จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

ตลาดน่าจะลงไปต่ำกว่า 1,500 จุดอีกรอบ 03-04-13


ตลาดน่าจะลงไปต่ำกว่า 1,500 จุดอีกรอบ
          หลังจากตลาดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,601.30 19 มีนาคมที่ผ่านมา  แล้วปรับตัวลงไปตามคาดทำจุดต่ำสุดที่ 1,465.38 22 มีนาคมลงไป 135.72 จุด  และตลาดก็ปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งช่วงที่ปรับตัวลงมาเป็นการลงที่แรงและเร็ว  เปรียบเสมือนกับการอัดลูกบอลลงพื้นด้วยความแรง  การเด้งของลูกบอลซึ่งเป็น Reaction ที่แรงเช่นกัน โดยเด้งกลับมาที่ 1,589.21 ณ วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา  ปรับตัวขึ้นมา 103.83 จุด ซึ่งเป็นการดีดกลับที่มากทีเดียว  โดยใช้เวลาดีดกลับเพียง 3 วันทำการ  พอมาถึงจุดนี้แล้ว  ท่านผู้อ่านคงอยากจะทราบแล้วสิครับว่า  ตลาดจะมีทิศทางใดในช่วงนี้  ผมคิดว่าตลาดน่าจะมีการปรับตัวลงอีกรอบหนึ่ง  โดยน่าจะลงไปต่ำว่า 1,500 จุดอีกรอบ  โดยตลาดจะทำจุดต่ำที่สุดที่ต่ำกว่า 1,415.58 หรือไม่  ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ประการ ดังต่อไปนี้ครับ
1)  การตัดสินความผิดของท่านนายกยิ่งลักษณ์โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) เรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ กรณีการปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทให้บริษัทแอ็ดอินเด็กซ์ โดยทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) จะออกมาเคลื่อนไหวประท้วงครั้งใหญ่ถ้า ปปช ตัดสินว่าท่านนายกผิด นอกจากการเคลื่อนไหวของ นปช แล้ว ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้เตรียมการแล้วโดยให้คุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พตท.ทักษิณ ชินวัตร ลงเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่เดือนเมษายนนี้ เผื่อกรณีท่านนายกปูหลุดจากตำแหน่ง คุณเยาวภาคงจะเสียบแทน
2)  การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถกกันในสภาต้นเมษายนนี้ ถึงแม้ฝ่ายรัฐบาลจะไม่รับเป็นเจ้าภาพ แต่อย่าลืมนะครับ ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านอยู่มากนะครับ ถ้ามีการแก้ไขออกมาแล้วไม่ถูกใจประชาชนส่วนใหญ่ อาจจะมีการประท้วงวุ่นวายขึ้นได้
3)  กรณีเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาจนเกิดการปะกันเมื่อปี พ.ศ. 2552-2553 ในสมัยรัฐบาลของอดีตนายกอภิสิทธิ์ จนกัมพูชาได้นำความขัดแย้งนี้เข้าสู่ UN เพื่อตัดสิน ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเดือนกันยายนปีนี้ ถ้าตัดสินให้เป็นของกัมพูชา สถานการณ์ในประเทศคงจะมีการประท้วงวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นแน่
4)  พรบ. 2.20 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะผ่านรัฐสภาในเดือนกันยายนปีนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันถึงความเหมาะสมของพรบ.ฉบับนี้ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากมายมหาศาลจริงๆ คาดว่าทางพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่ม 40 ส.ว. แต่งตั้งคงจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย
 5)  กฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยและมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
6)  เทศกาล XD ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งจะมีหุ้นขึ้น เครื่องหมาย XD 175 บริษัท ซึ่งหลัง XD จะส่งผลให้ตลาดตกลงประมาณ 14 จุด
7)  ตลาดช่วงก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไรสูงมาก จะเห็นหุ้นที่ติด Turn Over List ทุกสัปดาห์ๆ ละหลายตัว บางสัปดาห์ร่วม 10 ตัว ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากภาะตลาดที่ดีเอื้ออำนวยให้มีการเก็งกำไรสร้างราคากอรปกับ 2 เดือนแรกของปีนี้ เรามีนักลงทุนหน้าใหม่ที่มาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 40,000 บัญชี และเม็ดเงินได้ไหลเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวเล็กนอกกลุ่ม SET 100 ปีที่แล้วมีเพียง 18% แต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม ปีนี้อยู่ที่ 24% , 28% และ 36% ตามลำดับ หุ้น P/E เกิน 100 เท่ามีถึง 22 ตัว ผมจึงไม่แปลกใจ ทำไมหุ้นหลายๆ ตัวลงไปแตะฟลอร์หรือเกือบฟลอร์ ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา อยากให้นักลงทุนจำไว้เป็นบทเรียนสอนใจในการลงทุนครั้งต่อไป
8)  ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันซื้อขายที่ Forward P/E และ P/BV ปี 2556 ที่ 14.4 และ 2.4 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และเมื่อเทียบกับภูมิภาคที่ 11.5 และ 1.40 เท่าตามลำดับ แต่ถ้าเทียบกับกลุ่ม TIP (ไทยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์) ตลาดหุ้นไทยยังมากกว่า
9)  ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกันมา 10 เดือนแล้วตั้งแต่มิถุนายน 55 จนถึงมีนาคม 56 เมื่อดูตามสถิติโอกาสที่ตลาดจะปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 11 มีน้อยมาก จากข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2518 มีเพียง 2 ครั้ง เท่านั้นที่ตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 เดือนติดต่อกันถึงเดือนสิงหาคม 2520 โดขขึ้น 11 เดือนติดต่อกัน และธันวาคม 2532 โดยขึ้น 12 เดือนติดต่อกัน
10)  ภาวะการแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ตลาดกังวลมากขึ้นกับเป้าการส่งออกของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการประกาศยอดเติบโตของการส่งออกที่ลดลง 5.83% YOY ถึงแม้ว่ามกราคม 56 จะโตถึง 16.09% ซึ่งมาจากฐานการส่งออกที่ต่ำในเดือนมกราคม 55 ที่เราเพิ่งฟื้นไข้จากน้ำท่วม คงต้องติดตามดูว่าทางรัฐบาลโดย รมต.คลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีนโยบายและมาตรการอะไรออกมา และวันที่ 3 เมษายนนี้ก็จะมีการประชุม กนง. ผลการประชุมจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบื้ยหรือไม่
11)  ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในยุโรป เริ่มจากไซปรัสเมื่อเร็วๆ นี้และการเมืองอิตาลีที่ยังยืดเยื้อ ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยอิตาลีกำลังจะมีพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอน 47,500 ล้านบาทยูโร ถ้าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ของอิตาลีปรับตัวขึ้นถึง 5% อาจจะกระตุ้นให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงได้
12)  เกาหลีเหนือประกาศสงครามกับเกาหลีใต้ถึงแม้ว่าเราจะชินชากับ 2 ประเทศนี้แล้ว แต่ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคนปัจจุบันอายุอานามยังไม่มากถ้าเกิดตัดสินใจบ้าขึ้นมา ตลาดหุ้นเอเชียคงได้ตกระนาวเลยทีเดียว
          10 ปัจจัยแรกเป็นปัจจัยในประเทศ ส่วน 2 ปัจจัยหลังเป็นปัจจัยต่างประเทศครับเก็บเงินไว้ในกระเป๋าก่อน 50 ตลาดหุ้นลงมาต่ำกว่า 1,500 จุด ค่อยมาดูกันอีกทีนะครับ ว่าจะซื้อหรือไม่ และถ้าจะซื้อจะเลือกซื้ออะไรดี

 กิติชัย เตชะงามเลิศ

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่ https://www.facebook.com/VI.Kitichai , http://twitter.com/value_talk , http://www.youtube.com/user/wittayu9 และ http://kitichai1.blogspot.com
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น