อำลาอาลัย SCBLIF หุ้น18เด้ง
SCBLIF หรือ
บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตเป็นหนึ่งใน Top 5 ของบริษัทประกันชีวิตในประเทศที่ใหญ่ที่สุด
และเป็นบริษัทประกันชีวิตบริษัทแรกที่ทำ Banc assurance โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่
24 มิถุนายน พ.ศ.2519 มีทุนจดทะเบียน 800
ล้านบาทต่อมาเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว
ทางนิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิตซี่งเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ติดอันดับ Top 5
ของสหรัฐ
มาเข้าร่วมทุนโดยธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทนิวยอร์คไลฟ์ถือหุ้นเท่ากันคือฝ่ายละ 47.33%
ส่วนที่เหลือ 5.34% ถือโดยนักลงทุนรายย่อย
ทางนิวยอร์คไลฟ์ได้นำ Knowhow ของธุรกิจประกันชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ
เข้ามา โดยเฉพาะเรื่อง Banc assurance ทำให้บริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต
(ชื่อในสมัยนั้น) มียอดเบี้ยประกันรับโตขึ้นมาก
จนกลายเป็นผู้นำในด้านยอดขายเบี้ยรับปีแรกในสมัยนั้นรองจาก AIA และไทยประกันชีวิต
ทำให้บริษัทประกันชีวิตของไทยที่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หันมาให้ความสนใจในการทำ Banc assurance กันยกใหญ่
โดยเฉพาะบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตที่ 2-3 ปีนี้มาแรงมาก
และไตรมาส1 ปีนี้บริษัทกรุงเทพประกันชีวิตสามารถทำเบี้ยประกันภัยทั้งเบี้ยรับปีแรกและเบี้ยรับรวมขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแซงหน้า
AIA ไทยประกันชีวิต และเมืองไทยประกันชีวิตอย่างเหลือเชื่อ
แต่พอไปดูรายละเอียดพบว่า เป็นเบี้ยรับของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบจ่ายครั้งเดียว (Single
premium) โดยขายผ่านธนาคารกรุงเทพเสียเป็นส่วนใหญ่
ผมจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เพราะว่าเบี้ยรับประเภทนี้ไม่ได้เน้นคุ้มครองแต่เป็นกรมธรรม์ที่บริษัทประกันชีวิตออกมาเพื่อหวังดึงกลุ่มกลูกค้าที่มีเงินออมเสียมากกว่า
และกรมธรรม์ประเภทนี้ บริษัทประกันชีวิตต้องตั้งสำรองค่อนข้างสูง และ Margin
ต่ำมาก
กลับมาที่ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต
หลังจากที่นิวยอร์คไลฟ์จากอเมริกาเข้ามาถือหุ้นใหญ่ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ก็เปรียบเสมือนเสือ(ธนาคารไทยพาณิชย์)ติดปีก(นิวยอร์คไลฟ์)
เนื่องจากธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารที่มีสาขามากติดอันดับ Top
3 ในสมัยนั้น ถ้าท่านสังเกตดูว่าเวลาท่านไปธนาคารท่านจะถูกชี้ชวนและแนะนำจากพนักงานธนาคารให้ทำประกันภัยประกันชีวิต
หรือซื้อกองทุนรวมเหมือนเวลาที่ท่านเข้าร้านสะดวกซื้อเวลารับเงินทอน
ท่านจะได้ยินเด็กในร้านถามว่าจะรับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มหรือไม่ ทำนองนั้น
พนักงานธนาคารจะมีเป้าที่ต้องพิชิตให้ได้ในแต่ละเดือน ไตรมาส และปีในด้านขายธุรกรรมทางการเงินเหล่านี้
เพราะว่าเป็นหนึ่งใน KPI ของพนักงานทุกคนทุกระดับ
ทำเอาพนักงานธนาคารเครียดไปตามๆ กัน แต่ส่งผลดีต่อผลประกอบการทั้งบริษัทแม่คือธนาคารไทยพาณิชย์
และบริษัทลูกคือไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ (SCNYL) โดยเฉพาะ SCNYL
มีเบี้ยรับและผลกำไรดีขึ้นทุกๆ ปี
เท่าที่ผมได้รวบรวมผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548 ที่
SCNYL ทำกำไรได้ 289.65 ล้านบาท จนมาถึงปี 2556
SCBLIF (ชื่อปัจจุบันของ SCNYL) ทำกำไรได้ถึง 4,734.17
ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรเติบโตแบบ CAGR (8
ปี) = 41.80% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบทบต้นที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และ
MAI จนผมสามารถกล่าวได้เต็มคำว่าเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดีและโดดเด่นที่สุดในตลาด
ตัวผมเองก็ซื้อหุ้นบริษัทนี้ไว้เมื่อ 7-8 ปีที่แล้วในราคาหุ้นละ
70 บาท เป็นหุ้นตัวเดียวที่ผมถือลงทุนยาวนานขนาดนี้
และเป็นหุ้นที่สร้างผลกำไรให้ผมอย่างมหาศาล ช่วง 7 ปีกว่าๆ ผมได้รับเงินปันผลไป
123.90 บาท แค่เงินปันผลก็เกินเลยจำนวนเงินที่ผมซื้อหุ้นตัวนี้ไปแล้ว
มิหนำซ้ำราคาหุ้นปัจจุบันก็อยู่ที่ราคาประมาณ 1,100 บาท
โดยเคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 1,210 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน
1,805.57% นี่คือมหัศจรรย์ของผลตอบแทนจากการลงทุนถ้าท่านเลือกหุ้นที่จะลงทุนให้ถูกต้อง
เมื่อปี 2551 นิวยอร์คไลฟ์ได้มีนโยบายจะถอนการลงทุนในบางประเทศ
โดยไทยเป็นประเทศหนึ่งที่จะถูกถอนการลงทุน
ทางนิวยอร์คไลฟ์อเมริกาจึงตัดสินใจขายหุ้นในส่วนที่ตนถืออยู่ใน SCNYL
47.33% ให้ SCB ในราคา 266.89 บาท ซึ่งขณะนั้น ราคา SCNYL ในตลาดอยู่ที่ 500
กว่าบาท ทำให้ราคาหุ้นไหลลงอย่างรวดเร็วไปทำจุดต่ำสุดที่ 302
บาท หลังจากนักลงทุนหายตกใจและเข้าใจแล้วว่าการขายหุ้นดังกล่าว
ไม่มีผลกระทบกับนักลงทุนรายย่อย ราคาก็ดีดกลับไปสู่ระดับ 500 กว่าอย่างรวดเร็ว และขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาอยู่แถว 1,000 กว่าบาทในปัจจุบันซึ่งการที่นิวยอร์คไลฟ์ขายหุ้นให้ SCB ในราคาต่ำคงเป็นเพราะว่า
1)
การที่ได้มาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ
SCNYL
ก็เพราะ SCB
2)
ตามมารยาทจะขายหุ้นส่วนของตนก็ควรจะขายให้
Partner
ก่อน
3)
นิวยอร์คไลฟ์เองก็ได้ผลตอบแทนถึง
2,557%
ภายในเวลาประมาณ 11 ปีที่เข้ามาถือหุ้นใน SCNYL
(นิวยอร์คไลฟ์เข้ามาปี พ.ศ. 2543) นับว่าเป็นผลตอบแทนที่มากโขอยู่
4)
นิวยอร์คไลฟ์เป็นคน Approach
SCB ก่อน ตอนที่จะขาย
ล่าสุด SCB ประกาศที่จะเอา SCBLIF ออกจากตลาหหลักทรัพย์โดยจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมดที่ราคา
1,117.25 บาท
เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการกระจายการถือรายย่อยไม่ครบถ้วนมาหลายปีแล้ว
ดังนั้นท่านที่มีเงินเย็นๆ ไม่ได้ทำอะไรภายใน 4-6 เดือน
ถ้าหุ้นตัวนี้ลงมาต่ำกว่าราคารับซื้อคืนมากๆ
ก็น่าสนใจซื้อลงทุนเหมือนฝากเงินประจำแบบ 4-6 เดือน
โดยคำนวณส่วนต่างให้คุ้มค่ากว่าฝากธนาคารสัก 3% ขึ้นไปก็ไม่เลวนะครับ
อนึ่งถ้าท่านอยากจะเรียนรู้วิธีการลงทุนในหุ้นและอสังหาให้ได้ผลตอบแทนมากๆ
อย่างผมลองมาลงเรียนคอร์สการลงทุนที่ผมจะจัดขึ้นในวันที่ 25
พฤษภาคมนี้ ติดต่อที่ 081-8359274 หรือ 088-2740434
นะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
21/05/57
ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai ,
Twitter : http://twitter.com/value_talk ,
Instagram : Gid_Kitichai
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9 และ
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, L'Optimum และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน
สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น