จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

จะทำ SE หรือ CSR กันดี



                                                  จะทำ SE หรือ CSR กันดี
                                 Photo from www.tourismchiangraicrms6.blogspot.com

            เมื่อเร็วๆนี้ผมได้รับเชิญไปเข้าร่วมสัมนาในหัวข้อ “HOW CAN CORPORATE DIRECTOR HELP NURTURE SOCIAL ENTERPRISES” ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบัน IOD (THAI INSTITUTE OF DIRECTORS ASSOCIATION-สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความเป็นมืออาชีพของกรรมการ และส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลกิจการที่ดีในประเทศไทย โดยงานสัมนานี้มี SINGHA PARK เป็นสปอนเซอร์ของงาน โดยผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ก็เป็นกรรมการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือตัวแทนที่ได้รับมอบหมาย
            ในระยะเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา เราคุ้นหูกับคำว่า CSR (CORPRRATE SOCIAL RESPONSIBILITY) ซึ่งหมายถึง การดำเนินกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกองค์การที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งในองค์กร หรือภายนอกองค์กร  ในอันที่จะทำให้การอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นไปอย่างมีปกติสุข ซึ่งในอดีตที่ผ่านๆมา โครงการ CSR ส่วนใหญ่ขององค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐเอง หรือเอกชน จะดำเนินการในลักษณะทำครั้งเดียวจบ เช่นการบริจาค การสนับสนุนหรือสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆที่มีประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคิดว่าเป็นการ คืนกำไรให้สังคม เช่นการแจกผ้าห่มในช่วงฤดูหนาว ถึงแม้ว่าจะมีการแจกทุกปี แต่ก็ไม่ใช่โครงการที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม เสมือนกับการให้ปลาแก่ผู้คนที่เดือดร้อน ซึ่งอย่างมากก็ช่วยประทังความหิวไปได้ไม่กี่มื้อ สู้สอนวิธีการตกปลาให้แก่ผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นการช่วยที่ถาวร เป็นการสร้างความยั่งยืน และมั่นคงได้ดีกว่า CSR แบบเดิมๆ นั่นคือที่มาของ “SOCIAL ENTERPRISE(SE)” (ธุรกิจเพื่อสังคม หรือบางคนเรียกว่ากิจการเพื่อสังคม) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาสังคม และ/ หรือ สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายหลักคือ เพื่อผลลัพธ์ทางสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถเดินทางไปพร้อมๆกับการดำเนินธุรกิจ
            SE แพร่หลายมากใน UK USA และประเทศในสหภาพยุโรป โดย SE ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เริ่มต้นจากการวิเคราะห์หารากเหง้าของปัญหาในสังคมที่จะเข้าไปทำ SE นั้นๆว่า มีอะไรบ้าง แล้วคิดโครงการที่จะสร้างธุรกิจที่จะช่วยแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาสังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านกลไกการค้าหรือการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และธุรกิจดังกล่าวจะต้องสามารถสร้างผลกำไรได้ เพื่อจะได้สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยงบสนับสนุนจากองค์กรต้นสังกัดอยู่เรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ SE นั้นๆมีความยั่งยืน และเป็นการช่วยสังคมได้ในระยะยาว
            ตัวอย่าง SE ของ UK ที่ประสบความสำเร็จ เช่น CAFEDIRECT ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาหลังจากที่เกิด COFFEE CRISIS ในปีค.ศ.1989 ที่ราคาเม็ดกาแฟตกต่ำมาก ทำให้ชาวไร่กาแฟต้องขายผลผลิตในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนเป็นอย่างมาก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่มาของ  CAFEDIRECT ในการรับซื้อเมล็ดกาแฟที่ราคาเป็นธรรม แล้วนำมาปรุงแต่งเป็นกาแฟที่เลิศรส ส่งขายทั่วไป ไม่เพียงแต่ใน UK เท่านั้น ยังมีขายในหลายประเทศในยุโรป และเอเชีย รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ทั้งยังมีการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปให้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ SE  ซึ่งสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยแก้ปัญหาในสังคมได้เป็นอย่างดีด้วย
            เรามาดูตัวอย่างSE ของเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างเช่น SINGHA PARK ของเครือบุญรอดบริวเวิอรี่ ที่ตระหนักถึงปัญหาของชาวเขาจังหวัดเชียงราย ที่ทำการถางป่า เพื่อทำไร่เลื่อนลอย โดยเฉพาะไร่ฝิ่น เป็นอาชีพหลัก ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญอย่างต้นไม้ จึงเป็นที่มาของ SE แห่งนี้ โดย SINGHA PARK ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 8,000ไร่ ที่ได้รับการพัฒนา โดยมีการปลูกพืชผักเมืองหนาว ทำไร่ชา ทั้งยังมีศูนย์กีฬา และการสันทนาการ รวมทั้งกิจกรรมให้อาหารสัตว์ต่างๆที่เลี้ยงไว้ใน PARK แห่งนี้ มีการจัดฟาร์มทัวร์ และขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตได้จากฟาร์ม โดยมีการจ้างงานชาวเขาเพื่อแก้ปัญหาการรุกล้ำถางป่า พร้อมไปกับการสร้างอาชีพให้คนกลุ่มนี้ เป็นการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ซึ่งนับเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่องค์กรต่างๆที่มีความคิดอยากจะทำSE  
            เราได้เห็นประโยชน์ของ SE กันแล้ว ทำให้ผมคิดถึงหน่วยงานหนึ่งขึ้นมานั้นคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำลังช่วยกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนที่มีอยู่ 600-700 บริษัท ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่แข็งแรง มีเงินทุนเพียงพอที่จะก่อตั้ง SE เพื่อช่วยแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะโดยปกติบริษัทเหล่านี้ ก็จะมีการจัดสรรงบส่วนหนึ่งเพื่อทำ CSR อยู่แล้ว ก็รวบรวมงบ CSR ในแต่ละปี มาทำ SE ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนได้ดีกว่า แต่การตื่นตัวของบริษัทจดทะเบียนยังมีอยู่น้อยมาก ผมคิดว่ารัฐบาลต้องกระตุ้นและส่งเสริมในเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ เช่น ถ้าหน่วยงานไหนทำ SE ก็ให้นำค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาลดหย่อยภาษีได้ 1.50 เท่า และผู้เสียภาษีที่ให้เงินสนับสนุนโครงการ SE จะสามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 20,000, บาท จนกว่า SE เหล่านี้จะแข็งแรง สามารถสร้างผลกำไรได้ 2-3 ปี ติดกัน จึงให้ SE เหล่านั้นหลุดจาก LIST ที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อรัฐบาลจะได้สนับสนุน SE ใหม่ๆได้ เป็นการลดภาระของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนด้วย

กิติชัย เตชะงามเลิศ
       25/4/59


กิติชัย เตชะงามเลิศ
       22/6/59


  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
     หรือ
1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน  Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
 
ขายคอนโดสุขุมวิทลีฟวิ่งทาวน์ อโศก สุขุมวิท เดิน 2 นาที จากรถไฟใต้ดินเพชรบุรีและท่าเรือเพชรบุรี และ 8 นาทีจากสถานีแอร์พอร์ตลิ้ง ราคาแค่ตารางเมตรละ 90,000 บาท

 

โครงการ มี 36ชั้น 453 ยูนิต ที่จอดรถ 540 คัน   มี สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องล็อคเกอร์ ซาวน่า สตีม แยกชายหญิง
            ห้องที่จะชายเลขที่ 299/40(502) ชั้น 5 แบบห้องเอ เนื้อที่ 60 ตารางเมตร ไม่มีตึกบัง ราคา 5,600,000 บาท มี   1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  1ห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก พร้อมเครื่องปรับอากาศ  2 เครื่อง รวมทั้งที่จอดรถ 1 คัน ห้องหันทิศเหนือ ให้เช่าห้อง 25,000 บาท/เดือน โครงการใกล้กันขนาดเท่ากัน ขายกันที่ 12,000,000 บาท

ดู VDO ที่ผมถ่ายภายในห้อง ที่ http://youtu.be/MejmuRp3pGQ
 

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

การประมูล 4 G รอบหน้า ใครได้ใครเสีย



                                                 การประมูล 4 G รอบหน้า ใครได้ใครเสีย


                                การประมูล 4G ครั้งล่าสุด มีผู้ประมูลได้แล้วทิ้งประมูลไปก็คือกลุ่ม JAS โดยมี ADVANC เป็นคนที่ประมูลสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ต่อมาหลังจากนั้นเมื่อถึงกำหนดเวลาที่ต้องมาชำระเงินพร้อมทั้ง Bank Guarantee กลุ่ม JAS ไม่มาตามนัด ADVANC จึงเสนอตัวเข้าสวมสิทธิ์แทน  ในราคาตามที่กลุ่ม JAS เสนอราคาไว้ช่วงประมูล แต่ก็ถูกกลุ่ม TRUE ร้องเรียนว่าทำไม่ได้ ทางกสทช. ควรจัดประมูลใหม่ แล้ว TRUE จะขอเข้าร่วมประมูลใหม่ด้วย
                                ปกติเวลามีการแข่งขันหรือประกวดอะไรก็ตาม ผมเห็นว่าส่วนใหญ่จะให้ผู้ที่ได้อันดับ 2 เข้ารับตำแหน่งแทนผู้ชนะเลิศเป็นส่วนใหญ่กรณีกรรมการตัดสิทธ์ผู้ที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการประกวดนางงาม เมื่อผู้ชนะเลิศอันดับที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือถูกจับได้ภายหลังว่ามีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือทำเรื่องเสื่อมเสีย ผู้ชนะเลิศอันดับที่ 2 ก็จะมารับตำแหน่งแทนที่ หรือการแข่งขันกีฬาต่างๆ เมื่อผู้ชนะเลิศถูกจับได้ว่าโด๊ปยา หรือทำผิดกติกากฏระเบียบในการแข่งขัน กรรมการตัดสินก็จะให้ผู้ได้รับตำแหน่งที่ 2 เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ชนะเลิศ ดังนั้นการที่ ADVANC จะเสนอตัวเป็นผู้สวมสิทธิ์แทนกลุ่ม JAS เป็นอะไรที่ไม่ผิดแผกจากการประกวดหรือแข่งขันประเภทอื่นๆ แต่เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ทางกสทช. เสนอให้ท่านนายกใช้ ม.44 ผ่าทางตัน ท่านนายกจึงให้กสทช.จัดประมูลรอบใหม่ โดยให้ใช้ราคาที่กลุ่ม JAS ประมูลได้เป็นราคาเริ่มต้น โดยให้ทุกกลุ่มมีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลได้ ยกเว้นกลุ่ม JAS หมดสิทธิ์ ต่อให้ไม่ตัดสิทธิ์ กลุ่ม JAS คงไม่มีหน้าจะเข้าร่วมประมูลรอบใหม่เป็นแน่ ทีนี้ค่าใช้จ่ายในการจัดประมูลทาง กสทช. จะเรียกให้กลุ่ม JAS ชดใช้ค่าเสียหายนี้หรือไม่อย่างไร นอกจากยึดเงินมัดจำการประมูลรอบที่แล้วไปแล้ว ยังไม่มีการไขความกระจ่างให้สาธารณชนได้ทราบ แล้วสัมปทานต่างๆที่กลุ่ม JAS ได้รับจาก กสทช. จะมีการจัดการอย่างไรต่อไป ประชาชนกำลังรอฟังท่านอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจมากกว่าทำไมกลุ่ม TRUE ถึงมีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลรอบนี้กับเขาด้วย ทั้งๆที่เป็นผู้ประมูลได้ทั้งคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ในรอบที่แล้ว จะไม่เป็นการผูกขาดคลื่นไว้กับตัวเองเกือบหมดเลยเหรอ สมมติว่า TRUE ประมูลได้ จะเท่ากับว่าการประมูลคลื่น 4G โดยมี 4 ใบอนุญาต TRUE จะได้ไปถึง 3 ใบอนุญาต มันเป็นความยุติธรรมกับค่ายอื่นๆหรือไม่ นอกจากนั้น กสทช.เองกลายเป็นฝ่ายสนับสนุนให้มีการผูกขาดอุตสาหกรรมนี้ไปด้วย เห็นมีแต่เขาจะพยายามลดการผูกขาดตัดตอน แต่นี่ กสทช. กำลังจะสร้างโอกาสให้มีการผูกขาดในธุรกิจสื่อสาร ประชาชนตาดำๆ คงจะต้องเป็นผู้รับกรรมในอนาคตเป็นแน่แท้
                                แต่ประมูลรอบนี้ผมไม่คิดว่า TRUE จะเอาจริง แต่คงน่าจะทำให้คู่แข่งที่จะเข้าประมูลรอบนี้อย่าง ADVANC ต้องหัวหมุน และประมูลในราคาที่สูง เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายสูง จะได้ไม่มีแรงอัดโปรโมชั่นถูกๆมาแข่งขันในตลาด แต่อย่าลืมนะครับว่า ภาระค่าใบอนุญาตที่ TRUE ประมูลได้ 2 ใบ รวมทั้ง BANK GUARANTEE ก็เป็นภาระที่หนักอึ้งอยู่แล้ว ไหนจะมีการเพิ่มทุนที่เพิ่งจะ XD ไปเมื่อวันที่ 19 เมษายนนี้ สัดส่วน D/E สิ้นปี 2558 = 2.79 ซึ่งนับว่าสูงมากอยู่แล้วเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง ADVANC และ DTAC ราคาประมูลที่ JAS เสนอไป ยังหาธนาคารมาสนับสนุนเงินกู้ไม่ได้ แล้วถ้า TRUE จะเอาจริง คงต้องมาคุยกันเหนื่อยกับธนาคารที่จะขอกู้ และคงต้องเพิ่มทุนอีกในอนาคตเป็นแน่ ถ้าหวังจะสร้างราคาประมูลให้สูง คงต้องเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้ และต้นทุนที่จะสูงปรี้ดจากราคาที่จะเสนอ บวกกับต้นทุนทางการเงิน คงจะทำให้ขาดทุนไปอีกหลายปี ส่วน DTAC ก็ให้ข่าวทำนองว่าไม่สนใจจะร่วมประมูล งานนี้ดูแล้ว ADVANC คงจะไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่
                                ข้อสำคัญที่สุดคือ กสทช. ต้องไม่ให้มีการสร้างราคา และ กำหนดบทลงโทษไว้อย่างรัดกุมในการประมูลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้


กิติชัย เตชะงามเลิศ
       21/4/59
  



1.หนังสือ "จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร" เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
 
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 
     หรือ

1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน  Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส