จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จะลงทุนอสังหาใน UK ดีไหม ตอนที่ 1



                                                         จะลงทุนอสังหาใน UK ดีไหม ตอนที่ 1 


               ปีใหม่แล้ว หลายท่านคงเริ่มคิดถึงการลงทุนของปี 2560 สำหรับท่านที่ต้องการจะลงทุนในอสังหา โดยเฉพาะท่านที่คิดจะลงทุนอสังหาใน UK ผมอยากให้อ่านบทความที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ก่อนจะตัดสินใจกันครับ
             หลังจากผลโหวตกรณี BREXIT เมื่อปีที่แล้วออกมาก็สร้างความโกลาหลอลหม่าน สะท้านสะเทือนตลาดหุ้นไปทั่วโลก นอกจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ตกร่วงกันระนาวแล้ว ตลาดหุ้น UK ก็ตกหนักโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน บริษัทพัฒนาอสังหา และ บริษัทรับสร้างบ้าน ฯลฯ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพลังงานก็พลอยมีการปรับตัวลง ยกตัวอย่าง BRENT OIL หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดที่ 28.60 $/บาร์เรล เมื่อวันที่ 19 มกราคมปี 2016 แล้วทยอยปรับตัวขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดที่ 52.74 $/บาร์เรล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2016 หลังจากที่ขึ้นมาแล้ว 24.14$/บาร์เรล หรือคิดเป็น 84.41% ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนกว่าๆเท่านั้น แต่เมื่อย้อนกลับไปดูราคา BRENT OIL ย้อนหลัง 50 ปี จะพบว่าไปทำจุดต่ำสุดที่ 20.94$/บาร์เรล เมื่อเดือนตุลาคมปี 1998 หลังจากนั้น ราคาก็ทยอยขึ้นมาอย่างรุนแรงจนไปสร้างจุดสูงสุดที่ 151.72$/บาร์เรล เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2008 ขึ้นมาถึง 130.78$/บาร์เรล คิดเป็น 624.55% ภายในเวลา 9 ปี 8 เดือน (ดูภาพประกอบ)
 ภาพประกอบที่ 1 : ราคา BRENT OIL ย้อนหลัง 50 ปี
หรือมีอัตราผลตอบแทนแบบทบต้นประมาณ 22% ต่อปี สวนทางกับราคาทองคำที่มีราคาสูงขึ้นทันทีหลังจากผลโหวต โดยทองคำได้ไปสร้างจุดสูงสุดที่ 1,365.40 $/OUNCE เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมปี 2016 จากจุดต่ำสุดเมื่อ 27 พฤศจิกายน ปี 2015 ที่ 1,056.60 $/OUNCE ขึ้นมา 308.89 $/OUNCE คิดเป็น 29.23% ภายในเวลาเพียง 7 เดือนกว่าๆ และถ้าดูย้อนหลังไป 100 ปี (ดูภาพประกอบที่ 2)
 
ภาพประกอบที่ 2 : ราคาทองคำย้อนหลังไป 100 ปี
จะพบว่า ราคาทองทำจุดต่ำสุดที่ 217.82 $/OUNCE เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1970 หลังจากนั้นก็ทะยานสู่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 1,996.22 $/OUNCE เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1980 รวมแล้วขึ้นมากถึง 1,778.40$/OUNCE คิดเป็น 816.45% ภายในเวลา 9 ปี 2 เดือน หรือมีอัตราผลตอบแทนแบบทบต้นประมาณ 27% ต่อปี นับว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจจะลงทุนในสิ่งเหล่านี้ ทั้งๆที่ถ้าราคาไม่ขึ้น นักลงทุนจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย นอกจากนั้นยังขาดทุนจากต้นทุนของเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียโอกาส ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในขณะที่นักลงทุนนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังจะได้ดอกเบี้ย หรือลงทุนในอสังหาเพื่อปล่อยเช่าก็ยังจะได้ค่าเช่า หรือลงทุนในหุ้น ก็ยังจะได้เงินปันผล
               ในด้านอสังหาริมทรัพย์มี UK ประเทศเดียวที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เกรงว่าตำแหน่ง World Financial Center ที่ London ครองอยู่เป็นอันดับที่ 1 จะมีการเปลี่ยนแปลงไป หลังจากการที่ UK ออกจาก EU มีผลในทางปฎิบัติ โดยเห็นได้ชัดจากการที่นักลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในอสังหาใน UK ได้แห่ไถ่ถอนหน่วยลงทุนจนทำให้สภาพคล่องของกองทุนที่ปกติจะดำรงสภาพคล่องไว้ประมาณหนึ่งสำหรับให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ไถ่ถอนสภาพคล่องของกองทุนในช่วงสภาวะปกติ แต่พอมีเหตุการณ์ผิดปกติแบบนี้ ผู้บริหารกองทุนก็ตกที่นั่งลำบาก เพราะว่าจะขายอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนที่ตนบริหารอยู่ในทันที่ทันใดคงจะลำบาก ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว นอกจากจะขายยากแล้ว ยังขายไม่ได้ราคาอีกด้วย ทำให้กองทุนเหล่านี้หลายกองทุน ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์รวม 9,000 ล้านปอนด์ ต้องหยุดการไถ่ถอนหน่วยลงทุนชั่วคราว และมีข่าวออกมาว่า มีกองทุนบางกองที่หยุดการซื้อขายไปในช่วงนั้น ได้ขายอาคารที่อยู่ใจกลางกรุงลอนดอนไปในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดช่วงก่อนมี่จะมีการ VOTE ถึง 20 % เลยทีเดียว นี่ขนาดว่า BREXIT ยังไม่มีผลให้ UK ต้องออกจาก EU ในทันที แต่จะมีผลจริงๆก็อีกประมาณ 1 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งคงเป็นความจำเป็นที่ผู้บริหารกองทุนดังกล่าวที่มีความจำเป็นจะต้องหาเงินมาชำระคืนค่าขายหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวอย่างรีบด่วน ท่ามกลางความโกลาหล คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FPC) ที่มีผู้ว่าการธนาคารชาติเป็นประธานได้ประกาศว่าจะมีเงินอีก 150,000 ล้านปอนด์เพิ่มเติมสภาพคล่องโดยผ่านทางธนาคารพาณิชย์ และเตือนผู้ถือหน่วยลงทุนถ้าแห่กันขายหน่วยลงทุนจะทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนมีราคาต่ำลง จากการถูกบังคับให้ขายอสังหาริมทรัพย์ในกองทุนดังกล่าว เพื่อนำมาชำระค่าขายหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน
               โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดินไปทั่วโลก ทำให้นักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น โดยมี RISK APPETITE ที่สูงขึ้น กอรปกับค่าเงินปอนด์เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐก็ตกต่ำสุดในรอบมากกว่า 30 ปี ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำลง เป็นที่น่าสนใจในท่ามกลางกลุ่ม Hedge Fund และกลุ่มที่บริหาร Private Equity ต่างๆ ที่พยายามซื้อสินทรัพย์ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ จากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ใน UK โดยเฉพาะ London ในช่วงที่ผ่านมา มีราคาสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมืองชั้นนำอื่นๆ   เนื้อที่หมดแล้ว มาอ่านตอนต่อไปในบทความหน้ากันครับ


กิติชัย เตชะงามเลิศ
       2/2/60


  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
     หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
              3.นิตยสาร Tycoon ทุกเดือน
              4.นิตยสาร คนรวยหุัน  Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส


คอนโด เอดจ์ (Edge) ประสานมิตร สุขุมวิท 23 เดิน 1 นาทีจาก MRT 2 นาทีจาก BTS ขายดาวน์ถูกสุดใน 3 โลก



ห้องที่จะขาย
   ห้อง 8/271(011315) ชั้น 12A ประเภทห้อง 1A : 1 นอน 1 น้ำ ฝ้าเพดานสูง 2.9 เมตร Fully Furnished มี เตาไฟฟ้าแบบCeramic เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น เครื่องซักผ้า Digital TV 40 นิ้ว เครื่องทำน้ำร้อน และ Microwave ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ พื้นที่ใช้สอย : 30 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศเหนือ วิวสวนสวยมาก ราคา 6,000,000 บาท หรือเช่า 30,000/เดือน

ฟรี  1.ค่าส่วนกลาง 72 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนเป็นเวลา1ปี สิ้นสุด 28/2/61
      2.ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
      3.ค่าโอน 1% และค่าใช้จ่ายอื่นๆในการโอน
      4.ค่าขอและเงินมัดจำมิเตอร์ไฟฟ้า
รวมทั้งหมดมูลค่าประมาณ 100,000 บาท


ที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนากรุงเทพมหานคร

ประเภทโครงการ : คอนโดมิเนียม สูง 35 ชั้น 443 ยูนิต ล็อบบี้ ชั้น G และ Sky Lounge ที่ชั้น 27F / 27M ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์บริการ 1 ตัว  และอาคารจอดรถ 9 ชั้น(มีลิฟท์ 2 ตัว)  ชั้นส่วนกลางที่ 27F และชั้นลอย มีสระว่ายน้ำ, จากุซซี่, ฟิตเนสบนชั้น 27M ที่มองลงมาเห็นสระว่ายน้ำได้ มีการออกแบบที่ดีและสวยงาม ดีไซน์วงโค้งๆเป็นอกลักษณ์ของตึกเลย  ดาดฟ้าลานจอดรถ ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น ดื่ม และปาร์ตี้ได้นะครับ  สำหรับคนชอบสังสรรค์ สำหรับลูกบ้านเท่านั้น จำนวนห้องต่อชั้นสูงสุด 15 ห้อง เนื้อที่โครงการ : 2 ไร่ 217 ตารางวา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น