การท่องเที่ยวไทยน่าจะ ...
เมื่อเดือนที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศจีนนาน 19 วัน สิ่งที่พบคือ ในเกือบทุกเมืองที่ผมเดินทางไป มีตึกสูงขึ้นมากมาย แม้แต่ในเมืองที่เป็น TIER 3 แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็น บางอาคารหลายๆอาคารในหลายโครงการ ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ แทบจะเป็นโครงการร้างเลย บางโครงการติดป้ายให้เข้ามาขายฟรี แต่ไม่มีผู้ขายรายย่อยเข้ามาขายแม้แต่รายเดียวเลย
ดูๆแล้วก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้ แต่ยังดีที่โครงการร้างนั้นยังเป็นเปอร์เซนต์ที่น้อยเมื่อเทียบกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด และสิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจก็คือ จาก 8 เมืองที่ผมไปเที่ยว มีเพียงเมืองเดียวที่ผมเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นชาวตะวันตก
ทั้งๆที่เมืองต่างๆที่ผมไปเที่ยว มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย บางแห่งอย่างเช่น เขาเทียนเหมินซาน ที่เมืองจางเจียเจี้ย ต้องเข้าคิวถึง 3 ชม. กว่าจะได้เข้าไปชม แต่ผมเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นชาวตะวันตกไม่ถึง 5 คน อาจจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสกปรกของห้องส้วม และการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลยในเมืองต่างๆ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นไปด้วยความยากลำบาก
การเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมืองจีน
ราคาบัตรค่าเข้าชมราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับค่าบัตรเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวของไทย โดยค่าเข้าชมเขาจะเก็บจากคนจีนกับคนต่างชาติในราคาเดียวกันยกเว้นแต่คนจีนที่เป็นคนท้องถิ่่น(คนในเมืองนั้นๆ) สามารถเข้าฟรีได้ในบางจุด แต่ผมก็เห็นนักท่องเที่ยวจีนตามสถานที่ท่องเที่ยวจีนมากมาย ป้ายที่ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่อบรรยายบางที่จะมีแต่ภาษาจีน สถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมากหน่อยก็จะมี 2 ภาษา(จีนกับอังกฤษ) นานๆทีจะเห็นป้าย 3 ภาษา (จีน อังกฤษ และเกาหลี) ในขณะที่ผมเห็นนักท่องเที่ยวเกาหลีบ้างแต่ก็ไม่มากนัก แสดงว่าในอดีตน่าจะมีนักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางมาเที่ยวจีนเป็นจำนวนมาก คนจีนเองนอกจากจะชอบท่องเที่ยวแล้วยังเป็นนักช้อปปิ้งตัวยง สังเกตได้จากการที่แบรนด์ระดับโลกหลายๆแบรนด์เปิด OUTLET ของตัวเองในเมืองต่างๆของจีน ทั้งๆที่เป็นเมือง TIER 2 และ TIER 3 จากประสบการณ์การเดินทางไปต่างประเทศของผม พบว่าบรรดาร้านค้าสินค้าหรูๆ ในประเทศต่างๆ ผมเห็นชาวจีนเกือบครึ่ง
กลับมาที่เมืองไทย ผมไม่แปลกใจที่เห็นนักท่องเที่ยวจีนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งบนรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน เพราะว่าประเทศต่างๆที่ผมไปเที่ยวในรอบหลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ฟ้องว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากสุด ทิ้งห่างอันดับ 2 ไว้พอสมควร โดยปี 2558 มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 29,881,091 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 20.44% เพราะว่าฐานที่ไม่โตเลยในปี 2557 จากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศไทยเรา ซึ่งจะ Sensitive มากับนักท่องเที่ยวจีน ในขณะที่อันดับ 2 คือมาเลเซีย ทั้งๆที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านเรา เดินทางเข้ามาในไทยเพียง 3,423,397 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30.99% นี่เป็นสิ่งเตือนใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยในประเทศ รวมทั้งคนไทยทั้งชาติต้องช่วยกัน เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเราย่ำแย่ มีอัตราการเติบโตน้อยกว่าอัตราที่ควรจะเป็น หรือกำลังจะกลายเป็น New Normal ของไทย ยังดีที่มีภาคธุรกิจหนึ่งที่จุนเจือเศรษฐกิจไทยได้ดี นั่นก็คือการท่องเที่ยว
โชคดีที่ไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งทางธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมทั้งวัฒนธรรมที่เป็นเอกสักษณ์ และน่าสนใจสำหรับชาวต่างชาติ ทำให้ไทยเราติด TOP 10 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอยู่หลายครั้งหลายครา เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก็เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น พอเรื่องซา นักท่องเที่ยวก็กลับมาเยือนอีก ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะเริ่มเพิ่มภาษาจีนในป้ายตามสถานที่ต่างๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ใช้ภาษาจีน
รวมทั้งให้นักเรียนม.ต้นมีสิทธ์เหล่านั้นเลือกที่จะเรียนภาษาต่างประเทศเป็นภาษาจีนนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ซึ่งนักเรียนที่เลือกที่เรียนภาษาจีน จะมีโอกาสเรียนภาษาจีนได้นานถึง 6 ปี ซึ่งอาจจะเพียงพอที่จะสื่อสารภาษาจีนได้พอสมควร เพราะบางคนอาจจะไม่ได้เรียนต่อชั้นอุดมศึกษาโดยผมเทียบกับตัวผมเองที่เรียนภาษาจีนตอนเย็นวันละ 2ชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี ช่วงสมัยอยู่ชั้นประถม ทำให้ผมไปเที่ยวเมืองจีนคนเดียวได้นานเกือบเดือน โดยสื่อสารกับคนจีนท้องถิ่นได้พอสมควร ส่วนร้านอาหารและสถานบริการที่มีนักท่องเที่ยวจีนไปใช้บริการ
ถ้าเพิ่มภาจีนลงในเมนูค่าอาหารและบริการ คุณอาจจะได้ลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับไว้พิจารณานะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
13/4/59
13/4/59
1.หนังสือ "จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร" เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
5. http://www.amthai.co.uk เดือนละครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น