28 Chidlom น่าซื้อไหม?
ในช่วงเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา
หลังจากคนกรุงเทพฯได้สัมผัสกับระบบรถไฟฟ้าทั้งลอยฟ้า และใต้ดิน ทำให้คนส่วนใหญ่ถ้าสามารถเลือกได้
ก็คงอยากจะเลือกที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า นอกจากจะเดินทางสะดวก
และรวดเร็ว ทั้งยังคาดการณ์เวลาเดินทางได้ค่อนข้างแม่นยำ ทำให้ไม่ต้องเผื่อเวลารถติด
คนอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้า จึงนอนตื่นสายได้อีกหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณรอบๆสถานีรถไฟฟ้า
โดยเฉพาะสถานีที่อยู่ในตัวเมืองชั้นใน จะล้อมรอบไปด้วยอาคารสำนักงานเกรด A แหล่งช้อปปิ้งชั้นเลิศ โรงแรมระดับ 5 ดาว
ร้านอาหารเก๋ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น LIFESTYLE ของคนยุคนี้
ปัจจุบันจุดศูนย์กลางของกรุงเทพฯที่เป็นแหล่งรวบรวม LIFESTYLE ที่ LUXURY คงไม่มีใครแย่งตำแหน่งนี้ไปได้
นั่นก็คือ บริเวณสยามสแควร์ลากยาวมาถึงเพลินจิต ซึ่งมีทั้งสยามสแควร์ สยามเซ็นเตอร์
สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ เอ็มบาสซี่
โรงแรมพาร์คไฮแอท (ที่กำลังจะเปิด) เกษรพลาซ่า (ซึ่งกำลังจะเปิดอาคารใหม่อีก 1 อาคาร)
เซ็นทรัลชิดลม โรงเรียนมาแตร์ ฯลฯ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน ทำให้ผู้ที่มีความมั่งคั่งหลายคน ได้นำเงินบางส่วนที่ฝากธนาคาร
มาซื้อคอนโดใจกลางเมือง ที่เป็นเกรดพรีเมี่ยม โดยบางคนซื้อเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่
2 เอาไว้พักผ่อนในวันที่เลิกงานดึก หรือเข้ามาพักในวันที่มาทำธุระในเมือง
ผมเคยมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าซื้อคอนโดราคากว่า 20 ล้านบาท เอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า
ว้าว! เหตุผลเศรษฐีนี่มันบาดใจคนหาเช้ากินค่ำจริงๆ
บางคนก็ซื้อไว้ให้บุตรหลานพักอาศัย เพื่อสะดวกในการเดินทางไปสถานศึกษา
แต่เหตุผลในการซื้อคอนโดไฮเอนด์เหล่านี้ที่มาแรง คือ การซื้อไว้เป็นทรัพย์สิน
ในอดีต เศรษฐีหลายคน ชอบที่จะซื้อรถยนต์แพงๆ หลายๆคัน
แล้วก็พบว่าต้องหมั่นมาคอยสตาร์ทรถอยู่เกือบทุกวัน เพื่อให้รถยนต์ยังใช้งานได้ปกติ
ยิ่งไปกว่านั้นมูลค่ารถยนต์ที่ซื้อไว้หลายๆคัน ก็มีค่าลดลงอย่างน่าใจหาย
เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เศรษฐีหลายคนเลือกที่จะซื้อคอนโดเอาไว้เป็นทรัพย์สินแทน
ผมมีพี่ที่รู้จักท่านหนึ่ง แกนิยมจะซื้อคอนโดหรูๆในทำเลดีๆเอาไว้
แกบอกว่าแกมีความสุขกับการเป็นเจ้าของคอนโดเหล่านี้มาก แหม! ผมอดจะแซวแกในใจไม่ได้
ก็แกมี UNREALIZED GAIN ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทแล้ว จากคอนโดหลายๆยูนิตที่แกถือครองอยู่
สังเกตเห็นได้ว่าในช่วง
2-3 ปีนี้ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็เห็นแนวโน้มเหล่านี้จึง LAUNCH คอนโดไฮเอนด์ใจกลางเมือง
ออกมาตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้
ยิ่งช่วงที่สถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อกับผู้ซื้อคอนโดระดับล่างและกลางล่าง
บริษัทพัฒนาอสังหาส่วนใหญ่จึงหันมาพัฒนาคอนโดระดับบนแทน เราจึงเห็นคอนโดระดับบน ถูกนำเสนอมาหลายโครงการ
และราคาก็ไต่ระดับไปจนถึง 300,000-400,000 /ตรม. ไปแล้ว
ดังนั้นการที่จะเลือกซื้อโครงการที่มีราคาสูงแบบนี้ คงต้องทำการบ้านกันมากหน่อย
เพราะว่าราคา/ยูนิตขนาดนี้ ด้วยเงิน 10 ล้านบาท คุณอาจจะได้คอนโดที่มีพื้นที่เพียง
25 ตรม. เท่านั้น แต่ถ้าจะจับลูกค้ากลุ่มนี้ ขนาด/ยูนิต อย่างน้อยคงต้องประมาณ 40
ตรม.ขึ้นไป สำหรับแบบ 1 ห้องนอน ดังนั้นราคา /ยูนิต ขึ้นต่ำก็ปาเข้าไปเกือบ 15
ล้านบาทแล้ว คนกลุ่มนี้ยังชอบอะไรที่ดู PRESTIGE และ LIMITED
นอกจากทำเลและสิ่งแวดล้อมที่ต้องดู
LUXURY มากๆ ประเภทที่บอกกับใครต่อใครก็ได้เต็มปากเต็มคำว่า “ฉันอยู่ที่นี่” โดยคาดหวังว่าคนฟังจะต้องร้อง “ว้าว” นี่คือโจทย์ของ DEVELOPER ที่จะต้องศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าให้ดี ส่วนโจทย์ของผู้ซื้อ เนื่องจากมีโครงการระดับ
PREMIUM เหล่านี้ออกมาหลายโครงการให้เลือก
ดังนั้นการที่จะซื้อคอนโดเกรดนี้ คงต้องทำการบ้านให้ดีเช่นกัน
นอกจากนั้นยังมีผู้ซื้ออีกกลุ่มที่ซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนจากการเช่า
ซึ่งคนกลุ่มนี้ ขอผลตอบแทนที่ได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารสัก 1-2
เท่าก็พอ แต่ขอให้ราคาคอนโดต้องไม่ลดลงในอนาคต และถ้าราคาขึ้นไปได้อีก
ก็ถือเป็นของแถมที่น่ายินดีเช่นกัน ผมได้ข้อมูลจาก CBRE สำหรับอัตราค่าเช่าในย่านเพลินจิต
ซึ่งผลตอบแทนจากการเช่าจะได้เฉลี่ยที่ 1,100/ตรม.
ตามภาพข้างล่าง
ซึ่งความต้องการในย่านนี้มีหลายรูปแบบ
ทั้ง STUDIO 1 ห้องนอน 2
ห้องนอน และ 3 ห้องนอน ซึ่ง 2 แบบหลังจะกระจุกตัวอยู่เฉพาะเขตเมืองชั้นในจริงๆ อย่างเช่นเพลินจิต
ราชดำริ และสาธร เสียเป็นส่วนใหญ่
ถ้าจะคิดซื้อคอนโดย่านนี้เพื่อหวังลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ก็คงพอจะคำนวณ YIELD ที่คาดหวังได้ แล้วนำมาเป็นตัวช่วยในการพิจารณาเลือกซื้อคอนโดของโครงการไหนกันได้บ้างแล้วนะครับ
ทีนี้เรามาวิเคราะห์โครงการ 28 CHIDLOM กัน เนื่องจาก SC
ASSET กำลังจะ LAUNCH โครงการนี้ออกมาสดๆร้อนๆ
โดยเริ่มต้นที่
1.LOCATION 28 CHIDLOM ถือว่าสอบผ่าน
เนื่องจากตำแหน่งของโครงการนี้อยู่ที่ซอยชิดลม ห่างจาก BTS เพียง
250 เมตร
ตอบโจทย์ที่ผมใช้เลือกซื้อโครงการที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่ต้องไม่เกิน 400 เมตร
ตามภาพด้านล่าง
2.SURROUNDINGS ข้อนี้ก็สอบผ่านอีก
เพราะว่าตั้งอยู่ในย่านราชประสงค์ ที่อุดมไปด้วย
LUXURY LIFESTYLE สมกับราคาคอนโดเกรดพรีเมี่ยม
ในรัศมีที่สามารถเดินได้ถึง ตามภาพด้านล่าง
3.PROJECT ผมจะไม่พูดถึง สระว่ายน้ำ
หรือ FITNESS ที่โครงการไหนๆก็มี แต่ที่ผมชอบ 28
CHIDLOM ก็ตรงที่มี COURTYARD
ช่วยเป็นปอดให้กับผู้ที่จะเป็นเจ้าของยูนิตในโครงการนี้ ในเมืองที่เราหาแหล่งฟอกปอดแทบไม่ค่อยได้
ซึ่งมีน้อยโครงการที่จะยอมเจียดเนื้อที่ของที่ดินที่มีราคาแพงขนาด 1.90 ล้านบาท/ตรว. มาทำเป็นพื้นที่สีเขียว แทนที่จะสร้างเป็นพื้นที่ขาย ตามภาพด้านล่าง
4.YIELD เมื่อดูราคา/ยูนิต
ของโครงการตามภาพด้านล่าง
เมื่อคำนวณผลตอบแทนกรณีจะซื้อลงทุนไว้ปล่อยเช่า ถ้าเราคิดค่าเช่าที่ 1,100/ตรม.
ตามค่าเช่าที่ได้ข้อมูลจาก CBRE จะได้ผลตอบแทนดังนี้
TYPE
|
ขนาด
|
ราคา(ล้านบาท)
|
ค่าเช่า/ปี
|
YIELD (%)
|
STUDIO
|
33
|
10
|
435,600
|
4.36
|
1B
|
40
|
12
|
528,000
|
4.40
|
2B
|
70
|
20
|
924,000
|
4.62
|
3B
|
120
|
44
|
1,584,000
|
3.60
|
ผลตอบแทนตามตารางนี้ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับคอนโดเกรดพรีเมี่ยม
ที่ปัจจุบัน EXPECTED
YIELD อยู่ที่ประมาณ 2.50-4% เท่านั้น
5.CAPITAL GAIN เมื่อผมย้อนไปดูราคาคอนโดแห่งหนึ่งย่านถนนวิทยุ
นั่นก็คือ All Season ที่สร้างเสร็จในปี 2539 ซึ่งนับว่าเป็นอาคารที่หรูหราที่สุดในสมัยนั้น
ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท/ตรม.
เวลาผ่านไป 20 ปี ปัจจบันมีโครงการที่ผุดขึ้นมาใหม่ ราคาได้วิ่งขึ้นไปถึง 350,000-400,000
บาท/ตรม. กันแล้ว แสดงว่าในช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา
ราคาคอนโดในย่านนี้ราคาพุ่งขึ้นมาถึง 400% คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ
20%/ปี เลยทีเดียว หรือ 7.18% /ปี
ถ้าคิดแบบทบต้น ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตต่อไป ราคาคอนโดในเมืองก็น่าจะเติบโตได้ต่อไปเช่นกัน
ผมลองไปค้นดูราคาที่อยู่อาศัยของเมืองต่างๆทั่วโลก
ว่าราคาเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ตามภาพด้านล่าง
ข้อมูลจาก
CNBC แม้จะเป็นข้อมูลเมื่อปี 2557 แต่ยังพอที่จะทำให้เห็นภาพของราคาคอนโดที่เป็น LUXURY ในเมืองต่างๆทั่วโลกได้ว่า
ปัจจุบันราคาที่เมืองอื่นๆนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยแสดงให้เห็นว่าเงิน 1 ล้าน $ จะซื้อคอนโดที่เป็น LUXURY ได้พื้นที่กี่ตารางเมตร (กำหนดค่าเงิน 1$=35 บาท ในการเปรียบเทียบครั้งนี้)
จากภาพข้างล่าง
จะพบว่าใน 20 เมืองที่แพงที่สุดในโลก มีเพียง 7 เมืองใน ASIA ที่ติดอันดับ
ขอโฟกัสที่ HONGKONG ซึ่งติดอันดับที่ 2 ด้วยเงิน 1 ล้าน $
จะซื้อได้แค่ขนาดพื้นที่ 20.6 ตรม. (=1.70ล้านบาท/ตรม.) และ SINGAPORE อันดับที่ 4 ด้วยเงิน 1 ล้าน $ จะซื้อได้แค่ขนาด 32.6 ตรม. (=1.07ล้านบาท/ตรม.) โดยทั้งสองเมืองล้วนเป็นเมืองยอดนิยมของคนไทย ที่ไปเยือนกันบ่อยๆ คาดว่าราคาในปัจจุบัน ราคา/ตรม. LUXURY
CONDO ของประเทศ HONGKONG และ SINGAPORE
คงจะเพิ่มขึ้นไปอีก จะเห็นได้ว่า HONGKONG
แพงกว่า 28 CHIDLOM ถึง 5 เท่า ในขณะที่ SINGAPORE แพงกว่าเกิน 3 เท่า ทำให้หลายคนที่เป็นห่วงว่า ราคาคอนโดแพงไปหรือเปล่า
คงโล่งใจกันมากขึ้น หลังจากที่ได้เห็นข้อมูลนี้กัน ข้อดีของ 28 CHIDLOM อีกอย่างคือ เป็น FREEHOLD
ท่ามกลางหลายๆโครงการในย่านนี้ที่มีลักษณะเป็น LEASEHOLD
6.BRAND ความน่าเชื่อถือ
และเป็นที่รู้จักของ SC ASSET คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก
จากที่โครงการที่ LAUNCH ออกมามากมายนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี
2532 และเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาแบบครบวงจร แล้วยังได้รับรางวัลเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยอดเยี่ยมของไทยประจำปี
2555 จากงาน BCI ASIA TOP 10 DEVELOPER AWAEDS และ
โล่เกียรติคุณโครงการอสังหาริมทรัพย์ดีเด่นจากศูนย์ข้อมูลวิจัย
และประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) และบริษัทเอเจนซีฟอร์เรียลเอสเตท
แอฟแฟร์ส์ จำกัดในปีเดียวกัน ก็คงทำให้สบายใจมากขึ้นในการที่จะตัดสินใจที่ซื้อโครงการนี้ได้เป็นอย่างดี
ผมเองแต่ไหนแต่ไร
เคยคิดที่จะปักหมุดถาวรที่คอนโดที่ผมอยู่ในปัจจุบัน แต่ 28 CHIDLOM มีอะไรพิเศษหลายอย่าง
ที่สามารถสั่นคลอนความคิดของผมได้
กิติชัย เตชะงามเลิศ
15/2/60
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Tycoon ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Tycoon ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น