จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

นักท่องเที่ยวจีนกับคอนโดไทย(ตอนจบ)

                               นักท่องเที่ยวจีนกับคอนโดไทย(ตอนจบ)


               จากบทความตอนที่แล้วที่ผมได้พูดถึงเรื่องการท่องเที่ยว  และได้แสดงให้เห็นถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งสัดส่วนของนักท่องเที่ยวแต่ละชาติใน 10 อันดับแรกที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย โดยมีนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเริ่มเข้ามาติดอันดับที่ 1 ตั้งแต่ปี 2555 แล้วก็ติดอันดับที่หนึ่งมาตลอดจนถึงปีล่าสุด(2559) จากเคยที่มาแค่ท่องเที่ยวเฉยๆ แล้วคงมีบางกลุ่มที่มาเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับ ที่ผมพูดอย่างนั้น เพราะผมสังเกตเห็นว่าคอนโดแห่งหนึ่งที่ผมซื้อไว้ มีคนจีนอยู่ค่อนข้างมาก  ดูลักษณะท่าทางว่าจะมาปักหลักอาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นแน่ ไม่รู้ทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สังเกตเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทย และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่กลับออกไป มีปริมาณแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนบ้างหรือเปล่า  แต่ที่ผมจะเน้นในบทความนี้คือนักท่องเที่ยวจีนยุคหลังๆนี้ นอกจากมาท่องเที่ยวแล้วยังมาดูช่องทางในการลงทุนคอนโด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในประเทศจีน และความหวาดกลัวในทรัพย์สินของชาวจีน จากมาตรการของรัฐบาลจีน อีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่า ราคาคอนโดในเมืองไทยยังนับว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆในประเทศจีน รวมทั้งผลตอบแทนจากการเช่าก็ยังถือว่าค่อนข้างดี  และกระบวนการซื้อขายก็ไม่ซับซ้อน เมื่อเทียบกับบางประเทศรวมทั้งเงินผ่อนดาวน์และค่าใช้จ่ายในการโอนถือว่าไม่สูงนัก

              จากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติที่มาซื้อคอนโดในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวฮ่องกงและสิงคโปร์ และเนื่องจากความต้องการภายในประเทศใน 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ในภาวะซบเซา จึงทำให้ Developer  จำเป็นต้องเข้าไปขยายฐานในต่างประเทศ(ปัจจุบันนักลงทุนมาเลเซียก็เข้ามาซื้อคอนโดในประเทศไทยมากขึ้นเหมือนกัน)  โดยข้อมูลจาก Baidu พบว่าประเทศไทยติดอันดับที่ 7 ของโลก ที่ชาวจีนค้นหาข้อมูลเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  โดยไทยเป็นอันดับที่ 2 เมื่อเทียบกับประเทศทั้งหมดในอาเซียน โดยรองจากประเทศมาเลเซียเท่านั้น คงจะเป็นเพราะว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเรามีกีฬาสีกันต่อเนื่องยาวนาน จึงทำให้เสน่ห์ของประเทศไทยลดลง และอีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ ทางรัฐบาลมาเลเซียได้วางแผนมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ในการเสนอวีซ่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติ ให้สามารถมาอาศัยอยู่ในมาเลเซียได้สูงสุดถึง 10 ปี เมื่อซื้ออสังหาภายใต้โปรแกรม "Malaysia My Second Home (MM2H)"  โดยมี 2 เมืองหลักที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจคือ กัวลาลัมเปอร์ และปีนัง จริงๆแล้วประเทศไทยเราก็มีโครงการ Thailand Elite ในสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่ด้วยที่ทำไม่จริงจังก็เลยไม่ประสบความสำเร็จ

                สำหรับคอนโดในกรุงเทพ นักลงทุนจีนนิยมที่จะลงทุนในเขตใจกลางเมือง หรือไม่ไกลจากใจกลางเมืองนัก โดยจะต้องเดินทางได้สะดวกด้วยระบบรถไฟฟ้า นอกจากจะลงทุนในคอนโดกรุงเทพแล้ว ที่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆอย่างเช่น เชียงใหม่  พัทยา และภูเก็ต ก็เป็นเป้าหมายในการลงทุนคอนโด ของนักลงทุนจีนด้วยเช่นกัน

                ชาวต่างชาติที่จะซื้ออสังหาในมาเลเซียในลักษณะที่เป็น Freehold จะต้องเป็นอสังหาได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นแนวราบหรือแนวสูง ที่มีมูลค่ามากกว่า 500,000-2 ล้าน RM(4 ล้าน-16 ล้านบาท) ขึ้นอยู่กับว่าจะซื้ออสังหาที่เมืองไหนหรือรัฐไหน(ตามภาพที่ 1) ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติไม่สามารถซื้อที่ดินหรือบ้านแนวราบในประเทศไทยได้ แต่สามารถซื้อคอนโดได้โดยไม่จำกัดราคา โดยมี Foreign Limit อยู่ที่ 49 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และชาวต่างชาติสามารถขอสินเชื่อได้สูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ตกลงซื้อขายสำหรับโครงการที่อยู่ในโปรแกรม MM2H ในขณะที่โครงการที่ไม่อยู่ใน MM2H จะกู้ได้เพียง 70% ของราคาซื้อขายเท่านั้น  ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่จะซื้อคอนโดในประเทศไทยไม่สามารถที่จะขอสินเชื่อได้ จะต้องนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยเพื่อการซื้อเท่านั้น  และทางประเทศจีนก็ยังมีข้อจำกัดในการนำเงินตราออกนอกประเทศของชาวจีน จึงทำให้การซื้อคอนโดในประเทศไทยของชาวจีน มีปัญหาและอุปสรรคมากมาย อย่างไรก็ตามผมก็เห็นมี DEVELOPER หลายรายจากเมืองไทย ไปทำการเสนอขายคอนโดที่เมืองจีนหลายรายอยู่เหมือนกัน  โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
                                     

                                                                      ภาพที่ 1 : ข้อจำกัดในการซื้ออสังหาในมาเลเซีย
                           ที่มา : https://www.edgeprop.my/content/1045775/minimum-property-purchase-prices-foreign-buyers

            จริงๆแล้วอยากให้รัฐบาลไทยส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดในเมืองไทย โดยให้อภิสิทธิ์บางอย่าง อย่างเช่นวีซ่าระยะยาวเหมือนที่มาเลเซียให้เป็นต้น ที่จริงแล้วการขายคอนโด ก็เหมือนกับการขายสินค้าชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้วัตถุดิบภายในประเทศเกือบทั้งหมด ให้ชาวต่างชาติโดยที่ไม่ต้องส่งออก และชาวต่างชาติเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะนำสินค้าชนิดนี้ ออกไปนอกราชอาณาจักรไทยได้ เพียงแต่ว่าคอนโดดังกล่าว ควรจะมีราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อไม่ให้กระทบกับ DEMAND และราคาคอนโดในระดับล่าง  ซึ่งจะทำให้มีเงินตราต่างประเทศไหลเข้ามาในประเทศไทย เพิ่มขึ้นได้อีกเป็นจำนวนมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไว้พิจารณาดูนะครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     21/12/60

นักท่องเที่ยวจีนกับคอนโดไทย(ตอนที่ 1http://kitichai1.blogspot.com/2017/12/1_21.html

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก







ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กันยายน 2561)

1.ห้อง 2 นอน 1 น้ำ  43.5 ตารางเมตร ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 7,000,000 บาท

2.ห้อง ชั้น 7 ประเภทห้อง 1 นอน 1 น้ำ 28.4 ตารางเมตร ไม่ติดลิฟท์ ไม่โดนบล็อควิว เป็นซิตี้วิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 4,800,000 บาท

          อาคารชุด 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน ลึก 3 ระดับ 59 ห้องชุด ที่จอดรถ  59 คัน คิดเป็น 100 % บนที่ดิน 218 ตารางวา
พื้นที่ส่วนกลาง : สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ห้องสมุด ซาวน่า และ สปอร์ตคลับ / ฟิตเนส

CALL   : 081-8118229
LINE   : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai

พื้นที่ส่วนกลาง : สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ห้องสมุด ซาวน่า และ สปอร์ตคลับ / ฟิตเนส
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
1. จามจุรีสแควร์ 250 เมตร
2. รร.เตรียมอุดมศึกษา 600 เมตร
3. รร.สาธิตจุฬา 600 เมตร
4. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 300 เมตร
5. ย่านธุรกิจสีลม 450 เมตร
6. สวนลุมพินี 600 เมตร

                ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 9 ยูนิต
                ที่จอดรถ  59 คัน คิดเป็น 100 %
                
สิ่งอำนวยความสะดวก
  • Lobby
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ + Jacuzzi + Pool Lounge
  • ห้องออกกำลังกาย + Sauna
  • Double Volume Lobby
  • Sky Deck
  • Roof Garden
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร ตัว
·        จอดรถ  59 คัน คิดเป็น 100 %
  • ระบบ CCTV / Access Card
รายการวัสดุ

- พื้น Engineering Wood
- กลอนประตู Digital Door Lock High Security Lock
- Kitchen Counter
- Built-in Closet
-Loose Furniture Set
- Double Glass Window (front side only)
- ระบบห้องน้ำ Automation จาก American Standard
- ระบบน้ำร้อน Heat Water System
- เครื่องปรับอากาศ Daikin หรือเทียบเท่า
- อุปกรณ์ไฟฟ้าจาก Siemen ระบบ LED Lighting ทั้งอาคาร รวมถึงการติดตั้งแผง Solar Cell บนดาดฟ้า
- ผนังห้อง Wallpaper พร้อม Wall Decoration
ดู VDO ที่  https://youtu.be/71DIiM0m4tM

นักท่องเที่ยวจีนกับคอนโดไทย(ตอนที่ 1)

                                     นักท่องเที่ยวจีนกับคอนโดไทย(ตอนที่ 1)




        ธุรกิจที่เชิดหน้าชูตาของประเทศไทย และสามารถต่อกรกับประเทศอื่นๆบนโลกใบนี้ได้อย่างดีทีเดียว ก็คือธุรกิจการท่องเที่ยว  จะเห็นได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทย ติดอันดับที่ 9 ของประเทศทั่วโลก โดยปี 2559 มีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย 32.60 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ 29.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นมา 2.7 ล้านคนหรือคิดเป็น 8.9%   (ที่มา : United Nations World Tourism Organization) ตามภาพที่ 1 จะเห็นได้ว่าประเทศที่ติดอันดับ Top 10 เป็นประเทศในทวีปยุโรปถึง 6 ประเทศ( ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี สหราชอาณาจักร และเยอรมันตามลำดับ)  ทวีปอเมริกาเหนือ 2 ประเทศ(สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก)  ทวีปเอเชีย 2 ประเทศ(สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทย)  ที่เป็นเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะว่าชาวยุโรปและชาวอเมริกา มีรายได้ประชากรต่อหัวสูง เมื่อเทียบกับคนชาติอื่นๆในทวีปอื่นๆ  และการที่ชาวยุโรปมีประเทศติดกัน การเดินทางสะดวก และไม่ต้องขอวีซ่าเวลาจะเข้าประเทศ  ในขณะที่ประเทศจีนมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ มีทรัพยากรการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และในกลุ่มประเทศอาเซียนมีประเทศไทยเราประเทศเดียว ที่ติดอันดับ Top 10  น่าชื่นใจจริงๆ

                                  

                                 ภาพที่ 1 : จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสากลปี 2559   ที่มา : WIKIPEDIA

       ในปัจจุบันบนโลกใบนี้มีประเทศถึง 195 ประเทศโดยที่ 193 ประเทศเป็นสมาชิกสหประชาชาติขณะที่อีก 2 ประเทศยังเป็นแค่เพียง  Non-Member Observer States ซึ่งได้แก่ประเทศ The Holy See และ The State of Palestine
(ที่มา : http://www.worldometers.info/) สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของธุรกิจท่องเที่ยวของไทย  นอกจากธุรกิจเหล่านี้จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแล้วหลายปีที่ผ่านมา ทั้งไปรับบริหารกิจการโรงแรม และรีสอร์ทต่างๆในหลายประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไมเนอร์อินเตอร์ เซ็นทรัล ดุสิตธานี ๆลๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความแข็งแกร่งมาก ถึงขนาดที่ไปเทคโอเวอร์กลุ่มโรงแรมต่างชาติ อย่างเช่นกลุ่มไมเนอร์อินเตอร์ที่ไปเทคกลุ่มโรงแรม TIVOLI ในโปรตุเกส และบราซิล เมื่อต้นปี 2558 รวมทั้งโรงแรมในกลุ่มของ Oaks Hotels and Resorts

         เมื่อมาดูจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยปี ตั้งแต่ ปี 2550 ถึง 2559(ภาพที่ 2) จะเห็นได้ว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี ในอัตราที่โตพอสมควร โดยบางปีโตมากกว่า 30% เสียด้วย มีอยู่เพียง 2 ปีที่มีอัตราการเติบโตติดลบ คือปี 2552 ซึ่งในปีนั้นเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย ช่วงเมษายน หรือ สงกรานต์เลือด เป็นเหตุการณ์การเดินขบวนทางการเมืองในกรุงเทพมหานครและพัทยา เพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีการสลายการชุมนุมด้วยทหารตามมา ช่วงที่การประท้วงถึงขีดสุด มีผู้ประท้วงมากถึง 100,000 คน จนรัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และปี 2557 ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย ที่จองโรงแรมไปแล้วก็ขอยกเลิก ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่องมีความซบเซา ซึ่งส่งผลกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยใน 2 ปีนั้นเป็นอย่างมาก



                                                        ภาพที่ 2 : สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ปี 2550 ถึง 2559
                    ที่มา : กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เมื่อมาชำแหละดูจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยปี 2553 ถึง 2559(ภาพที่ 3) ถ้านับเป็นรายประเทศ จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งเริ่มเข้ามาติดอันดับที่ 1 ตั้งแต่ปี 2555 แล้วก็ติดอันดับที่หนึ่งมาตลอด ถ้าดูจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 777,508 คน จนถึงปีล่าสุดคือปี 2559  มีจำนวน 8,757,466 คน  เท่ากับว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นมาถึง 7,979,958 คน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นมาถึง 1,026.35%  ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมาก

          ในขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มอาเซียน ถ้าเปรียบเทียบตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 3,968,579 คน จนถึงปีล่าสุดคือปี 2559  มีจำนวน 8,658,051 คน  เท่ากับว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นมาถึง 4,689,472 คน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นมาถึง 118.17%  ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพอใจเลยทีเดียว

10 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2559



          
* ประเทศในกลุ่มอาเซียน                                     
                                                 ภาพที่ 3 : 10 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2559
                  ที่มา : กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ยังไม่ทันเข้าเรื่อง เนื้อที่ก็หมดเสียแล้ว ติดตามอ่านตอนต่อได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2017/12/blog-post_88.html

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     21/12/60

นักท่องเที่ยวจีนกับคอนโดไทย(ตอนจบhttp://kitichai1.blogspot.com/2017/12/blog-post_88.html
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส


หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty



แอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruek ขายดาวน์ 6 ยูนิตสุดสวย เพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น 1 ก้าวจาก SKY WALK รถไฟฟ้าบางหว้า และรถไฟฟ้า MRT (เป็นสถานี INTERCHANGE)
        

        ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ กย. 2561) ขนาด 26 ตรม. แบบ STUDIO ห้องหันไปทางทิศใต้ รับลมตลอดทั้งปี ราคา 2,000,000 บาท

CALL   : 081-8118229
LINE   : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai

       Aspire Sathorn-Rajpruek, 1 step from BTS Bangwah & MRT, only 2 million baht.



Down Payment sales : Studio type, 26 sqm., the balcony facing south, only 2 million baht.

CALL   : 081-8118229
LINE   : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai
EMAIL  : gid1998@gmail.com



สถานการณ์ตลาดคอนโดยังดี?

                                                       สถานการณ์ตลาดคอนโดยังดี?
            

             จากข้อมูลของ CBRE พบว่า  ยอดขายของคอนโดมิเนียม ในไตรมาส 2 ปีนี้ค่อนข้างเฉื่อย โดยมีคอนโด 1,041 ยูนิต ที่อยู่ในเขตเมืองชั้นใน ออกมาขายในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งมียอดขายที่ดีกว่าบริเวณรอบนอกของกรุงเทพโดยโครงการที่อยู่ในโลเคชั่นที่ดี พร้อมทั้งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ถูกต้อง ยังมียอดขายดีกว่าโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรม มีจำนวน 28,282 ยูนิตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้ถูกขายไปแล้ว 76.19 เปอร์เซ็นต์ โดย CBRE เชื่อว่าจำนวนยูนิตที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังขายไม่ได้มีอยู่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามยอดขายคอนโดรวมแล้ว ลดลง 63 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ยังเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบปีต่อปี(ดูภาพที่ 1 ซึ่งแสดงถึงจำนวนยูนิตของคอนโด ที่ออกขายตั้งแต่ปี 2538 ถึง ปี 2564(คาดการณ์))
                             
         
                            ภาพที่ 1 จำนวนยูนิตของคอนโดที่ออกขายตั้งแต่ปี 2538 ถึง ปี 2564(คาดการณ์))
        แต่ราคาคอนโดที่จัดว่าเป็นระดับ luxury ในเขตเมืองชั้นใน ยังสร้างสถิติของราคาสูงสุดใหม่อยู่เรื่อยๆ ราคาของบางยูนิตในบางโครงการ มีราคามากกว่า 100 ล้านบาทไปแล้ว(ดูราคาเฉลี่ยของคอนโด HIGH-END ในเขตเมืองชั้นใน ได้จากภาพที่ 2)
                                              

                                                        ภาพที่ 2 ราคาเฉลี่ยของคอนโด HIGH-END ในเขตเมืองชั้นใน

             จากราคาที่สูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ซื้อคอนโดในเขตดังกล่าว ใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจซื้อนานขึ้น สาเหตุที่ราคาคอนโดสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะว่าราคาที่ดินของเขตเมืองชั้นใน พุ่งสูงขึ้นตลอดเวลา  ซึ่งซีบีอาร์อีชื่อว่าราคาคอนโดในเขตเมืองชั้นในจะไม่ตกลง ยกเว้นแต่โครงการที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังมียูนิตเหลือ ยังขายได้ไม่หมด เพราะว่ายังมี DEMAND จากคนต่างชาติที่มี SKILLED ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ที่มีใบอนุญาตทำงาน หรือที่เรานิยมเรียกสั้นๆว่า EXPAT  ที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนล่าสุดอยู่ที่ 84,387 คน ซึ่งเป็นตัวเลข ณ ไตรมาส 2 ปี 2559  โดยคนญี่ปุ่นครองสัดส่วนสูงสุดถึง 22%(ข้อมูลจาก : CBRE) โดยไม่กี่ปีนี้ คนจีนเริ่มมีสัดส่วนที่มากขึ้น คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ของจํานวน EXPAT ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขของคนจีนในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว เมื่อเทียบกับอดีตก่อนหน้านี้ โดย EXPAT ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ในบริเวณสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 1 ถึงซอย 63 สำหรับซอยเลขคี่ และซอย 2 ถึงซอย 42 สำหรับซอยเลขคู่(โดยคนญี่ปุ่นชอบที่จะอาศัยอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ถึงทองหล่อ จนหลายคนเรียกย่านนั้นว่าเป็น LITTLE TOKYO)  ย่านสีลม สาทร และสยาม ในขณะที่ supply ของอพาร์ทเม้นท์ มีการเติบโตน้อยมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา(ดูภาพที่ 3 ซึ่งแสดงถึง DEMAND, SUPPLY และอัตราการเช่าของอพาร์ทเม้นท์ ในช่วงระหว่างปี 2548 ถึงไตรมาส 2 ปี 2560) เพราะว่าผลตอบแทนจากการลงทุนอพาร์ทเม้นท์ค่อนข้างต่ำ ปัจจุบันนี้มีจำนวนยูนิตของอพาร์ทเม้นท์เพียง ประมาณ 500 ยูนิตที่กำลังปรับปรุง เมื่อเทียบกับจำนวน 12,000 ยูนิตของคอนโดมิเนียม ที่กำลังจะผุดออกมาในย่านเขตเมืองชั้นใน
                                   

       ภาพที่ 3 DEMAND, SUPPLY และอัตราการเช่าของอพาร์ทเม้นท์ ในช่วงระหว่างปี 2548 ถึงไตรมาส 2 ปี 2560

          ล่าสุด ที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)ชนะการประมูลซื้อที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา บนถนนสาทร  ติดถนนสวนพลู มูลค่าที่ดิน 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทเตรียมจะพัฒนาเป็นโครงการ ซึ่งประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัยและอาคารสำนักงานให้เช่า  ซึ่งเป็นการสร้างสถิติราคาสำหรับที่ดินย่านสาทร
        แต่ก็ยังต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับราคาประมูลที่ดินของสถานทูตอังกฤษ เนื้อที่ 25 ไร่ บริเวณถนนวิทยุ ที่บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล (เจ้าเก่าที่เคยประมูลที่ดินของสถานทูตอังกฤษเมื่อปี 2550 ซึ่งชนะการประมูลซื้อที่ดินของสถานทูตอังกฤษแปลงแรกขนาด 9.5 ไร่มาแล้ว ด้วยราคา 9 แสนบาทต่อตารางวา ซึ่งก็เป็นราคาซื้อขายที่ดินที่แพงที่สุดในขณะนั้น)  เป็นผู้ที่เสนอราคาสูงสุด โดยได้เสนอราคาประมูลอยู่ที่ 2 - 2.2 ล้านบาท ต่อ 1 ตารางวา รวมที่ดินที่ประมูลทั้งหมดกว่า 10,000 ตารางวา มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติราคาที่ดินที่สูงที่สุด เท่าที่เคยมีการซื้อขายกันมาในประเทศไทย   
          ส่วนคอนโดที่อยู่บริเวณรอบนอก ยังมีความต้องการที่ต่ำ ซ้ำร้ายยังถูกจำกัดด้วยการที่สถาบันการเงินไม่ค่อยอยากจะปล่อยสินเชื่อให้  เนื่องจากเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี จึงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีจำนวนยูนิตที่เหลือขายสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก จำนวนยูนิตของโครงการในกลุ่มนี้มีถึง 14,066 ยูนิตเพิ่มขึ้น 95 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี เพราะว่า DEVELOPER ต่างก็ต้องการที่จะนำโครงการของตนออกขาย ก่อนที่จะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงในเดือนตุลาคม
                                            


          คอนโดกลุ่มนี้ยังมีอาการน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีปริมาณ SUPPLY มากกว่าปริมาณ DEMAND  ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้างที่มี DEMAND จากคนจีนที่มาซื้อคอนโดเพื่อลงทุน แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     21/12/60


ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส


หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ไลฟ์ อโศก(LIFE ASOKE) 2 ยูนิตชั้นสูงสุดสวย ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ 1 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพชรบุรี และ AIRPORT LINK สถานีมักกะสัน
   




        

ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ กค. 2561)

ชั้น 23  1 ห้องนอน 1ห้องน้ำ  ราคา 4,100,000 บาท เฟอร์นิเจอร์บางส่วน หันไปทางทิศใต้ ลมพัดเย็นสบาย ไม่ใกล้โถงลิฟต์ และห้องขยะ วิวอโศก สุขุมวิท CITY VIEW ใจกลางกรุงเทพ ไม่มีอะไรบังวิว



รายละเอียดโครงการ
      ถนนอโศก-ดินแดง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. พื้นที่ 6-2-85 ไร่ 35 ชั้น 1,642 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต ที่จอดรถ 675 คัน ซ้อนคันได้อีก 81 คัน รวมเป็น 51% ลิฟต์โดยสาร 8 ตัว และลิฟต์ขนของ 2 ยูนิต Triple Facilities พร้อมส่วนกลาง และสวน 5 ไร่กว่า Grand Lobby และสวนพักผ่อนขนาดใหญ่, Infinity Edge Pool & Panoramic Fitness และสวน บนชั้น 7, Sky High Garden บนชั้น 35 พร้อม Jogging track ยาวครึ่งกม. ค่าส่วนกลางและกองทุน 35 บาท/ตร.ม.และ 450 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ