ลดหย่อนประกันสุขภาพ ใครได้ประโยชน์?(ตอนที่ 2)
จากบทความตอนที่
1 ซึ่งผมได้ปูพื้นให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ของฐานประชากรไทยในช่วง 10
กว่าปีที่ผ่านมา ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรที่ต่ำมาก และฐานอายุของคนไทยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีฐานประชากรผู้สูงอายุอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดในอาเซียน
พอๆกับประเทศสิงคโปร์
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือวัยแรงงานที่มีปริมาณลดลง
คนกลุ่มนี้จะมีภาระที่ต้องดูแลทั้งเด็กและผู้สูงอายุมากขึ้น เป็นปัญหาทั้งของภาคสังคมและรัฐบาล
จริงๆแล้วรัฐบาลเองก็เห็นปัญหานี้มานานแล้วและได้มีมาตรการลดหย่อนภาษี
เพื่อจูงใจให้กับผู้เสียภาษีสามารถนำเงินที่ซื้อประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษีได้ปีละ
100,000
บาท
ล่าสุดก็อนุญาตให้ผู้เสียภาษีที่ซื้อประกันสุขภาพสามารถนำเบี้ยดังกล่าวมาลดหย่อนภาษีได้
15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้ว ก็ลดหย่อนมากสุดได้แค่เพียง
100,000
บาทเท่านั้น
จากทีแรกที่หลายหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า
รัฐจะอนุญาตให้ผู้เสียภาษีที่ซื้อประกันชีวิตในวงเงิน 30,000 ถึง 50,000 บาท
มาลดหย่อนภาษีได้ต่างหากจากเบี้ยประกันชีวิตที่ลดหย่อนได้อยู่แล้วที่ 100,000
บาทในแต่ละปี
สร้างความผิดหวังให้กับธุรกิจประกันชีวิตและผู้เสียภาษีไปตามตามกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ค่าบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้สูงขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามีบริการที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่โอ่โถงขึ้น จนบางครั้งนึกว่าเป็นโรงแรมเสียอีก
บางโรงพยาบาลมีคนมาเล่นเปียโนให้ฟังอีกด้วย
มาตรฐานรับรองโรงพยาบาลสากล จำนวนโรงพยาบาลไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล JCI (Joint Commission International
Accreditation) (Hospital) มีจำนวนถึง 45 แห่ง โดย JCI เป็นองค์กรอิสระจากอเมริกาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ทำหน้าที่รับรองคุณภาพสถานพยาบาล ว่าได้มาตรฐาน มีคุณภาพดี
เปรียบเทียบก็คล้ายๆกับมาตรฐาน ISO ตามโรงงาน โรงบาลไหนผ่านมาตรฐาน JCI ได้ จะสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างเชื่อมั่นแก่ผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษา
โดยประเทศไทยติด
1 ใน 5 ของโลก ที่มีสถานพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานสากล JCI มากที่สุด(ที่มาของข้อมูล
: http://www.jointcommissioninternational.org/about-jci/jci-accredited-organizations/?c=Thailand&a=Hospital%20Program) นานๆประเทศไทยจะได้ติดอันดับ top 5 ในเรื่องดีๆของโลก
น่าภูมิใจจริงๆ เราจึงเห็นคนไข้ต่างชาติ เข้ามารับบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไทยเป็นจำนวนมาก
ทำให้อัตราค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากมาตรฐานที่ดีขึ้น
และการที่หลายๆโรงพยาบาล เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีถึง
19 บริษัท ที่ใช้คำว่าบริษัทก็เพราะว่าทางบริษัทมีโรงพยาบาลในเครือ และบางเครือมีโรงพยาบาลมากกว่า
30 แห่งเสียด้วยซ้ำ จนกลายเป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่ใหญ่มากในระดับภูมิภาค ซึ่งบริษัทเหล่านี้ต้องพยายามสร้างผลกำไร
เพื่อให้เป็นที่พออกพอใจกับผู้ถือหุ้นของตนด้วย
จำนวนคนต่างชาติที่มี
SKILLED ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย
ที่มีใบอนุญาตทำงาน หรือที่เรานิยมเรียกสั้นๆว่า EXPAT ที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
จนล่าสุดอยู่ที่ 84,387 คน ซึ่งเป็นตัวเลข
ณ ไตรมาส 2 ปี 2559 โดยคนญี่ปุ่นครองสัดส่วนสูงสุดถึง 22% (ข้อมูลจาก :
CBRE) โดยไม่กี่ปีนี้
คนจีนเริ่มมีสัดส่วนที่มากขึ้น คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ของจํานวน EXPAT ทั้งหมด
ซึ่งตัวเลขของคนจีนในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว เมื่อเทียบกับอดีตก่อนหน้านี้
โดย EXPAT ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ในบริเวณสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 1
ถึงซอย 63 สำหรับซอยเลขคี่ และซอย 2 ถึงซอย 42 สำหรับซอยเลขคู่(โดยคนญี่ปุ่นชอบที่จะอาศัยอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ถึงทองหล่อ จนหลายคนเรียกย่านนั้นว่าเป็น LITTLE TOKYO) ย่านสีลม สาทร และสยาม คนกลุ่มนี้รวมทั้งคนไทยที่อยู่ในย่านนี้
และที่กำลังย้ายมาอยู่ในย่านนี้ ดูได้จากโครงการคอนโดที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในย่านนี้
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง ล้วนแล้วแต่ต้องการ ที่จะได้รับบริการทางด้านรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง
ดังนั้นโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน JCI ที่อยู่ในย่านดังกล่าว
จึงเป็นโรงพยาบาลที่มีลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีบางโรงพยาบาลก็จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์(นักลงทุนหุ้น
ลองทำการบ้านกันดู) ยิ่ง Mega trend ของการลงทุนในประเทศไทย
ที่มีฐานอายุของประชากรที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ย่อมต้องมีกลุ่มโรงพยาบาลอยู่ในนั้นด้วย
และ P/E ที่ 30-40 เท่าที่นักลงทุนให้กับกลุ่มโรงพยาบาล
ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ P/E
กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันที่ P/E เฉลี่ยประมาณ 16 เท่าเท่านั้น จึงทำให้หลายปีที่ผ่านมา
มีกลุ่มโรงพยาบาลที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังมีอีก 2 3
โรงพยาบาลที่อยู่ในขั้นตอนการยื่น Filing กับกลต.
เพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นก็จะทำให้ต้นทุนทางการเงิน
สูงกว่าโรงพยาบาลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
รวมทั้งความน่าเชื่อถือและความมีชื่อเสียง และความสามารถที่จะ take over โรงพยาบาลอื่นๆ
เพื่อสร้างเป็นกลุ่มโรงพยาบาล จะทำให้ประหยัดต้นทุน หรือที่เรียกว่า economy of scale ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแนวโน้มของการควบรวมโรงพยาบาลมากขึ้น
ยังไม่นับโรงพยาบาลไทยบางแห่งซึ่งขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีกด้วย
เนื้อที่หมดแล้ว
มาตามอ่านบทความตอนหน้า ว่าการที่รัฐให้ลดหย่อนประกันสุขภาพ 15,000 บาทแท้จริงแล้วใครจะได้ประโยชน์กันครับ
24/8/60
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน
4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty
ริทึ่ม (RHYTHM) รางน้ำ 3 ยูนิตสุดสวย ซื้อมาในรอบ
VVIP เจ้าของขายเอง 2 นาที จาก BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัย
ห้องที่จะขายดาวน์(พร้อมอยู่อาศัยได้เลย) 3 ยูนิต
ชั้น
16 เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน
ตกแต่งสวยมาก มี ผ้าม่าน
เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แอร์ 2 ตัว ตู้เย็น 10.6 คิว เครื่องซักผ้าฝาหน้า
Digital TV 49 นิ้ว เครื่องทำน้ำอุ่น และ Microwave หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา
5,400,000 บาท
รายละเอียดโครงการ
ขนาด 1-3-93 ไร่ 28 ชั้น แขวงพญาไท เขตพญาไท ห้องพักอาศัย 385 ยูนิต ร้านค้า 1 ร้าน
ที่จอดรถ 171 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน) = 44%
-สวน KARESANSUI และ READING GARDEN ชั้น G และชั้น 6
-สระว่ายน้ำแบบ INFINITY EDGE 180 องศา
-
SKY FITNESS และ STEAM ROOM ที่ชั้น 27-28
- ค่าส่วนกลางและกองทุน 58
บาท/ตร.ม.และ 450 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น