอนวิธีตกปลา ยั่งยืนกว่าการให้ปลา”
กิติชัย เตชะงามเลิศ
14/05/57
ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
Instagram : Gid_Kitichai
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Me(Market Evolution), และ Glow ทุกเดือน
สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น