ลงทุนอย่างไรให้รวย ตอนจบ
ผมสนใจการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มานานแล้ว
เพราะเคยเห็นครอบครัวหนึ่งแถวย่านที่ผมเคยขายส่งเสื้อผ้า เขาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทซื้อมาขายไป
ปรากฏว่าบ้านนั้นฐานะดีกว่าบ้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด
อีกคนมีอพาร์ตเมนต์ให้เช่าก็ฐานะดี เห็นแล้วอยากทำบ้าง
แต่ครอบครัวผมไม่มีใครทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เลย จึงไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร
จนกระทั่งวันหนึ่งมีการจัดประมูลที่ดินหมู่บ้านวินด์มิลล์แถวบางนา-ตราด
ผมก็ไปดู ตอนแรกไม่ได้คิดจะซื้อ แค่ไปดูลาดเลาเฉย ๆ เพราะไม่เคยประมูลที่ดินมาก่อน
ผมเห็นว่าเป็นหมู่บ้านที่ดีทีเดียว ราคาประมูลเริ่มที่ตารางวาละหมื่นกว่าบาท
ซึ่งคิดว่าไม่แพง เพราะเคยเห็นหมู่บ้านอื่นที่มีทำเลและสภาพในหมู่บ้านแย่กว่าที่นี่ยังตารางวาละ
20,000 – 30,000 บาท
เวลานั้นผมเริ่มมีเงินจากการลงทุนในหุ้นบ้างแล้ว
จึงตัดสินใจซื้อที่ดิน 2 แปลง หลังจากซื้อได้ไม่นานก็ขายได้แปลงหนึ่ง แล้วไปซื้อเพิ่มมาอีก
3 แปลง ปรากฏว่าขายไปได้อีก 3 แปลง เหลือ 1 แปลง ความจริงก็มีคนมาขอซื้อ
แต่คิดจะเอาไว้อยู่เองจึงไม่ได้ขาย ซึ่งภายหลังไม่ได้ไปอยู่
และก็ยังขายไม่ได้มาจนทุกวันนี้ ราคาซื้อเวลานั้นแปลงหนึ่งประมาณ 8 ล้าน
ซื้อมาทั้งหมดประมาณ 40 ล้าน
เฉลี่ยแล้วก็ได้กำไรพอสมควรเมื่อเทียบกับระยะเวลาไม่นานก็ขายได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือเราได้เรียนรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำผิดพลาดไปคือ
น่าจะขายที่ดินแปลงที่เหลือไปด้วย แทนที่จะเก็บไว้เพื่อจะอยู่เอง
เพราะปรากฏว่าสิบกว่าปีราคาที่ดินแปลงนี้ขึ้นมาไม่มาก
ถ้าผมขายแล้วเอาเงินไปลงทุนหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ที่อื่นคงได้กำไรไปหลายรอบและมากกว่าที่จะต้องถือมาจนปัจจุบัน
หลังจากนั้นจึงลองไปดูการประมูลบ้านและที่ดินของกรมบังคับคดี
ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ เผอิญไปเห็นบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านเดี่ยว มีพื้นที่มากถึง
172 ตารางวา ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าถูกมาก
จึงลองแข่งประมูลกับคนอื่น ปรากฏว่าเราดันชนะ โดยประมูลได้ในราคา 1.35
ล้านบาท แต่พอไปดูจริง ๆ กลายเป็นที่ตาบอด แต่เป็นบ้านไม้ติดคลอง อยู่ในย่านพัฒนาการ
หลังจากประกาศขายทางอินเทอร์เน็ตโดยตั้งราคาขายที่ 2.2 ล้านบาทมีคนสนใจมาดูเกือบ
20 ราย แต่เมื่อพบว่าเป็นที่ตาบอดและถึงแม้จะมีทางออกเป็นทางภาระจำยอม ก็ไม่มีใครอยากได้
นับเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่เลยว่าก่อนจะประมูลซื้อทรัพย์สิน
ต้องไปดูให้เห็นก่อนว่าตัวบ้านและสภาพแวดล้อมจริงเป็นอย่างไร แต่ยังโชคดีที่ผมขายบ้านหลังนี้ได้ภายในเวลาเพียง
5 เดือน มีกำไรกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
ประสบการณ์ครั้งนั้น
ทำให้ผมเรียนรู้ว่าหากจะประมูลทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด
สิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือไปดูทรัพย์สินที่เราสนใจก่อน ว่าเป็นตึกหรือบ้านไม้
เป็นที่ตาบอดหรือเปล่า สภาพบ้านและสิ่งแวดล้อมข้างบ้านเป็นโรงงานหรือทำธุรกิจที่ก่อให้เกิดเสียง
กลิ่น หรือสิ่งรบกวนอื่นๆ หรือไม่
ถ้าแถวนั้นมีตึกร้างเยอะก็ไม่น่าสนใจ เพราะดูไม่ปลอดภัย ฮวงจุ้ยดีไหม
เป็นทางสามแพร่งหรือไม่ ถ้าอยู่ในซอย
ทางเข้าเปลี่ยวไหม บ้านมีคนอยู่หรือไม่ ใครอยู่ ผู้เช่าหรือเจ้าของบ้านอาศัยอยู่เอง
ถ้าเป็นบ้านที่คนเช่าอาศัยอยู่ เมื่อเราซื้อได้แล้ว จะขอให้ออกจากบ้านก็ง่าย
แต่ถ้าเป็นเจ้าของบ้านอยู่เอง มักมีปัญหายุ่งยาก อาจจะต้องฟ้องขับไล่กันอีก อย่างผมซื้อขายบ้านมาสิบกว่าปี
มีบ้าน 3-4 หลังที่ต้องฟ้องขับไล่ เพราะเจ้าของไม่ยอมย้ายออกจากบ้าน ทั้งๆที่ผมยื่นข้อเสนอที่ดีให้แก่เขา
ยกตัวอย่างเช่นการให้อยู่ฟรีเป็นเวลา 3 ถึง 4 เดือน หรือช่วยค่าขนย้ายและค่าเช่าที่อยู่ใหม่
ก็ยังไม่ยอมย้ายออก กฎหมายไทยก็เอื้ออำนวยให้เจ้าของเดิมสามารถดื้อแพ่ง ไม่ยอมย้ายออกโดยง่าย ทั้งทั้งที่ผู้ประมูลได้
ได้ชำระราคาค่าทรัพย์สินนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปครอบครองหรือใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินนั้นๆไลน์ค้างต้องฟ้องขับไล่ซึ่งถ้าเจอเจ้าของบ้านคนเก่าที่หัวหมอ
อาจจะต้องฟ้องกันถึง 3 ศาล ใช้เวลาต่อสู้คดีกันนานถึง 2-3 ปี ยิ่งถ้าท่านไม่ได้มีเงินมากมายถ้าเจอเคสแบบนี้
ก็อาจจะทำให้ไม่มีเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นอีกได้อีก
สมัยตอนที่ประมูลเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ตอนนั้นนับว่าเป็นช่วง blue ocean เพราะมีผู้เข้าประมูลไม่มากนัก
ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์มือสองผ่านการประมูลทรัพย์ของกรมบังคับคดีดีมาก
ในเวลาต่อมาจึงมีผู้เข้ามาประมูลแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ในภาวะปัจจุบันต้องถือว่าเป็นช่วง
red ocean แล้ว
ผลตอบแทนที่คาดหวังได้ในปัจจุบันจึงไม่สูงนัก
สมัยก่อนผู้ที่จะประมูลซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี
ไม่ว่ามูลค่าทรัพย์เท่าไรต้องวางมัดจำทรัพย์สินแห่งละ 50,000 บาท
ปรากฏว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มที่รวมตัวกัน แล้วประมูลแข่งกับคนอื่น สู้ทุกราคา
สมมุติว่ากลุ่มนี้ประมูลซื้อบ้านได้ 10 หลัง รวมแล้วเท่ากับต้องเสียค่ามัดจำ 500,000 บาท เขามีเวลา 3 เดือนครึ่ง
(ปกติจะต้องไปชำระเงินให้กรมบังคับคดีภายใน 15 วัน
แต่สามารถขอผ่อนผันขยายเวลาได้อีก 3 เดือน) จึงจะไปจ่ายเงินให้กรมบังคับคดี
กลุ่มนี้คิดว่าถ้าเขาขายบ้านได้ 3 หลัง ต้องทิ้งมัดจำอีก 7 หลังซึ่งเท่ากับ 350,000
บาท แต่ก็ยังคุ้ม เพราะบางครั้งขายบ้านหลังหนึ่ง ได้กำไรมากกว่า 350,000 บาทแล้ว
เมื่อรวมกำไรที่ได้จากการซื้อขายหักลบกลบหนี้แล้วก็ยังได้กำไร
การมีกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาทำให้ผมประมูลได้ยากขึ้น
ซื้ออสังหาริมทรัพย์อะไรไม่ได้เลย เพราะเขาสู้ทุกราคา ขณะที่ผู้ซื้อเพื่อไว้อยู่เอง
เขาจะให้ราคาสูงเกือบใกล้เคียงหรือเท่ากับตลาด ส่วนตัวผมเองจะประมูลในราคาที่ต่ำกว่าตลาดประมาณ
30 เปอร์เซ็นต์ เผื่อค่าใช้จ่ายต่างๆ และกำไร
ตามปกติการประมูลจะเริ่มต้นที่ราคาประเมินอ้างอิง
หากไม่มีผู้เข้าสู้ราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจะปรับลดราคาเริ่มต้นลงร้อยละ 10
ของราคาดังกล่าวสำหรับการขายแต่ละครั้ง แต่ราคาเริ่มต้นจะไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของราคาประเมินอ้างอิง
ในปัจจุบัน กรมบังคับคดีเปลี่ยนวิธีวางเงินมัดจำหรือการวางหลักประกันใหม่
โดยทรัพย์สินที่นำมาประมูลที่
1)
ราคาต่ำกว่า
500,000 บาท ต้องวางหลักประกัน* ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของราคาประเมิน
2)
ราคา
500,000 บาท – 1 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน
50,000 บาท
3)
ราคา
1 – 5 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน 250,000 บาท
4)
ราคา
5 – 10 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน 500,000 บาท
5)
ราคา
10 – 20 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน 1 ล้านบาท
6)
ราคา
20 – 50 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน 2.5 ล้านบาท
7)
ราคา
50 – 100 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน 5 ล้านบาท
8)
ราคา
100 – 200 ล้านบาท ต้องวางหลักประกัน 10
ล้านบาท
9)
มากกว่า
200 ล้านบาท ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเสนออธิบดีหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้พิจารณากำหนด
*หมายเหตุ : หลักประกันต้องเป็นเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย
“สำนักงานบังคับคดีกรุงเทพมหานคร” หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารโดยไม่มีเงื่อนไข
วิธีวางเงินมัดจำดังกล่าวข้างต้น
ทำให้กลุ่มคนที่เคยใช้วิธีรวมกันสู้ทุกราคาต้องคิดหนัก เพราะยิ่งราคาทรัพย์สินมากก็ยิ่งเสี่ยงมาก
กรมบังคับคดีต้องการกำราบกลุ่มคนเหล่านี้ที่ทำให้ระบบการประมูลเสียหาย
เพราะเมื่อเขาทิ้งมัดจำ ทรัพย์สินเหล่านี้กว่าจะหมุนเข้ามาประมูลใหม่ต้องใช้เวลาอีก
6 เดือน เนื่องจากมีทรัพย์สินอื่น ๆ รอคิวอยู่มากมาย ทำให้ทรัพย์สินที่ตกค้างไม่สามารถขายทอดตลาดได้เป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันกรมบังคับคดีเริ่มมีการทำแบล็กลิสต์กลุ่มคนที่ทิ้งเงินมัดจำ
ไม่ให้เข้าประมูลได้อีก
การประมูลทรัพย์ของกรมบังคับคดี
ทรัพย์ที่นำมาประมูล มีความหลากหลาย มีทั้งที่ดินเปล่า บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์
อาคารพาณิชย์ และ condominium มีทั้งที่อยู่ในสภาพที่พอใช้ได้
จนถึงสภาพที่ย่ำแย่ เพราะส่วนใหญ่เจ้าของบ้านเดิม จะไม่ค่อยยอมซ่อมแซม
เพราะคิดว่าในที่สุดก็จะต้องโดนยึดไป เทคนิคในการเลือกที่จะประมูลทรัพย์แต่ละประเภทก็แตกต่างกัน
กรณีที่เป็นอาคารพาณิชย์ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือ ทำเล ต้องดูว่าทำเล
ของตึกแถวนั้นทำการค้าได้หรือไม่
เพราะถ้าทำการค้าขายได้ จะขายได้ราคาสูงกว่าปกติ ตึกบางแห่งขนาดพื้นที่เล็กนิดเดียวแต่ขาย
15 ล้าน ขณะที่ตึกละแวกเดียวกันอยู่ลึกเข้าไปแค่ 200 เมตร ราคาอาจเหลือแค่ 5-7
ล้าน เพราะค้าขายไม่ได้ อย่างไรก็ดี การลงทุนในตึกแถวที่มีทำเลการค้าอาจมีความเสี่ยงตรงที่ว่า
ถ้าทำเลการค้าเปลี่ยน เช่น ย้ายป้ายรถเมล์ หรือเส้นทางเดินรถเปลี่ยน
หรือมีทางยกระดับผ่านหน้าตึก ฯลฯ จะทำให้ราคาตึกแถวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้เช่นกัน ปัจจัยถัดมา
ก็คือเรื่องราคา สำหรับท่านที่ไม่ค่อยทราบเรื่องราคาที่เหมาะสม
ของอสังหาแต่ละชิ้นว่าควรจะมีราคาเท่าไหร่ การตรวจสอบราคาจากการประกาศขายของอสังหา
ในละแวกเดียวกัน หรือการตรวจสอบราคาจากเว็บไซต์ที่มีผู้ประกาศขายอสังหาอยู่มากๆ
ก็เป็นวิธีที่ดี ทั้งยังเป็นการตรวจสอบว่า มีอสังหา ประกาศขายในย่านนั้น มากหรือน้อยเพียงใด
ยิ่งถ้ามีประกาศขายมาก
แสดงว่าอสังหาในย่านนั้นมีซัพพลายล้นตลาดทำให้ความน่าสนใจน้อยลง บทความนี้เน้นเรื่องการซื้ออสังหามือสอง บทความหน้าจะมาพูดเรื่องการซื้ออสังหามือแรกกันครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
5/5/60
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
4.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
4.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
อัลทีจูด ดีไฟน์(Altitude Define) 3 ยูนิตราคาพิเศษ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน เพียง 200 เมตร
และ 600 เมตร จาก BTS สถานีศาลาแดง ถนนสี่พระยา
แขวงสี่พระยา เขตบางรัก
ห้องที่จะขายดาวน์
1.ห้อง 409 ชั้น 4 ประเภทห้อง B2 : 2 นอน 1
น้ำ ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ พื้นที่ใช้สอย: 43.5 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 7,200,000
บาท
2.ห้อง 708
ชั้น 7 ประเภทห้อง A1 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 28.4 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ไม่โดนบล็อควิว เป็นซิตี้วิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 4,900,000 บาท
3.ห้อง 803
ชั้น 8 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 35.5 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้
ไม่โดนบล็อควิว เป็นซิตี้วิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 6,200,000 บาท
- อาคารชุด 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน ลึก 3 ระดับ 59 ห้องชุด บนที่ดิน 218 ตารางวา
- พื้นที่ใช้สอย 28.4 – 48.3 ตร.ม.
พื้นที่ส่วนกลาง : สระว่ายน้ำ
สวนสาธารณะ ห้องสมุด ซาวน่า และ สปอร์ตคลับ / ฟิตเนส
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
|
1.
จามจุรีสแควร์ 250 เมตร
2. รร.เตรียมอุดมศึกษา 600 เมตร 3. รร.สาธิตจุฬา 600 เมตร 4. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 300 เมตร 5. ย่านธุรกิจสีลม 450 เมตร 6. สวนลุมพินี 600 เมตร |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 9 ยูนิต
ที่จอดรถ
59
คัน คิดเป็น 100 %
คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กุมภาพันธ์ 2560
สิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ
+ Jacuzzi
+ Pool Lounge
- ห้องออกกำลังกาย
+ Sauna
- Double Volume Lobby
- Sky Deck
- Roof Garden
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว
·
จอดรถ
59
คัน คิดเป็น 100 %
- ระบบ CCTV / Access
Card
รายการวัสดุ
- พื้น Engineering Wood
- กลอนประตู Digital Door Lock High Security Lock
- Kitchen Counter
- Built-in Closet
- พื้น Engineering Wood
- กลอนประตู Digital Door Lock High Security Lock
- Kitchen Counter
- Built-in Closet
-Loose Furniture Set
- Double Glass Window (front side only)
- ระบบห้องน้ำ Automation จาก American Standard
- ระบบน้ำร้อน Heat Water System
- เครื่องปรับอากาศ Daikin หรือเทียบเท่า
- อุปกรณ์ไฟฟ้าจาก Siemen ระบบ LED Lighting ทั้งอาคาร รวมถึงการติดตั้งแผง Solar Cell บนดาดฟ้า
- ผนังห้อง Wallpaper พร้อม Wall Decoration
ดู VDO ที่ https://youtu.be/71DIiM0m4tM
- Double Glass Window (front side only)
- ระบบห้องน้ำ Automation จาก American Standard
- ระบบน้ำร้อน Heat Water System
- เครื่องปรับอากาศ Daikin หรือเทียบเท่า
- อุปกรณ์ไฟฟ้าจาก Siemen ระบบ LED Lighting ทั้งอาคาร รวมถึงการติดตั้งแผง Solar Cell บนดาดฟ้า
- ผนังห้อง Wallpaper พร้อม Wall Decoration
ดู VDO ที่ https://youtu.be/71DIiM0m4tM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น