บัตรเครดิต
โหดได้อีก! (ตอนที่ 1)
มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เพิ่งประกาศออกมาล่าสุด เกี่ยวกับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ได้แสดงเห็นว่าท่านผู้ว่าธปท.
มีความห่วงใยและใส่ใจผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี โดยมาตรการใหม่มีรายละเอียดดังนี้
มาตรการสินเชื่อบัตรเครดิตใหม่
ได้กำหนดวงเงินแก่ผู้ขอมีบัตร ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ตามรายได้ต่อเดือน
โดย
1. ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ให้ได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้
2. ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 ถึง 50,000 บาท วงเงินไม่เกิน 3 เท่า
3. ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป วงเงินไม่เกิน5 เท่า
และได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือ
18% จาก 20% ให้สอดคล้องกับภาวะต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงในปัจจุบัน
ส่วนมาตรการด้านสินเชื่อส่วนบุคคล
ก็ได้ปรับวงเงินสินเชื่อให้เหมาะสม กับความสามารถในการชำระหนี้ตามรายได้ต่อเดือนเช่นกัน
โดย
1. ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท
ให้ได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ และ
ให้ได้รับวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลจากผู้ประกอบธุรกิจ
สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับไม่เกิน 3 ราย
2. ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป
กำหนดวงเงินไม่เกิน 5 เท่า
แต่ไม่จำกัดจำนวนผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ที่จะให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคแต่ละราย
ส่วนเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับจะเรียกเก็บได้ยังคงไว้เท่าเดิม
เพื่อที่จะสามารถให้บริการสินเชื่อแก่ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้
แต่ทางธปท.ยังใจดี เปิดช่องให้ผู้บริโภคมีช่องทางในการเข้าถึงสินเชื่อ
ในกรณีที่มีเหตุการณ์จำเป็นฉุกเฉินที่สำคัญต่อการดำรงชีพ
โดยให้ผู้ประกอบการสามารถให้วงเงินชั่วคราว และ
ให้กำหนดการจ่ายชำระคืนตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างเหมาะสม
โดยให้มีผลใช้บังคับกับผู้ขอมีบัตรเครดิต หรือ
ผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 60 เป็นต้นไป ส่วนเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต ก็ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่
1 ก.ย. 60 เช่นกัน
โดยจะมีผลใช้บังคับกับผู้มีบัตรเครดิตทั้งรายเดิม และรายใหม่
ในส่วนตัว ผมเห็นด้วยและสนับสนุนมาตรการของธปท.ที่เพิ่งออกมาใหม่
แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทางธปท. ได้ละเลย ซึ่งส่วนนี้ผมคิดว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากอีกส่วนหนึ่ง
เพราะผู้บริโภคโดนเอารัดเอาเปรียบมากจนเกินไป ถูกจับมัดมือชกเซ็นสัญญาทาส กับธุรกิจผู้ออกบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมาตลอด
นั่นคือวิธีการนับจำนวนวันในการคำนวณดอกเบี้ยที่ลูกค้าจะต้องจ่าย
ปกติผมจะชำระเต็มจำนวน ไม่ใช้วิธีผ่อนชำระ 10% เด็ดขาด
ยกเว้นแต่ว่ามีโปรโมชั่นผ่อนฟรี 0% ผมจึงจะยอมผ่อนชำระ
เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตสูงมาก
และผมก็ใช้วิธีหักบัญชีจากบัญชีออมทรัพย์ ผมขอยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองสดๆร้อนๆ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมมีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็นจำนวนเงิน
98,895.86 บาท ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดวันชำระ
เงินในบัญชีผมมีน้อยกว่าจำนวนเงินที่จะต้องชำระอยู่ประมาณ 1,272.13 บาท ซึ่งวันรุ่งขึ้น ผมก็รีบนำเงินไปเข้าบัญชี
ให้เพียงพอที่ทางศูนย์บัตรเครดิตจะมาตัดบัญชี
ด้วยความเข้าใจผิดว่าทางศูนย์บัตร เมื่อตัดเงินวันแรกได้ไม่ครบ
จะมาตัดเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของผมในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าทางศูนย์บัตรไม่ได้มาตัดบัญชีผมในวันดังกล่าว
พอผ่านไปอีก 2 วัน
ผมจึงโทรไปที่ call
center ของศูนย์บัตรเครดิตดังกล่าว เพื่อถามว่าทำไมทางศูนย์บัตรไม่มาตัดบัญชีของผมในวันถัดมา
จึงได้รับการอธิบายว่า ปกติทางศูนย์บัตรเครดิตจะตัดบัญชีเพียงครั้งเดียว ผมจึงรีบแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่
ว่าขอความกรุณาอย่าคิดดอกเบี้ยและค่าปรับในกรณีชำระล่าช้า เพราะรู้ซึ้งถึงความโหดของผู้ออกบัตรบัตรเครดิต
ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ทราบว่า จะดำเนินการขอยกเว้นให้ แต่จะได้หรือไม่ได้ จะแจ้งมาให้ผมทราบภายใน
4 วันทำการ
ซึ่งต่อมาผมก็ได้รับแจ้งว่า ได้รับการยกเว้นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆ แต่พอ statement ของเดือนถัดมา
ปรากฏว่าได้มีการแสดงถึงรายการดอกเบี้ยและค่าปรับดังกล่าวเป็นจำนวนเงินถึง 1,545.96 บาท จากมูลหนี้เพียง 1,272.13 บาท โดยมีเวลาค้างชำระเพียง 4 วัน
ถ้านำมาคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม จะเท่ากับ 7,508.72 เปอร์เซ็นต์ นี่มันปล้นกันชัดๆเลยนะครับ จึงไม่แปลกใจเลยว่า
ทำไมกำไรของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
ของกลุ่มแบงค์และกลุ่มนันแบงค์
ถึงได้เติบโตมากมายขึ้นทุกปี
เนื้อที่หมดแล้ว เรามาดูวิธีการคิดดอกเบี้ยของธุรกิจบัตรเครดิต แล้วจะทราบว่ามันโหดเพียงไหน ในบทความหน้ากันนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
24/8/60
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
นอตติ้ง ฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง 93 (Notting Hill The Exclusive CharoenKrung 93) 3 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ
ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากเอเชียทีคเพียง 140 เมตร
ห้องที่จะขายดาวน์
1.ห้อง
403 ชั้น 4 ประเภทห้อง B2 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 27 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ วิวสระว่ายน้ำ
เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 2,700,000 บาท
2.ห้อง
410 ชั้น 4 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 32 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่โดนบล็อควิว
เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 3,200,000 บาท
3.ห้อง
810 ชั้น 8 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 32 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่โดนบล็อควิว
เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 3,300,000 บาท
เส้นทางที่สามารถเข้าออกได้จากตัวโครงการ
-เจริญกรุง-เยาวราช
-เจริญราษฏร์-สาทร
-เจริญราษฏร์-พระราม 3
-รัชดาภิเษก-ท่าพระ
-เจริญราษฏร์-สาทร
-เจริญราษฏร์-พระราม 3
-รัชดาภิเษก-ท่าพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น