รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า
ตอนที่ 3
บทความตอนที่
1 ผมได้พูดถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษา สำหรับบทความที่ 2 เป็นเรื่อง Logistics แถมพูดไปถึงการจัดระเบียบทางเท้า ส่วนตอนที่3นี้ผมจะพูดถึงเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ควรจะทำ
3.การส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้ผลผลิตทางการเกษตรในประเทศ
แทนที่รัฐจะต้องใช้จ่ายเงินจากงบประมาณ เป็น 5-6 แสนล้านบาท
ทำไมรัฐไม่เอาจำนวนเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายดังนี้
3.1
ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูป กรณียางพารา ให้สิทธิ BOI แก่อุตสาหกรรมทำถุงยาง ถุงมือยาง ที่นอนยางพารา ฯลฯ
ที่มีการใช้ยางพาราในประเทศจำนวนมาก และกีดกันการนำเข้าสินค้าดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการขึ้นอากรนำเข้า
หรือตั้งมาตรฐานสินค้านำเข้าให้มีคุณภาพสูงมากๆ
และหรือใช้มาตรการตรวจสอบสินค้านำเข้าเหล่านี้ ให้มีขั้นตอนการตรวจผลิตภัณฑ์ที่นานมากขึ้น
และยุ่งยากมากขึ้น พยายามใช้มาตรการที่ไม่ใช่ทางภาษีอากร
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากับประเทศคู่ค้า โดยสิทธิ BOI จะต้องให้สิทธิประโยชน์มากกว่าในปัจจุบัน
คือนอกจากไม่เก็บภาษีนำเข้าเครื่องจักร รวมทั้งภาษีเงินได้ใน 5 ปีแรก และรัฐควรจะจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ย
0% 3ปีแรก ระยะเวลาปลอดหนี้ 3 ปี หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ย MLR
-3% อีกสัก 2ปี หลังจากปีที่ 5 อัตราดอกเบี้ยลอยตัวตามอัตราตลาด
เพื่อทำให้นักธุรกิจเอกชนเกิดความสนใจ และธุรกิจหลังจากที่ก่อตั้งขึ้นมา
จะมีความเข้มแข็ง เนื่องจากไม่มีต้นทุนทางการเงิน และภาษีในช่วงแรกๆ
โดยมีข้อแม้ว่า จะต้องรับซื้อยางพาราของไทยเท่านั้น
ส่วนข้าวก็ส่งเสริมให้เอกชนที่ทำขนมกรุบกรอบ ให้นำข้าวไปแปรรูป
และพัฒนาให้ถูกปากรสชาติของคนไทย และทำให้รสชาติอื่นๆสำหรับคนชาติต่างๆ
เพื่อหวังทางด้านการส่งออก ดู LAY’Sที่ทำมาจากมันฝรั่ง
ทำไมส่งขายได้ทั่วโลก เรื่องอาหารคนไทยเราไม่แพ้ชาติอื่นๆเลย
ฝรั่งยกย่องอาหารไทยว่ามีรสชาติดี และเป็นอาหารสุขภาพ หรือนำข้าวซึ่งนำไปสกัดเป็นน้ำมันรำข้าว
นอกจากใช้ปรุงอาหารแล้ว ยังต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สนับสนุนให้ฝ่ายโภชนาการ
และทางการแพทย์ทำการวิจัยเพื่อส่งเสริม และเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า
น้ำมันรำข้าวมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร
เอาให้มีความนิยมแพร่หลายเหมือนกับที่ฝรั่งมาปั่นหัวเราว่าต้องกิน FISH OIL
แล้วสุขภาพจะดี หรือเหมือนกับ
หลายปีที่ผ่านมาที่ฮิตระบาดกันไปทั่วโลกเลย จากการที่เหล่า Super Star หลายคนให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ตรงจากการทาน และใช้น้ำมันมะพร้าว
จนทำให้ราคามะพร้าวทั่วโลกมีราคาสูงขึ้นมาก จากสมัยก่อนลูกละ 5-10 บาท
ปัจจุบันปาเข้าไปลูกละ 25-30 บาท เข้าไปแล้ว และให้ BOI คล้ายๆกับอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากยางพารา
หรือส่งเสริมโดยการนำผลไม้ไทยอื่นๆ นอกเหนือจากทุเรียน มังคุด ลำไย มะม่วง ฯลฯ
ที่คนจีนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ให้เขาได้รู้จักและลิ้มรสชาติผลไม้ไทยอื่นๆ
โดยจัดเป็นงานแฟร์ผลไม้ไทย แจกให้ทานฟรี ไม่ต้องซื้อ
และร่วมกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ และ Super Market ใหญ่ๆ
ให้ลองชิมผลไม้ไทย จัดอย่างนี้ทั้งปี จัดไปสัก 2-3 ปี
ก็น่าจะส่งผลให้เกิดความต้องการจากจีนมากขึ้นเรื่อยๆ
ชาวสวนก็จะขายผลไม้ได้ในราคาดี ดูราคาทุเรียนสิครับ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
ราคาขึ้นมาประมาณ 100% เลยทีเดียว
ชาวสวนทุเรียนแฮปปี้กันถ้วนหน้า ก็เพราะมีผู้นำเข้าจากจีนมาเหมาทุเรียนเป็นสวนๆเลย
คนไทยก็เลยต้องกินทุเรียนแพงขึ้นเยอะ ไม่เป็นไร คิดว่าช่วยชาวสวนทุเรียนละกัน
แค่คนจีน 1% กินผลไม้ไทยวันละ 1-2 ลูก
ผลไม้บางอย่างก็ผลิตไม่ทันแล้วครับ แล้วชาติต่อไป น่าจะเป็นอินเดียครับ
ประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ถึงแม้ว่ารายได้ประชากรยังค่อนข้างต่ำ
แต่เป็นตลาดที่น่าสนใจนะครับ
ผมยังไม้เห็นผลไม้ไทยที่ไปดังหรือเป็นที่นิยมเลยที่อินเดีย
ลองให้เขาได้ลิ้มรสชาติของเราแล้ว
ไม่แน่นะครับ ตลาดอาจะใหญ่ขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากจีนเลยก็เป็นได้
รัฐเองก็ต้องดูภาพรวมว่าผลไม้ไทยอะไรที่มีอนาคต(ที่เห็นแน่ๆคือทุเรียน)
ผลไม้อะไรที่เข็นไม่ขึ้น รัฐต้องหันมาส่งเสริมชาวสวนให้ปลูกผลไม้ที่มีอนาคตแทน
โดยรัฐจะจัดหาต้นกล้าที่ผ่านการวิจัย และพัฒนาพันธุ์ให้ทนทานต่อศัตรูพืช
ให้ผลผลิตที่มีรสชาติดี และมีผลผลิตต่อไร่สูง
ให้ชาวสวนที่จะเข้าโครงการเปลี่ยนผลไม้จากผลไม้ไม่มีอนาคตเป็นผลไม้ชนิดที่มีอนาคต
และให้เงินอุดหนุนสำหรับ 2-3 ปีแรกแก่ชาวสวนดังกล่าวที่จะไม่มีรายได้ในช่วงแรกๆ
ในอัตราที่เหมาะสม
โดยรัฐต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบดูว่ามีการเปลี่ยนพืชที่ปลูกจริงหรือไม่
พร้อมท้งให้ข้อมูลและสอนวิธีการดูแลต้นไม้ เพราะว่าชาวสวนนั้นๆอาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวข้องกับพืชผลที่นำมาปลูกใหม่
ผลไม้แต่ละชนิดต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน ดีกว่าเอาเงินไปจ้าง ชาวนาให้หยุดทำนาอย่างคราวที่ผ่านมา
เนื้อที่หมดแล้ว มาอ่านตอนต่อไปในบทความหน้าครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
13/4/59
13/4/59
อ่าน -รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า ตอนที่ 1 ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2016/04/1.html
1.หนังสือ "จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร" เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
5. http://www.amthai.co.uk เดือนละครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น