สัปดาห์นี้เรามาดูสถิติของ
SET
INDEX กันต่อครับ หลังจากที่ SET INDEX ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่
1,789.16 จุด เมื่อเดือนมกราคม 2537
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็เปลี่ยนทิศทางเป็นขาลงหลังจากที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นมาตลอดช่วงเวลา
18 ปี 9 เดือน โดยลงไปถึง 204.59 จุด ในเดือนกันยายน 2541 คือลงไปถึง 1,584.57 จุด หรือ 88.60% ภายในเวลาเพียง 4 ปี 8 เดือน ลองคิดเล่นๆดูสิครับ
ว่าถ้าท่านอยู่ในตลาดหุ้นในช่วงเวลานั้น ชีวิตของท่านจะเป็นอย่างไร เงินลงทุนของท่าน
สมมติว่า 1 ล้านบาท จะเหลือเพียง 114,000 บาท
มีนักลงทุนที่ฆ่าตัวตายทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวหลายคนเลยทีเดียว
สุภาษิตบทหนึ่งที่เขียนไว้เตือนใจนักลงทุนก็คือ “อย่าเอาไข่ใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” เพราะว่ามันจะแตกง่าย
ถ้าช่วงนั้นท่านนำทรัพย์สินทั้งหมดมาลงทุนในตลาดหุ้น นั่นหมายถึงเงินออมที่อดออมมาจากน้ำพักน้ำแรงที่ท่านอุตสาหะ
ต้องแทบจะหมดสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว ผมจึงย้ำแล้วย้ำอีกว่า
ควรจะมีการจัดสรรเงินลงทุนลงในสินทรัพย์หลายประเภท ซึ่งในหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน”
ผมได้เขียนถึงสินทรัพย์ในแต่ละประเภทที่ท่านควรจะลงทุนและสัดส่วนที่เหมาะสมของสินทรัพย์ในแต่ละประเภทตามช่วงวัย
ขนาดของเงินลงทุน อุปนิสัยส่วนตัว ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง ฯลฯ สาเหตุที่ SET
INDEX ถึงได้ลงวินาศสันตะโรขนาดนั้น
เกิดจากวิกฤติต้มยำกุ้งที่เริ่มต้นจากประเทศไทยแล้วแพร่ระบาดไปในหลายๆประเทศใน ASEAN
ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ
แม้กระทั่งเกาหลีเองก็โดนผลกระทบวิกฤตนี้จนแทบจะไม่สามารถที่จะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินไว้ได้
ค่าเงินบาทที่เคยผูกไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 27 บาทต่อดอลลาร์ก็อ่อนปวกเปียกจนไปถึงเกือบ
60 บาทต่อดอลลาร์ ผมยังจำได้ว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในยุคนั้นได้นำทุนสำรองไปสู้กับนักเก็งกำไรค่าเงินตัวเป้งเลยก็คือ
นาย George Soros ซึ่งคนไทยยุคนั้นไม่เคยลืม มีการเปิดแชมเปญฉลองกัน
นึกว่าเราจะชนะและรักษาค่าเงินบาทไว้ได้
ที่ไหนได้เราแพ้และสูญเสียทุนสำรองเป็นจำนวนมากและค่าเงินบาทก็อ่อนปวกเปียก
เศรษฐกิจไทยตกต่ำ คนตกงานเต็มไปหมด
คล้ายๆกับวิกฤตรัสเซียและค่าเงินรูเบิลในช่วงนี้ ในสมัยนั้นมีนักท่องเที่ยวและคนไทยที่มีฐานะ
ก็ใช้โอกาสนี้ในการช้อปปิ้งสินค้านำเข้าราคาแพงๆ เช่นนาฬิกาสวิส ไวน์แพงๆ
รถยนต์นำเข้า ฯลฯ ที่ยังไม่ได้ปรับราคาขึ้นตามค่าเงิน
หลายๆคนก็ตุนเงินดอลลาร์ไว้เพราะว่าเห็นค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเรื่อยๆ
พฤติกรรมก็คล้ายคนรัสเซียในช่วงนี้ที่แห่ซื้อสินค้านำเข้าราคาแพงรวมไปถึงเครื่องครัวนำเข้าราคาแพง
จนร้าน IKEA ต้องหยุดการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวชั่วคราว
เพื่อรอดูแนวโน้มที่ชัดเจนของค่าเงินรูเบิล ช่วงนี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นฤดูหนาวที่อุณหภูมิติดลบที่รัสเซียและผมเพิ่งกลับจากเที่ยวทริปเมืองจีน
22 วัน
ผมจะเตรียมเงินไปช้อปปิ้งที่มอสโคว์และท่องเที่ยวในรัสเซียในฐานะที่เป็นประเทศที่ผมไม่เคยไปเที่ยวมาก่อน
ค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ว่าจะเป็นค่าโรงแรม (ถ้าโรงแรมในรัสเซียไม่ชาร์จจาก RATE
ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ) ค่ากิน ค่าเที่ยว
ค่าเดินทางภายในรัสเซียน่าจะประหยัดเงินได้มากโขอยู่
จากการที่รัสเซียเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแพงติดอันดับโลก
ผมยังชั่งใจว่าจะไปเที่ยวรัสเซียช่วงสงกรานต์
ไม่รู้ว่าค่าเงินรูเบิลในช่วงเวลานั้นยังจะอ่อนค่าเหมือนในปัจจุบันหรือไม่
คงต้องติดตามดูราคาพลังงานทั้งน้ำมันและแก๊ส
ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงที่สุดของรัสเซีย และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในยูเครน
ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย
ยังมีสถิติ SET INDEX ที่น่าสนใจ ที่ผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกในสัปดาห์หน้า ติดตามอ่านกันนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
14/01/58
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น