จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ลดหย่อนประกันสุขภาพ ใครได้ประโยชน์?(ตอนที่ 2)

                                       ลดหย่อนประกันสุขภาพ  ใครได้ประโยชน์?(ตอนที่ 2)


                  จากบทความตอนที่ 1 ซึ่งผมได้ปูพื้นให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ของฐานประชากรไทยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรที่ต่ำมาก และฐานอายุของคนไทยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีฐานประชากรผู้สูงอายุอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดในอาเซียน พอๆกับประเทศสิงคโปร์  สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือวัยแรงงานที่มีปริมาณลดลง คนกลุ่มนี้จะมีภาระที่ต้องดูแลทั้งเด็กและผู้สูงอายุมากขึ้น  เป็นปัญหาทั้งของภาคสังคมและรัฐบาล
                 จริงๆแล้วรัฐบาลเองก็เห็นปัญหานี้มานานแล้วและได้มีมาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อจูงใจให้กับผู้เสียภาษีสามารถนำเงินที่ซื้อประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษีได้ปีละ 100,000 บาท  ล่าสุดก็อนุญาตให้ผู้เสียภาษีที่ซื้อประกันสุขภาพสามารถนำเบี้ยดังกล่าวมาลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้ว ก็ลดหย่อนมากสุดได้แค่เพียง 100,000 บาทเท่านั้น  จากทีแรกที่หลายหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า รัฐจะอนุญาตให้ผู้เสียภาษีที่ซื้อประกันชีวิตในวงเงิน 30,000 ถึง 50,000 บาท มาลดหย่อนภาษีได้ต่างหากจากเบี้ยประกันชีวิตที่ลดหย่อนได้อยู่แล้วที่ 100,000 บาทในแต่ละปี  สร้างความผิดหวังให้กับธุรกิจประกันชีวิตและผู้เสียภาษีไปตามตามกัน
               ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่าบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้สูงขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามีบริการที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่โอ่โถงขึ้น  จนบางครั้งนึกว่าเป็นโรงแรมเสียอีก บางโรงพยาบาลมีคนมาเล่นเปียโนให้ฟังอีกด้วย  มาตรฐานรับรองโรงพยาบาลสากล จำนวนโรงพยาบาลไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) (Hospital) มีจำนวนถึง 45 แห่ง โดย JCI เป็นองค์กรอิสระจากอเมริกาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำหน้าที่รับรองคุณภาพสถานพยาบาล ว่าได้มาตรฐาน มีคุณภาพดี เปรียบเทียบก็คล้ายๆกับมาตรฐาน ISO ตามโรงงาน โรงบาลไหนผ่านมาตรฐาน JCI ได้ จะสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างเชื่อมั่นแก่ผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษา
             โดยประเทศไทยติด 1 ใน 5 ของโลก ที่มีสถานพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานสากล JCI มากที่สุด(ที่มาของข้อมูล : http://www.jointcommissioninternational.org/about-jci/jci-accredited-organizations/?c=Thailand&a=Hospital%20Program)  นานๆประเทศไทยจะได้ติดอันดับ top 5 ในเรื่องดีๆของโลก น่าภูมิใจจริงๆ เราจึงเห็นคนไข้ต่างชาติ  เข้ามารับบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้อัตราค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากมาตรฐานที่ดีขึ้น และการที่หลายๆโรงพยาบาล เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีถึง 19 บริษัท ที่ใช้คำว่าบริษัทก็เพราะว่าทางบริษัทมีโรงพยาบาลในเครือ และบางเครือมีโรงพยาบาลมากกว่า 30 แห่งเสียด้วยซ้ำ จนกลายเป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่ใหญ่มากในระดับภูมิภาค ซึ่งบริษัทเหล่านี้ต้องพยายามสร้างผลกำไร เพื่อให้เป็นที่พออกพอใจกับผู้ถือหุ้นของตนด้วย
             จำนวนคนต่างชาติที่มี SKILLED ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ที่มีใบอนุญาตทำงาน หรือที่เรานิยมเรียกสั้นๆว่า EXPAT  ที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนล่าสุดอยู่ที่ 84,387 คน ซึ่งเป็นตัวเลข ณ ไตรมาส 2 ปี 2559 โดยคนญี่ปุ่นครองสัดส่วนสูงสุดถึง 22% (ข้อมูลจาก : CBRE) โดยไม่กี่ปีนี้ คนจีนเริ่มมีสัดส่วนที่มากขึ้น คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ของจํานวน EXPAT ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขของคนจีนในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว เมื่อเทียบกับอดีตก่อนหน้านี้ โดย EXPAT ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ในบริเวณสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 1 ถึงซอย 63 สำหรับซอยเลขคี่ และซอย 2 ถึงซอย 42 สำหรับซอยเลขคู่(โดยคนญี่ปุ่นชอบที่จะอาศัยอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ถึงทองหล่อ จนหลายคนเรียกย่านนั้นว่าเป็น LITTLE TOKYO)  ย่านสีลม สาทร และสยาม คนกลุ่มนี้รวมทั้งคนไทยที่อยู่ในย่านนี้ และที่กำลังย้ายมาอยู่ในย่านนี้ ดูได้จากโครงการคอนโดที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในย่านนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง ล้วนแล้วแต่ต้องการ ที่จะได้รับบริการทางด้านรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง ดังนั้นโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน JCI ที่อยู่ในย่านดังกล่าว  จึงเป็นโรงพยาบาลที่มีลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีบางโรงพยาบาลก็จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์(นักลงทุนหุ้น ลองทำการบ้านกันดู) ยิ่ง Mega trend ของการลงทุนในประเทศไทย ที่มีฐานอายุของประชากรที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ย่อมต้องมีกลุ่มโรงพยาบาลอยู่ในนั้นด้วย  และ P/E ที่ 30-40 เท่าที่นักลงทุนให้กับกลุ่มโรงพยาบาล ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ P/E กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันที่  P/E เฉลี่ยประมาณ 16 เท่าเท่านั้น จึงทำให้หลายปีที่ผ่านมา มีกลุ่มโรงพยาบาลที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังมีอีก 2 3 โรงพยาบาลที่อยู่ในขั้นตอนการยื่น Filing กับกลต. เพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นก็จะทำให้ต้นทุนทางการเงิน สูงกว่าโรงพยาบาลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งความน่าเชื่อถือและความมีชื่อเสียง และความสามารถที่จะ take over โรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อสร้างเป็นกลุ่มโรงพยาบาล จะทำให้ประหยัดต้นทุน หรือที่เรียกว่า economy of scale ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแนวโน้มของการควบรวมโรงพยาบาลมากขึ้น  ยังไม่นับโรงพยาบาลไทยบางแห่งซึ่งขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีกด้วย
             เนื้อที่หมดแล้ว มาตามอ่านบทความตอนหน้า ว่าการที่รัฐให้ลดหย่อนประกันสุขภาพ 15,000 บาทแท้จริงแล้วใครจะได้ประโยชน์กันครับ


 กิติชัย เตชะงามเลิศ
     24/8/60

ลดหย่อนประกันสุขภาพ  ใครได้ประโยชน์?(ตอนที่ 1) http://kitichai1.blogspot.com/2017/12/1.html

ลดหย่อนประกันสุขภาพ  ใครได้ประโยชน์?(ตอนจบ) http://kitichai1.blogspot.com/2017/12/blog-post.html

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


ริทึ่ม (RHYTHM) รางน้ำ 3 ยูนิตสุดสวย ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง 2 นาที จาก BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัย   















         ห้องที่จะขายดาวน์(พร้อมอยู่อาศัยได้เลย) 3 ยูนิต

ชั้น 16 เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ตกแต่งสวยมาก มี ผ้าม่าน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น 10.6 คิว เครื่องซักผ้าฝาหน้า Digital TV 49 นิ้ว เครื่องทำน้ำอุ่น และ Microwave หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 5,400,000 บาท



รายละเอียดโครงการ  ขนาด 1-3-93 ไร่ 28 ชั้น แขวงพญาไท เขตพญาไท  ห้องพักอาศัย 385 ยูนิต ร้านค้า 1 ร้าน ที่จอดรถ 171 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน) = 44%
-สวน KARESANSUI และ READING GARDEN ชั้น G และชั้น 6
-สระว่ายน้ำแบบ INFINITY EDGE 180 องศา
- SKY FITNESS และ STEAM ROOM ที่ชั้น 27-28
- ค่าส่วนกลางและกองทุน 58 บาท/ตร.ม.และ 450 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ

 

รีวิวคอนโด ริทึ่ม รางน้ำ(Rhythm Rangnam) https://www.youtube.com/watch?v=YHWeVkKek94


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น