สัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดถึงสิ่งที่ควรทำช่วงปลายปีไป
4 ข้อแล้วสัปดาห์นี้เรามาต่ออีก 3 ข้อที่เหลือกันเลยครับ
5).อย่าลืมนำเงินปันผลมาเครดิตภาษี
และตรวจสอบดูว่าสามารถนำค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่นำมาลดหย่อนภาษีได้
เช่นดอกเบี้ยกู้ซื้อที่อยู่อาศัยตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท เงินบริจาคแก่สถานศึกษา ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
เงินบริจาคแก่วัดวาอาราม มูลนิธิ ลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว และค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
บิดามารดา คนพิการ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส
ซึ่งมีเงื่อนไขบางประการ
ลองศึกษาดูจากคู่มือวิธีการกรอกแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมครับ
6). ตรวจสุขภาพประจำปี
โดยเฉพาะท่านที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไปควรจะตรวจทุกๆ ปี และท่านที่มีอายุ
60 ปี ขึ้นไปควรจะตรวจปีละ 2 ครั้ง
ทำให้เราทราบว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา
ลักษณะการใช้ชีวิตเราเป็นการส่งเสริมหรือทำลายสุขภาพของเราเอง
ถ้าท่านมีกำลังทรัพย์มากหน่อย การตรวจดูว่าร่างกายท่านมีแร่ธาตุ วิตามิน
ฮอร์โมนต่างๆ มากหรือน้อยเกินไป อะไรที่ขาดก็พยายามทานผักผลไม้ที่ให้แร่ธาตุ
วิตามิน ที่ขาด หรืออาจทานอาหารเสริมตัวที่ขาด
และลดหรือหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีแร่ธาตุ วิตามินตัวที่ร่างกายมีมากเกินไป
และตรวจเสริมดูว่าร่างกายเราแพ้อาหารชนิดใด จะได้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนั้น
มิฉะนั้นจะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นภายในร่างกาย การเกิดขึ้นบ่อยๆ จะเป็นการสะสม
ทำให้เกิดโรคร้ายแรงในภายหลังได้ ยึดหลักง่ายๆคือ รับประทานอย่างไรได้อย่างนั้น ควรรับประทานอาหารในปริมาณพอเหมาะ
เลือกทานอาหารสดใหม่ได้โภชนาการ ทานผักผลไม้ให้ได้หลายสีสัน
ทานปลาและเนื้อสัตว์ต่างๆ ลดการทานน้ําตาลและคาร์โบไฮเดรต
การป้องกันดีกว่าการรักษา ต้นทุนของการป้องกันนั้นถูกกว่าค่ารักษาพยาบาลมาก
ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลโดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนสูงมาก
ดังนั้นการที่มีสุขภาพที่แข็งแรงทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายด้านนี้ไปได้มาก
ทำให้ท่านมีเงินเหลือที่จะไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและเสริมความมั่นคงให้กับชีวิตของท่าน
7). วางแผนทั้งด้านการลงทุนและการใช้ชีวิตในปีหน้าว่าจะดำเนินไปในทางใด
โดยปกติช่วงปลายปีผมจะคิดว่าปีใหม่นี้ผมควรจะกำหนด New Year Resolution ไว้ ซึ่งปีนี้ New Year Resolution ของผมจะให้ความสำคัญทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยผมตั้งใจจะทำดังนี้
ก. นอนหลับให้เร็วขึ้น ตั้งใจจะนอนก่อน 22.30
น.เพราะว่าช่วงเวลา 22.00—01.00น.
ร่างกายคนเราจะหลั่ง Melatonin เพื่อไปกระตุ้นต่อมใต้สมองให้ผลิต
Growth Hormone เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
อันมีผลให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
ข.
จะลุกจากเก้าอี้ทำงานเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชั่วโมง
เพื่อลดอาการ Office Syndrome
ค.
ออกกำลังกายและฝึกโยคะ สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
นอกจากทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยลดอาการเจ็บปวดจากอาการ Office
Syndrome ได้เป็นอย่างดี และการออกกําลังกายสามารถช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนที่กันแก่ชราได้
ง.
เดินสูดอากาศและรับแดดยามเช้าช่วงเวลา 7.00-8.00 น. สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 1
ครั้งที่สวนสาธารณะ เพื่อฟอกปอดและช่วยให้ร่างกายสร้าง Vitamin
D ทำให้กระดูกแข็งแรง ลดโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน
จ.
เลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ(ดีกว่าต้องมาทานยา) ลดและพยายามเลิกทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
ฉ.
เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศบ่อยขึ้น เป็นการให้รางวัลชีวิตที่ดีมาก
สุขภาพจิตก็จะดีตามไปด้วย
เดินทางท่องเที่ยวบางครั้งยังทำให้ผมได้ไอเดียบางอย่างเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนด้วยเช่นกัน
จะเห็นว่าผมเน้นในเรื่องสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะว่าปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลสูงมาก
ต้นทุนของการดูแลสุขภาพนั้นถูกกว่าค่ารักษาพยาบาลเป็นอย่างมาก
และสุขภาพที่ไม่ดีจะเป็นตัวลดความมั่งคั่งของท่านอย่างมาก
อย่าให้การมีอายุยืนกลายเป็นความเสี่ยงของชีวิต
บทความนี้ขอส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอให้ท่านผู้อ่านประสบความสำเร็จในการลงทุนมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงและเฮงๆรวยๆกันถ้วนหน้านะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
31/12/57
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น