รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า
(ตอนที่1)
หลายสิบปีที่ผ่านมา
ผมเฝ้าดูวิธีการช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลไม่ว่ากี่ชุดที่ผ่านมา
โดยการรับจำนำหรือประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา ปาล์ม
อ้อย มันสำปะหลัง นม ฯลฯ และงบประมาณที่ต้องใช้ในการอุดหนุนราคาผลิตผลดังกล่าว
ในช่วงเวลาที่ราคาในตลาดโลกตกต่ำ ยิ่งสูงมากขึ้นทุกปี เป็นหลักหลายแสนล้านบาท
ซึ่งการผลาญงบประมาณแผ่นดิน โดยการนำเงินที่รีดเลือดปู จากผู้เสียภาษีเงินได้
นำไปใช้แก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบนี้ ดูไม่เหมาะสมเลยทีเดียว
เพราะว่าต้องคอยแก้ปัญหาแบบนี้ทุกปี ทำไมรัฐบาลไม่คิดที่จะแก้ที่ต้นเหตุ
เพื่อจะได้ขจัดปัญหาแบบถาวร มิฉะนั้นแค่ 2
ปีก็ต้องละลายงบเพื่อแก้ปัญหานี้เป็นหลักล้านล้านบาทแล้ว ท่านสมคิดก็พูดเองว่า
ไม่อยากจะต้องไปแบกหน้าไปขอร้องให้ประเทศต่างๆช่วยซื้อข้าว ยางพารา ฯลฯ จากเรา เราควรจะโตได้แล้ว
ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กที่ต้องไปขอความช่วยเหลือประเทศอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ
ผมเห็นว่ารัฐควรจะใช้งบประมาณแผ่นดินในด้านต่อไปนี้
1.การปฏิรูประบบการศึกษา ซึ่งน่าจะใช้งบประมาณไม่มากมาย
แต่เป็นการแก้ปัญหาได้จริง
และคุณภาพของเด็กไทยรุ่นใหม่ที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
และความรู้ที่คับแก้วไว้แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งตอนนี้ AEC มีผลทางปฏิบัติแล้ว และทั่วโลกได้อย่างไม่อายใคร โดยให้การศึกษาภาคบังคับขั้นต่ำเป็นชั้น
ม.6 หรีอ ปวช ทั่วประเทศ
และเพิ่มคุณภาพของระบบการเรียนการสอน
โดยให้มีการจัดการแข่งขันของครูอาจารย์ในระดับชั้นต่างๆ (ชั้นประถม ม.ต้น และ
ม.ปลาย )และแยกเป็นรายวิชา ทั่วประเทศ โดยกำหนดรางวัลให้มีมูลค่าสูง
และมีการถ่ายทอดออก TV จะเป็นการกระตุ้นให้คุณครูอาจารย์ทั้งหลายอยากจะเข้าร่วมแข่งขันเพื่อเงินรางวัลและชื่อเสียง
และคัดเอาผู้ชนะเลิศที่จะได้จากการ VOTE จากผู้ชมทางบ้าน
และคณะกรรมการตัดสิน โดยเน้นทั้งเพื่อสาระ รวมทั้งความสนุกสนาน
เพื่อให้นักเรียนตั้งใจเรียน ไม่รู้สึกเบื่อที่จะต้องมานั่งเรียนหนังสือ
แล้วให้ผู้ชนะเลิศในแต่ละระดับชั้น และแต่ละวิชามีการอัด VDO สอนวิชาของแต่ละระดับชั้นเรียน แล้วส่งไปให้ทุกโรงเรียนในประเทศไทย
กระทรวงศึกษาต้องตั้งงบเพื่อสั่งซื้อเครื่องเล่น VDO แจกจ่ายให้ทุกห้องเรียนของทุกโรงเรียนทั่วประเทศไทย
โดยให้คุณครูที่สอนเปลี่ยนหน้าที่เป็นผู้ช่วยสอน โดยมีหน้าที่เปิด VDO ดังกล่าวให้นักเรียน ดู เม่อนักเรียนมีข้อสงสัย ก็ PAUSE VDO แล้วคุณครูที่สอนก็อธิบายให้นักเรียนฟัง
เมื่อทำเช่นนี้แล้วคุณภาพการศึกษาของเด็กนักเรียนไม่ว่าจะเป็นเขตเทศบาล
นอกเขตเทศบาล ต่างจังหวัด หรือกรุงเทพฯ ก็จะมีคุณภาพใกล้เคียงกัน
เราจะไม่เห็นความเหลื่อมล้ำอย่างมากมายของเด็กนักเรียนโรงเรียนบางหมาว้อ
กับโรงเรียนเตรียมอุดมอีกต่อไป
เนื่องจากเด็กนักเรียนทุกคนจะเรียนกับอาจารย์คนเดียวกัน คุณภาพการศึกษาของเด็ก GENERATION
ใหม่ของไทยเรา ก็จะไม่ด้อยไปกว่าเด็กสิงคโปร์มากนัก
สิงคโปร์เป็นประเทศที่แทบจะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย
เมื่อ 40ปีที่แล้ว ก็ไมได้ดีเด่นกว่าประเทศไทยเรา แต่เมื่อปี 2557 GDP PER CAPITA ของสิงคโปร์ =
56,319$( ปี 2556 =
55,980$ ) ขณะที่ของมาเลเซีย = 10,804 ( ปี 2556
=10,457$) และไทย =5,445$ ( ปี 2556=5,670$)
จะเห็นได้ว่า GDP PER CAPITA ของสิงคโปร์มากกว่า 10 กว่าเท่าของไทยแล้ว ในขณะที่มาเลเซียเมื่อ 30
ปีที่แล้ว ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับเรา ล่าสุดก็มากวว่าไทยเรา 2 เท่าแล้ว ยิ่งดูเปรียบเทียบระหว่างปี
2556 กับ 2557 ประเทศเพื่อนบ้านเรา ยังมีการเติบโต ในขณะที่ของเรากลับติดลบ
ถึงเวลาที่จะปฏิรูประบบการศึกษาของไทยเรารึยัง ยิ่งปัจจุบัน AEC เริ่มมีผลทางปฏิบัติแล้ว หรือเราอยากจะเห็นเวียตนาม อินโดนีเซีย
และฟิลิปปินส์ แซงหน้าเราไปอีกหรือ
จากการได้รับสัมผัสโดยตรงของผมระหว่างเด็กนักเรียนไทย
เมื่อเทียบกับ สิงคโปร์และมาเลเซีย ต้องยอมรับจริงๆว่าคุณภาพของเราแย่กว่า 2
ชาติเพื่อนบ้านจริงๆ นอกจากนั้น ควรจะเปิดโครงการฝึกวิชาชีพในหลายสาขา
โดยคนที่มานั่งเรียนจนจบคอร์สโดยมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 80% และสอบผ่านทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ
จะได้รับเงินทุนตั้งตัวคนละ 1 ก้อน
โดยรัฐจะต้องประชาสัมพันธ์ผ่านทั้งสื่อของรัฐบาลเอง และขอความร่วมมือเอกชน ช่วยประชาสัมพันธ์อีกแรง
ต่อไปข้างหน้า เราจะได้ไม่ต้องมาคอยแจกผ้าห่มกันอีกทุกปี
เพราะประชาชนมีรายได้มากขึ้น เนื้อที่หมดแล้ว
ไว้มาอ่านตอนที่ 2 ในบทความหน้าครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
13/4/59
13/4/59
1.หนังสือ "จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร" เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
5. http://www.amthai.co.uk เดือนละครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น