จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การออมและให้เงินทำงานตอนที่ 2

          ท่านที่มีหนี้อยู่ไม่ว่าจะเป็นหนี้ในหรือนอกระบบ ที่เกิดจากการบริโภคไม่นับหนี้จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ท่านควรจะรีบชำระหนี้ให้หมดเร็วที่สุด เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยจากสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค จะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากยิ่งถ้าเป็นหนี้นอกระบบ เจอเจ้าหนี้โหดหน่อย อาจจะเจอดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือนและหักดอกเบี้ยออกก่อน ซึ่งก็เท่ากับว่าภาระดอกเบี้ยของท่านมากกว่าร้อยละ 3 เสียอีกอยากให้ท่านที่เป็นหนี้เหล่านี้ยึดพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียง เพื่อจะไม่ต้องก่อหนี้ประเภทนี้อีก หลักจากเคลียร์หนี้หมดแล้ว ท่านควรจะเริ่มออมเป็นเรื่องเป็นราว ผมทำ Excel เปรียบเทียบเป็น 2 รูปแบบ คือ
          1)  ออมปีละ 100,000 บาท เป็นเวลา 30 ปี
          2)  ออมปีที่ 1 – ปีที่ 5 ปีละ 100,000 บาท หลังจากนั้นทุก 5 ปี เพิ่มครั้งละ 50,000 บาท พอถึงช่วงปีที่ 25- ปีที่ 30 เงินออมตกปีละ 350,000 บาท
          สาเหตุที่ผมเริ่มจาก 100,000 บาท/ปี เนื่องจากปัจจุบันค่าแรงจบปริญญาตรีขั้นต่ำ เงินเดือนเท่ากับ 15,000 บาท ทำงานสัก 2-3 ปี เงินเดือนได้รับการปรับขึ้นเป็น 20,000 บาท หรือถ้าท่านจบบางคณะ ท่านอาจจะเริ่มต้นเงินเดือนที่ 20,000 บาท โดยผมประเมินค่าใช้จ่ายรายเดือนไว้ที่ประมาณ 12,000 บาท โดยมีที่มาจากรายการต่อไปนี้
          1)  ค่าเช่าหอพักหรืออพาร์ทเมนต์ + ค่าไฟฟ้า + ค่าน้ำ เดือนละ 3,500 บาท ถ้าสามารถหาเพื่อนมาร่วมแชร์ห้องพักได้ก็จะยิ่งประหยัดเงินส่วนนี้ ลงได้อีก และที่พักอาศัยควรจะเลือกหาที่ใกล้กับที่ทำงานมากที่สุด เพื่อที่ท่านจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง
          2)  ค่าเดินทาง (ไป-กลับ) 1,200 บาท ซึ่งตัวเลขนี้มาจากค่ารถเมล์หรือรถไฟฟ้าผมตีให้ที่ 23 บาท/เที่ยว วันหนึ่ง 2 เที่ยว (ไป/กลับ) 1 เดือนมี 22 วันทำการ ส่วนอีก 8 วันที่เป็นวันหยุดกันเป็นค่าโดยสาร 10 บาท/เที่ยว หรือ 20 บาท/ วัน นั่นคือ (23 บาท X 2 เที่ยว X 22 วัน) + (20 บาท X 8 วัน) = 1,172 บาท ปัดเป็นตัวเลขกลมๆ ที่ 1,200 บาท
          3)  ค่าอาหาร + น้ำดื่ม 3 มื้อ 4,500 บาท โดยคิดเป็นมื้อละ 50 บาท (50 บาท X 3 มื้อ X 30 วัน)
          4)  ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2,800 บาท
          รวมค่าใช้จ่าย / เดือน 12,000 บาท
          สำหรับท่านที่มีรายได้/เดือน 20,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย 12,000 บาทก็จะมีเงินเหลือไว้ออม 8,000 บาท/เดือน 1 ปีมี 12 เดือน ดังนั้นจะมีเงินออม 96,000 บาท/ปี ผมขออนุญาตปัดขึ้นเป็น 100,000 บาท/ปี ถ้าท่านทำบัญชีค่าใช้จ่ายและควบคุมให้ดีและมีวินัย ท่านก็จะมีความสุขสบายในอนาคต  ยิ่งถ้าท่านยังอาศัยอยู่กับที่บ้าน ท่านยิ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายรายการที่ 1 ไปได้เลยส่วนรายการที่ 3 ที่เป็นค่าอาหารท่านอาจจะฝากท้องมื้อเช้ากับมื้อเย็นไว้ที่บ้าน ท่านก็จะมีค่าใช้จ่ายแค่มื้อเที่ยง ส่วนรายการที่ 4 ท่านก็ประหยัดลงได้อีก เนื่องจากค่าใช้จ่ายจิปาถะทางบ้านเป็นคนจัดหาให้นั่นหมายถึงท่านควรจะมีค่าใช้จ่าย/เดือน เพียงค่าเดินทาง 1,200 บาท + ค่าอาหารกลางวัน 1,500 บาท (เฉพาะมื้อเที่ยง 50X30) + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2,300 บาท รวมแล้วเพียง 5,000 บาท นั่นหมายถึงท่านมีเงินเหลือที่จะออมได้ถึง 15,000 บาท/เดือน กรณีที่ท่านมีเงินเดือน 20,000 บาท
          หลักจากนั้นก็เป็นเรื่องราวจัดการกับเงินออมว่าควรจะทำอย่างไร ถ้าท่านรู้จักให้เงินออมทำงาน นั่นก็หมายความว่าเมื่อเวลาผ่านไปยิ่งนาน ตัวเลขความแตกต่างระหว่างการรู้จักบริหารจัดการและเรียนรู้เรื่องการลงทุนที่ทำให้ผลตอบแทนตากเงินออมอยู่ในอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับการฝากเงินธนาคารซึ่งปัจจุบันให้ดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่ต่ำมากๆ ประมาณ 3%/ปี และยังต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากอีก 15% ในขณะที่การซื้อกองทุน LTF & RMF ท่านสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามฐานภาษีของท่านสำหรับท่านที่เพิ่งทำงานมา 2-3 ปี อายุยังน้อยผิดพลาดไปยังแก้ตัวได้ใหม่ ผมแนะนำให้ซื้อกองทุนประเภทตราสารทุน 100% ซึ่งในระยะยาวกองทุนประเภทนี้จะได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยร่วม 10% ลองดูจากตาราง Excel จะเห็นว่าถ้าท่านไม่พยามยามเรียนรู้เรื่องการให้เงินทำงาน โดยฝากธนาคารอย่างเดียว สมมติฐานของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ 3% และไม่มีการถอนออกในกรณีที่ 1 คือออมปีละ 100,000 บาท พอครบ 30 ปี ท่านจะมีเงินออม 4,900,268 บาท ถ้าท่านเลือกกองทุนในกองทุนที่มีผลประกอบการดีได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ปี เมื่อครบ 30 ปี ท่านจะมีเงินออม 18,094,342 บาท และถ้าท่านเรียนรู้เรื่องการลงทุนและสามารถสร้างผลตอบได้ถึง 15%/ปี เมื่อครบ 30 ปี ท่านจะมีเงินออมถึง 49,995,692 คิดเป็น 9.2 เท่าของการฝากเงินทั้งที่ผลตอบแทน/ปี มากกว่ากันเพียง 5 เท่า นี่คือมหัศจรรย์ของผลตอบแทนทบต้น ในกรณีที่ 2 คือออมปีที่ 1-5 ปีละ 100,000 บาท แล้วเพิ่มทุก 5 ปี ครั้งละ 50,000 บาท ถ้าท่านฝากเงินกับธนาคาร เมื่อครบ 30 ปี ท่านจะมีเงินออม 9,983,399 บาท ถ้าลงทุนในกองทุนรวม แล้วได้ผลตอบแทน 10% ท่านจะมีเงิน 29, 613, 381 เมื่อครบ 30 ปี หรือถ้าสามารถลงทุนเองได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยถึง 15% เมื่อครบ 30 ปี ท่านจะมีเงินออมถึง 72,412,821 บาท

          เห็นอย่างนี้แล้วท่านจะเริ่มออมเงินและให้เงินของท่านทำงานกันหรือยังครับก่อนจบบทความนี้ ขอเตือนนักลงทุนอย่าเพิ่งรีบร้อนช้อนหุ้นนะครับ เดือนสิงหาคมหุ้นน่าจะมีการตกอีกรอบ และผมมั่นใจว่าเราน่าจะได้เห็น SET INDEX ที่ต่ำกว่า 1,400 จุดอีกรอบครับ

หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ 
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk 
Youtube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Blog :  http://kitichai1.blogspot.com

หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
     

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ขายดาวน์คอนโดสุขุมวิทลีฟวิ่งทาวน์ อโศก เดิน 2 นาที จากรถไฟใต้ดินเพชรบุรี, 8 นาทีจากสถานีแอร์พอร์ตลิ้ง และ 1 นาทีจากท่าเรือเพชรบุรี ราคาต่ำกว่าโครงการสุด ๆ

          โครงการ มี 36ชั้น 453 ยูนิต ที่จอดรถ 540 คัน   มี สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องล็อคเกอร์ ซาวน่า สตีม แยกชายหญิง
1. ห้องเลขที่ 299/40(502) ชั้น 5 แบบห้องเอ เนื้อที่ 60 ตารางเมตร ราคา 4,800,000 บาท มี   1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  1ห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์บางส่วน พร้อมเครื่องปรับอากาศ  2 เครื่อง รวมทั้งที่จอดรถ 1 คัน ห้องหันทิศเหนือ ให้เช่าห้อง 22,000 บาท/เดือน พร้อมเข้าพักอาศัย

ดู VDO ที่ผมถ่ายภายในห้อง ที่ http://youtu.be/MejmuRp3pGQ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น