จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

สถิติ SET INDEX ที่ท่านอาจไม่รู้ ตอนที่ 3

สถิติ SET INDEX ที่ท่านอาจไม่รู้ ตอนที่ 3


ในตอนที่ 1 ผมพูดถึงประวัติที่มาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสถิติสูงสุดของ SET INDEX ที่ทำไว้ที่ 1,789.16 จุด เมื่อเดือนมกราคม 2537 ซึ่งสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนยุคนั้นร่วมๆ 20% เลยทีเดียว ที่ผมคิดแบบทบต้นนะครับ ถ้าคิดแบบเส้นตรงง่ายๆ SET INDEX ขึ้นมา 1,689.16% ภายในเวลา 18ปี 9เดือน เท่ากับขึ้นมาเฉลี่ยปีละ 90.08% นี่ยังไม่นับรวม DIVIDEND YIELD อีกประมาณ 3-4% โดยเฉลี่ย ส่วนตอนที่ 2 ผมได้พูดถึงช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งที่ทำให้ SET INDEX จาก 1,789.16 จุด ลงไปที่ 204.59 จุดในเดือนกันยายน 2541 โดยลงไปถึง 1,584.57 จุด หรือ 88.60% ภายในเวลาเพียง 4ปี 8เดือน เสมือนกับผมพาท่านไปทัวร์สรรค์ในตอนที่ 1 และไปดูนรกในตอนที่ 2 สัปดาห์นี้เรามาดูสถิติ SET INDEX กันต่อครับ
สัปดาห์นี้ขอเริ่มจากสถิติของ SET INDEX ปี 2557 โดยเปิดฉากขึ้นจากจุดปิดที่ 1,298.71 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นวันทำการวันสุดท้ายของตลาดหลักทรัพย์ แล้ว SET INDEX ก็ไต่ระดับขึ้นไปตามแนวโน้มขาขึ้น โดยไปทำจุดสูงสุดของรอบที่ 1,602.21 จุด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2557 ขึ้นมาถึง 303.50 จุด คิดเป็น 23.37% ภายในเวลาประมาณ 9 เดือนเท่านั้น (แต่หากคิดจากจุดสูงสุดของปีที่ 1,603.89 จุด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ขึ้นมาถึง 305.18 จุด คิดเป็น 23.50% ภายในเวลาเกือบ 1 ปี) สร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ดีมาก ทั้งๆที่ช่วงครึ่งปีแรก เรามีการประท้วงรายวันบนท้องถนน ดัชนีความมั่นใจทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคตกต่ำ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยลดลงอย่างมาก การส่งออกก็ติดลบ สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนและผู้สนใจอื่นๆทั่วไป ค่าเงินบาทก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยค่าเงินบาทเมื่อสิ้นปีพ.ศ. 2556 อยู่ที่ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ แล้วแข็งค่ามากสุดที่ 31.64 บาทต่อดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม 2557 และอ่อนค่ามากที่สุดที่ 32.96 บาทต่อดอลลาร์ ในเดือนมกราคม 2557 ไปปิดวันทำการสุดท้ายที่ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ (หมายเหตุ ผมใช้อัตราซื้อถัวเฉลี่ยของเงินโอนมาอ้างอิง) แต่หลังจากที่ SET INDEX ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,602.21 จุด ก็มีการปรับตัวลงทำ LOW ที่ 1,519.76 จุด เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2557 หลังจากนั้น SET INDEX ก็ค่อยๆปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปี 2557 ที่ 1,603.89 จุด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 แต่ SET INDEX วันนั้นปิดเกือบ LOW ของวันโดยปิดที่ 1,575.55 จุด ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของวันที่ 1,573.49 จุด หลังจากวันนั้น SET INDEX ก็ไหลลงมาตลอดจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ซึ่งนับว่าเป็นวันมหาวิปโยคของนักลงทุนทั้งหลายที่มีหุ้นไทยอยู่ในพอร์ต เพราะว่า SET INDEX ได้ลงจาก 1,514.95 จุด ซึ่งเป็นดัชนี ณ สิ้นวันที่ 12 ธันวาคม 2557 ไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,375.99 จุด โดยลงไป 138.96 จุด คิดเป็น 9.17% ก่อนขึ้นมาปิดที่ 1,478.49 จุด รีบาวน์ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของวันถึง 102.50 จุด คิดเป็นการดีดตัวขึ้นถึง 7.45% จากการที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างมาก กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งถ่วงน้ำหนักใน SET INDEX พอสมควร เมื่อราคาหุ้นกลุ่มเหล่านี้ตกลงทำให้ดัชนีตกลงตาม พลอยทำให้สภาวะตลาด (SENTIMENT) เสียไป นักลงทุนจึงเทขายหุ้นทั้งกระดาน กอปรกับหุ้นได้ตกลงมาก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว ทำให้นักลงทุนที่ใช้ MARGIN โดน FORCE SELL บวกกับการเทขายของกลุ่มนักลงทุนที่ใช้ TRADING PROGRAM เมื่อหุ้นตกลงมาถึงจุดหนึ่งโปรแกรมก็สั่งขาย แรงขายของผรั่งที่วันนั้น NET SELL เกือบ 5,000 ล้านบาทและข่าวลืออัปมงคลผสมโรงอีก

ลองคิดดูสิครับ ถ้าท่านไปตัดขาดทุน (CUT LOSS) ในช่วงที่เป็นจุดต่ำสุดแล้วมาดูราคาปิด คงช้ำใจน่าดู เพราะว่ามีหุ้นหลายตัวที่ลงไปมากกว่า 20% แล้วขึ้นมาปิดที่ราคาลดลงเหลือเพียง 3-4% หลายตัวเลยทีเดียว ที่น่าเห็นใจที่สุดก็คือกลุ่มนักลงทุนที่ใช้ MARGIN ที่โดน FORCE SELL แล้วบังเอิญโบรคเกอร์จับขายช่วงที่หุ้นเหล่านั้นไปทำจุดต่ำสุดหรือใกล้จุดต่ำสุดของวัน ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันถัดมา SET INDEX ก็ขึ้นไปทำ HIGH ที่ 1,539.23 จุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 ขึ้นมาจาก LOW วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ถึง 163.24 จุดคิดเป็น 11.86% และ SET INDEX ก็ไปปิดที่ 1,497.67 จุด ขึ้นมาจากจุดปิด ณ วันสิ้นปีที่แล้ว (ปี 2556) ถึง 198.96 จุด คิดเป็น 15.32% เมื่อรวมกับ DIVIDEND YIELD ที่ประมาณ 3-4% ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อปีที่แล้วประมาณ 19% นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก รวมทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ทั้งๆที่สภาวะทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่ดีเอาเสียเลย ฉบับหน้าเรามาดูสถิติย้อนหลังการขึ้นและลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่มากที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมากันต่อครับ


    กิติชัย เตชะงามเลิศ
           21/01/58

        ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai Twitter : http://twitter.com/value_talk Instagram : Gid_Kitichai Blog : http://kitichai1.blogspot.com You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/ หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน รายการ Whats's up Spring ช่อง Spring News TV ทุกวันพุธ ช่วง What's up Money เวลา 10.15-11.00 น. ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น