จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

ธุรกิจท่องเที่ยวในไทยยังจะดีต่อเนื่อง, 10/4/13


ธุรกิจท่องเที่ยวในไทยยังจะดีต่อเนื่อง

          ผมเพิ่งไปพักร้อนที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง ริมชายหาดท้องนายปานน้อย เกาะพงัน ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นชายหาดที่สวยงามมากหาดหนึ่งบนเกาะพงัน ผมเดินทางโดยรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่ง เป็นนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเกือบครึ่ง โดยรถทัวร์นี้ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ประมาณ 20.15 น. โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเศษๆ ไปจอดแวะที่ทับสะแก เพิ่งทานอาหารเย็น (?) ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปทานอาหารเย็น (?) ที่นั่นแทนที่จะจอดแวะร้านอาหารที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ จะได้ทานมื้อเย็นจริงๆ ไม่ดึกเกินไป พอหลังจากทานอาหารเสร็จขึ้นรถ ผู้โดยสารจะได้เตรียมตัวนอนหลับพักผ่อนได้ต่อเนื่อง แทนที่จะหลับตั้งแต่ขึ้นรถแล้วไปตื่นตอน 00.30น. เพื่อทานอาหารแล้วนอนต่อ ค่าอาหารทางบริษัททัวร์น่าจะพอหาร้านอาหารใกล้กรุงเทพในราคาค่าใช้จ่ายที่ใกล้เคียงกันได้นะครับ หลังจากทานอาหารเสร็จก็หลับยาวไปตื่นนอนเวลา 07.00 น. ที่ท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎร์ เพื่อลงจากรถไปขึ้นเรือเพื่อไปลงที่ท่าท้องศาลา เกาะพงัน โดยใช้เวลาบนเรือประมาณ 2 ชั่วโมง พอถึงฝั่งต้องจ้างรถสองแถวในราคา 900 บาท/จากราคาที่บอกมาทีแรก 1,500 บาทสำหรับการเดินทางเพียง 45 นาที สำหรับผู้โดยสารเพียง 2 คน ดูเป็นการค้ากำไรเกินควรจริงๆ จากประสบการณ์เมืองท่องเที่ยวโดยเฉพาะทางทะเล  เช่น ภูเก็ต  สมุย พงัน ฯลฯ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จะแพงกว่าปกติ โรงแรมที่ผมเข้าพักเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว มีพนักงานโรงแรมที่เป็นคนต่างชาติค่อนข้างมาก ผมประมาณว่ามีถึง 30% ซึ่งทั้งหมดมาจากคน ASEAN ซึ่งมีทั้งมาจากฟิลิปปินส์ กัมพูชา พม่า ลาว ส่วนแขกที่เข้าพัก 95% เป็นคนตะวันตก คนไทย 3% คนเอเชีย 2% ผมเชื่อว่า หลังปี 2558 น่าจะเห็นคน ASEAN เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น เพราะว่าประเทศไทยขาดแคลนแรงงานค่อนข้างมาก ธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยยังน่าสนใจ โดยดูได้จากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นทุกปี  ธุรกิจอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว  น่าจะมีผลประกอบการดีขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนส่งทางอากาศ  ซึ่งปัจจุบันมี 2 บริษัทสายการบินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดอีก 2 บริษัทคือ นกแอร์กับบางกอกแอร์เวย์ และสายการบินเล็กๆ ที่จะเปิดขึ้นมาใหม่อีก เพื่อนของผมที่ทำธุรกิจด้านอสังหาและที่ปรึกษาทางการเงิน  ก็กำลังจะเปิดบริษัทสายการบินเล็กๆ โดยจะเริ่มต้นจากเครื่องบิน 2 ลำ บินแบบ CHARTER FLIGHT ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่หอมหวล  จากปริมาณการเดินทางที่มากขึ้นของพลเมือง ASEAN ด้วยกัน ทำให้ธุรกิจการบินโดยเฉพาะ LOW COST AIRLINE น่าจะได้รับประโยชน์มาก  แต่หลังจากรถไฟความเร็วสูง (HIGH SPEED TRAIN) สร้างเสร็จ คาดว่าจะมีผู้โดยสารจำนวนมากโดยเฉพาะเส้นทางในประเทศ  จะเปลี่ยนจากการเดินทางโดยเครื่องบินมาเป็นรถไฟความเร็วสูงแทน  ถ้าพฤติกรรมของคนไทยเราเหมือนกับชาวญี่ปุ่นและยุโรป ลองคิดดูสิครับค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยเครื่องบิน  เริ่มต้นจากค่า TAXI จากบ้านไปถึงสนามบินต้นทางบวกกับค่าตั๋วเครื่องบิน  บวกกับค่า TAXI จากสนามบินปลายทางเพื่อเข้าไปในเมือง  เมื่อเทียบกับค่ารถ TAXI จากบ้านไปสถานีรถไฟต้นทาง  บวกกับค่าตั๋วรถไฟ บวกกับค่า TAXI ไปจุดหมายปลายทาง  ซึ่งโดยปกติสถานีรถไฟจะอยู่ในเมือง ขณะที่สนามบินจะอยู่นอกเมือง  ดังนั้นค่า TAXI จะต่างกัน เมื่อคำนวณเปรียบเทียบแล้วราคาสูสีกัน  ผมเชื่อว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ซึ่งรวมทั้งผมด้วย  คงจะเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง มาใช้รถไฟความเร็วสูงแทน เพราะว่าเวลาที่ใช้ในการเดินทาง ตั้งแต่ออกจากบ้านสนามบินต้นทาง (ก่อน FLIGHT อย่างน้อย 1 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางในประเทศและ 2 ชั่วโมง สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ) สนามบินปลายทาง จุดหมายปลายทาง  เมื่อเทียบกับเดินทางโดยรถไฟซึ่งนับตั้งแต่ออกจากบ้าน สถานีรถไฟต้นทาง (แต่ไปถึงก่อนรถไฟออก 5 นาที ก็ทันถมเถแล้ว) สถานีรถไฟปลายทาง  จุดหมายปลายทาง การที่สถานีรถไฟมักอยู่ในเมืองทำให้ใช้เวลาเดินทางสั้นกว่า  นอกจากนั้น  ผู้โดยสารยังได้เห็นว่าข้างทางขณะที่เครื่องบินไม่มีเสน่ห์แบบนี้  ดังนั้นช่วง 1 ปีก่อนที่ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงทั่วประเทศไทยจะสร้างเสร็จ  ผมแนะนำว่าควรจะลดการถือครองหุ้นกลุ่มนี้ลง
          ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่คึกคัก  ก็ยังมีธุรกิจท่าอากาศยาน ธุรกิจบริการน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับสายการบิน  ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร  ธุรกิจห้างสรรพสินค้า  ธุรกิจสปา โรงพยาบาล  ซึ่งธุรกิจเกือบทั้งหมดที่ผมกล่าวถึง  ก็ล้วนแล้วแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  โดยธุรกิจโรงแรมบางบริษัทก็ทำธุรกิจร้านอาหารด้วย  บางบริษัทก็ทำแต่ธุรกิจโรงแรม  โดยบางบริษัทเปิดโรงแรมโดยมีแบรนด์ของตัวเอง  และรับบริหารโรงแรมให้กับเจ้าของโรงแรมอื่นๆบางบริษัทไม่มีแบรนด์ของตัวเองแต่ใช้บริการ HOTEL CHAIN MANAGEMENT ของเครือข่ายโรงแรมสากล เข้ามาบริหารโรงแรมให้หลายๆ บริษัท นอกจากจะมีโรงแรมในประเทศแล้ว ยังขยายสาขาไปยังต่างประเทศทั้งสร้างเอง บริหารเอง หรือจ้าง เช่น โรงแรมใหญ่ๆ เข้ามาบริหารให้หรือเข้าไปบริหารโรงแรมในต่างประเทศก็มี ยิ่งไปกว่านั้นยังไปเทคโอเวอร์ HOTEL CHAIN เมืองนอก ก็มีเหมือนกัน ส่วนธุรกิจร้านอาหาร นอกจากสร้างแบรนด์ของตัวเองแล้ว ยังมีการนำเข้า FRANCHE ร้านอาหารชื่อดังจากเมืองนอกโดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากของผู้บริโภคชาวไทย
          ส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้า  เราเริ่มเห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วในต่างจังหวัด  ปัจจุบันจังหวัดใหญ่ๆ ล้วนมีห้างสรรพสินค้าจากกรุงเทพไปเปิดเกือบหมด ยิ่งไปกว่านั้นบางจังหวัดมีห้างสรรพสินค้าหลายๆ ห้างเสียด้วย  จาก URBANIZATION ที่ผมเขียนถึงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน สิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเห็นนั่นคือการไปเทคโอเวอร์ห้างสรรพสินค้าในอิตาลีและเดนมาร์คของเครือเซ็นทรัล ยังต้องตัดใจขายหุ้นส่วนใหญ่ใน BIGC ให้ CASINO จากฝรั่งเศส และขายหุ้นส่วนใหญ่ใน TOPS SUPERMARKET ให้กับต่างชาติ และขายหุ้นให้ CARREFOUR ให้กับ CARREFOUR ฝรั่งเศส แต่หลังจากเศราฐกิจไทยฟื้นตัวเครือเซ็นทรัลก็ได้ซื้อ TOPS SUPERMARKET กลับมา  ดูแล้วเหมือนกับคำพังเพยว่า สมบัติผลัดกันชม จริงๆ ทางด้านธุรกิจสปาจากการไปใช้บริการค่อนข้างบ่อย ผมเริ่มสังเกตว่ามีคนต่างชาติโดยเฉพาะเขมรและลาวเข้ามาเป็น THERAPIST มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งฝีมือนวดของคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ด้อยเมื่อเทียบกับ THERAPIST คนไทยเลย สมัยก่อนเห็นแต่สปาไทยไปเปิดให้บริการที่ต่างประเทศ แต่ปัจจุบัน SBA จากประเทศจีนเข้ามาเปิดให้บริการในไทย  และกำลังจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้  ส่วนธุรกิจโรงพยาบาล  น่าชื่นใจนะครับ  เรามี HOSPITAL CHAIN ที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ในเอเชียแปซิฟิค เรามีหลายโรงพยาบาลที่ได้รับ JCIA แสดงถึงความเป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ  และบางโรงพยาบาลก็ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลกเลยทีเดียว
          อย่างไรก็ตามแม้ธุรกิจทั้งหมดที่กล่าวมาดูมีแนวโน้มที่ดี  แต่การที่จะตัดสินใจเข้าลงทุน ควรจะเปรียบเทียบดูมูลค่ากิจการว่า ณ ราคาปัจจุบันมีความน่าสนใจในการลงทุนมากน้อยเพียงไหน บางครั้งหุ้นที่ดีแต่แพงก็ไม่ใช่หุ้นที่น่าลงทุนเสมอไปนะครับ

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10
 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน

                            กิติชัย เตชะงามเลิศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น