ตลาดน่าจะลงไปต่ำกว่า
1,500
จุดอีกรอบ
หลังจากตลาดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,601.30
ณ 19 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วปรับตัวลงไปตามคาดทำจุดต่ำสุดที่ 1,465.38
ณ 22 มีนาคมลงไป 135.72 จุด และตลาดก็ปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆ
ซึ่งช่วงที่ปรับตัวลงมาเป็นการลงที่แรงและเร็ว
เปรียบเสมือนกับการอัดลูกบอลลงพื้นด้วยความแรง การเด้งของลูกบอลซึ่งเป็น Reaction ที่แรงเช่นกัน โดยเด้งกลับมาที่ 1,589.21 ณ วันที่ 27
มีนาคมที่ผ่านมา
ปรับตัวขึ้นมา 103.83 จุด
ซึ่งเป็นการดีดกลับที่มากทีเดียว
โดยใช้เวลาดีดกลับเพียง 3 วันทำการ พอมาถึงจุดนี้แล้ว ท่านผู้อ่านคงอยากจะทราบแล้วสิครับว่า ตลาดจะมีทิศทางใดในช่วงนี้ ผมคิดว่าตลาดน่าจะมีการปรับตัวลงอีกรอบหนึ่ง โดยน่าจะลงไปต่ำว่า 1,500 จุดอีกรอบ
โดยตลาดจะทำจุดต่ำที่สุดที่ต่ำกว่า 1,415.58 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ประการ ดังต่อไปนี้ครับ
1) การตัดสินความผิดของท่านนายกยิ่งลักษณ์โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ปปช) เรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ กรณีการปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทให้บริษัทแอ็ดอินเด็กซ์
โดยทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช)
จะออกมาเคลื่อนไหวประท้วงครั้งใหญ่ถ้า ปปช ตัดสินว่าท่านนายกผิด
นอกจากการเคลื่อนไหวของ นปช แล้ว
ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้เตรียมการแล้วโดยให้คุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พตท.ทักษิณ
ชินวัตร ลงเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่เดือนเมษายนนี้ เผื่อกรณีท่านนายกปูหลุดจากตำแหน่ง
คุณเยาวภาคงจะเสียบแทน
2) การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถกกันในสภาต้นเมษายนนี้
ถึงแม้ฝ่ายรัฐบาลจะไม่รับเป็นเจ้าภาพ แต่อย่าลืมนะครับ ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านอยู่มากนะครับ
ถ้ามีการแก้ไขออกมาแล้วไม่ถูกใจประชาชนส่วนใหญ่ อาจจะมีการประท้วงวุ่นวายขึ้นได้
3) กรณีเขาพระวิหาร
ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาจนเกิดการปะกันเมื่อปี พ.ศ. 2552-2553
ในสมัยรัฐบาลของอดีตนายกอภิสิทธิ์
จนกัมพูชาได้นำความขัดแย้งนี้เข้าสู่ UN เพื่อตัดสิน
ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเดือนกันยายนปีนี้ ถ้าตัดสินให้เป็นของกัมพูชา
สถานการณ์ในประเทศคงจะมีการประท้วงวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นแน่
4) พรบ. 2.20 ล้านล้านบาท
ซึ่งคาดว่าจะผ่านรัฐสภาในเดือนกันยายนปีนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันถึงความเหมาะสมของพรบ.ฉบับนี้
ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากมายมหาศาลจริงๆ คาดว่าทางพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่ม 40
ส.ว. แต่งตั้งคงจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย
5) กฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยและมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
6) เทศกาล XD ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งจะมีหุ้นขึ้น เครื่องหมาย XD 175 บริษัท
ซึ่งหลัง XD จะส่งผลให้ตลาดตกลงประมาณ 14 จุด
7) ตลาดช่วงก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไรสูงมาก
จะเห็นหุ้นที่ติด Turn Over List ทุกสัปดาห์ๆ ละหลายตัว
บางสัปดาห์ร่วม 10 ตัว ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากภาะตลาดที่ดีเอื้ออำนวยให้มีการเก็งกำไรสร้างราคากอรปกับ
2 เดือนแรกของปีนี้
เรามีนักลงทุนหน้าใหม่ที่มาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 40,000 บัญชี และเม็ดเงินได้ไหลเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวเล็กนอกกลุ่ม SET 100 ปีที่แล้วมีเพียง 18% แต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์
และมีนาคม ปีนี้อยู่ที่ 24% , 28% และ 36% ตามลำดับ หุ้น P/E เกิน 100 เท่ามีถึง
22 ตัว ผมจึงไม่แปลกใจ ทำไมหุ้นหลายๆ
ตัวลงไปแตะฟลอร์หรือเกือบฟลอร์ ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม
ที่ผ่านมา อยากให้นักลงทุนจำไว้เป็นบทเรียนสอนใจในการลงทุนครั้งต่อไป
8) ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันซื้อขายที่ Forward
P/E และ P/BV ปี 2556 ที่
14.4 และ 2.4 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
และเมื่อเทียบกับภูมิภาคที่ 11.5 และ 1.40 เท่าตามลำดับ แต่ถ้าเทียบกับกลุ่ม TIP (ไทยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์)
ตลาดหุ้นไทยยังมากกว่า
9) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกันมา
10 เดือนแล้วตั้งแต่มิถุนายน 55 จนถึงมีนาคม
56 เมื่อดูตามสถิติโอกาสที่ตลาดจะปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 11
มีน้อยมาก จากข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี
2518 มีเพียง 2 ครั้ง
เท่านั้นที่ตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 เดือนติดต่อกันถึงเดือนสิงหาคม
2520 โดขขึ้น 11 เดือนติดต่อกัน
และธันวาคม 2532 โดยขึ้น 12 เดือนติดต่อกัน
10) ภาวะการแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ตลาดกังวลมากขึ้นกับเป้าการส่งออกของไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการประกาศยอดเติบโตของการส่งออกที่ลดลง 5.83% YOY ถึงแม้ว่ามกราคม 56 จะโตถึง 16.09% ซึ่งมาจากฐานการส่งออกที่ต่ำในเดือนมกราคม 55 ที่เราเพิ่งฟื้นไข้จากน้ำท่วม
คงต้องติดตามดูว่าทางรัฐบาลโดย รมต.คลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
จะมีนโยบายและมาตรการอะไรออกมา และวันที่ 3 เมษายนนี้ก็จะมีการประชุม
กนง. ผลการประชุมจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบื้ยหรือไม่
11) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในยุโรป
เริ่มจากไซปรัสเมื่อเร็วๆ นี้และการเมืองอิตาลีที่ยังยืดเยื้อ
ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยอิตาลีกำลังจะมีพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอน 47,500
ล้านบาทยูโร ถ้าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี
ของอิตาลีปรับตัวขึ้นถึง 5% อาจจะกระตุ้นให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงได้
12) เกาหลีเหนือประกาศสงครามกับเกาหลีใต้ถึงแม้ว่าเราจะชินชากับ
2 ประเทศนี้แล้ว
แต่ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคนปัจจุบันอายุอานามยังไม่มากถ้าเกิดตัดสินใจบ้าขึ้นมา
ตลาดหุ้นเอเชียคงได้ตกระนาวเลยทีเดียว
10 ปัจจัยแรกเป็นปัจจัยในประเทศ
ส่วน 2 ปัจจัยหลังเป็นปัจจัยต่างประเทศครับเก็บเงินไว้ในกระเป๋าก่อน
50 ตลาดหุ้นลงมาต่ำกว่า 1,500 จุด
ค่อยมาดูกันอีกทีนะครับ ว่าจะซื้อหรือไม่ และถ้าจะซื้อจะเลือกซื้ออะไรดี
กิติชัย เตชะงามเลิศ
ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ https://www.facebook.com/VI.Kitichai , http://twitter.com/value_talk , http://www.youtube.com/user/wittayu9 และ http://kitichai1.blogspot.com
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa ทุกเดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น