รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า
( ตอนที่ 2 )
บทความที่แล้ว
ผมพูดถึงวิธีการแก้ปัญหาของรัฐ ที่มักจะแก้ที่ปลายเหตุแทนที่จะแก้ที่ต้นเหตุ
ซึ่งในที่สุดเราจะต้องผลาญงบประมาณไปเป็นหลักล้านล้านบาท
แค่จำนำข้าวก็ปาเข้าไปแล้ว 5 แสนกว่าล้านบาทแล้ว ผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆอีก
และเป็นอย่างนี้มากี่ปีกี่ชาติแล้ว แทนที่จะได้นำงบดังกล่าวไปใช้พัฒนาประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบการศึกษา ในตอนที่2 จะพูดถึงด้าน Logistics ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ
รถไฟฟ้าอีกหลายๆสาย เพื่อทำให้ NETWORK ของการเดินทางในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ
เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ทั่วถึงกัน
ทำให้การเดินทางสะดวก มูลค่าที่ดินที่อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าก็จะมีราคาสูงขึ้น
ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของประเทศไทยสูงขึ้นตามไปด้วย
2.การปฏิรูประบบการจัดการ LOGISTICS ขั้นตอนที่จะช่วยให้รัฐประหยัดงบ
ก็คือเวลาจะเวนคืนที่ดิน เพื่อนำไปสร้างรถไฟฟ้า ควรจะเวนคืนเผื่อเหลือพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ไว้บางส่วน(โดย ราคาเวนคืน ต้องเป็นธรรมแก่เจ้าของที่)
แล้วให้เอกชนมาประมูลที่ดินตรงบริเวณที่จะก่อสร้างสถานี
และพื้นที่โดยรอบที่รัฐเวนคืนมา เพื่อสร้างเป็น MIXED USE COMPLEX โดยเอกชนต้องแบ่งผลประโยชน์ที่เหมาะสมให้กับรัฐ
และเจ้าของที่ดินบริเวณโดยรอบสถานี ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาที่ดินที่สูงขึ้น
จะต้องถูกเรียกเก็บภาษี CAPITAL GAIN TAX ในส่วนของราคาที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้างที่สูงขึ้น โดยอาจจะให้แบ่งชำระ 3-5 ปี เพื่อความเป็นธรรม
เพราะว่ารัฐใช้เงินงบประมาณแผ่นดินของผู้เสียภาษีทั้งประเทศมาทำโครงการรถไฟฟ้า
แล้วชาวบ้านห้างร้าน รวมไปถึงธุรกิจเอกชน โดยรอบๆสถานี
ซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็กๆกลับได้ประโยชน์ไป ซึ่งมันไม่ยุติธรรม แต่เพื่อไม่เป็นภาระที่หนักเกินไป
กรณีที่เจ้าของที่ดินไม่มีเงินจะชำระได้จริงๆ รัฐบาลอาจจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
บวกกับเงินเพิ่ม โดยเริ่มคิดหลังจากผ่านพ้นระยะเวลาที่ผ่อนผัน 3-5 ปี ดังกล่าว
แต่ค่าปรับอาจจะอนุโลมไม่คิด มิฉะนั้นอาจจะดูโหดไปหน่อย ตอนที่มีการซื้อขาย หรือ
โอน เปลี่ยนมือ โดยส่งข้อมูลไปที่กรมที่ดินให้รับทราบ และเป็นตัวแทนในการเรียกเก็บ
ดังนี้แล้วรัฐบาลก็จะสามารถประหยัดงบประมาณลงไปได้อีกพอสมควร
เผลอๆอาจจะได้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 1 สาย โดยใช้งบประมาณเท่าเดิม รถไฟรางคู่ทั่วประเทศ
รถไฟฟ้าอีกหลายๆสาย เพื่อทำให้ NETWORK ของการเดินทางในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ
เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ) ทั่วถึงกัน ทำให้การเดินทางสะดวก
มูลค่าที่ดินที่อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าก็จะมีราคาสูงขึ้น
ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของประเทศไทยสูงขึ้นตามไปด้วย
สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชมรัฐบาลชุดนี้
ซึ่งผมไม่เห็นรัฐบาลชุดไหนทำมาก่อน ก็คือการจัดระเบียบทางเดินเท้า แต่เดิม กทม.
และเทศกิจปล่อยปะละเลยให้พวกหาบเร่แผงลอย นำของมาขายบนบาทวิถี
ถ้าเจ้าหน้าที่เทศกิจไม่ละเลยบกพร่องในหน้าที่ก็คงจะต้องไล่ตั้งแต่วันแรกๆที่พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เริ่มมาขายของ
แต่นี่ปล่อยปละละเลย จนพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้รากงอก จากรากฝอยกลายเป็นรากแก้ว
ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจบางคนเก็บเงินใต้โต๊ะหรือเปล่า
เพราะแม่ค้าบางรายบอกว่ามีคนมาเก็บค่าที่ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร
จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่ทราบแต่การละเลยหน้าที่แบบนี้ทำไม กทม. ที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ปล่อยไว้แบบนี้ พอจะไล่ที่เพื่อคืนทางเท้าให้คนเดินถนน ก็ลำบาก
อย่างเช่นคราวที่ขับไล่หาบเร่แผงลอยบริเวณสยามสแควร์ เมื่อหลายปีก่อนไม่สำเร็จ
กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมาย พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เสียภาษีเสียด้วยซ้ำ
แถมยังมีรายได้สูงกว่าพนักงานออฟฟิศหลายๆคนเลย
ทั้งๆที่พนักงานเหล่านี้มีรายได้ต่ำกว่า แต่ต้องเสียภาษี ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
นอกจากเอาเปรียบสังคมโดยยึดพื้นที่ส่วนรวมมาเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าของตน
นี่ยังไม่นับพวกรถเข็นขายอาหารที่ขายเสร็จทำบาทวิถีสกปรก แล้วก็ไม่ทำความสะอาด
ปล่อยให้เจ้าหน้าที่กทม. ซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนมาทำความสะอาดให้
ทางเท้าที่กว้างขนาด 8-12 คนเดินสวนกันได้สบายๆแบบสยาม หรืออโศก
กลับต้องมาเดินเบี่ยงกัน เมื่อเดินสวนกันในยามค่ำคืนที่พวกคนเห็นแก่ตัวไม่กี่คน
จนบางครั้งคนต้องลงมาเดินบนถนนแทน เสี่ยงตายจากรถราที่วิ่งผ่านไปมา
เราจะปล่อยกันแบบนี้อีกเหรอครับ ที่ประเทศจีนผมเห็นกับตาเลย
ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐขับรถมาจอดแล้วยกรถเข็นเหล่านี้ขึ้นรถไปเลย
ไม่สนใจพ่อค้าแม่ค้าที่ร้องห่มร้องไห้ บางครั้งเราต้องจัดหนักๆครับ
กับคนที่เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงส่วนรวม แล้ววันหนึ่ง ประเทศไทยเราจะเหมือนสิงคโปร์
ที่ไม่มีหาบเร่แผงลอยมายึดพื้นที่ทางเดินเท้าไว้ขายของ
ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรณรงค์ไม่ซื้อสินค้า และบริการที่นำมาขายบนทางเท้า
และหวังว่าท่านนายกจะสั่งการพื้นที่ที่เหลือไม่ว่าจะเป็น สยาม สุขุมวิท อโศก
ห้วยขวาง ฯลฯ ที่มีการวางของขายระเกะระกะกันอยู่ เพราะพวกพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้
หลายๆคนไม่ได้ยากจนจริงๆ เนื้อที่หมดแล้ว ไว้อ่านต่อในบทความหน้ากันครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
13/4/59
13/4/59
อ่าน -รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า ตอนที่ 1 ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2016/04/1.html
1.หนังสือ "จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร" เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
5. http://www.amthai.co.uk เดือนละครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น