จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนจบ)


                        รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนจบ)



           วันที่ 24 มีนาคมปีนี้ ประเทศไทยจะได้มีการเลือกตั้งอีกครั้งหลังจากที่ว่างเว้นมากันมานานมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะไม่มีการเลื่อนการเลือกตั้งอีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดทั้งสิ้น เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องการที่พรรคการเมืองหลายพรรค ประกาศนโยบายออกมาว่าถ้าตนได้เป็นรัฐบาล จะตัดงบทหารลง ทำให้เกิดวิวาทะ หนักแผ่นดินตามมา

            ทุกๆปีรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณที่ขาดดุลทุกครั้ง นั่นหมายถึงว่ารัฐบาลมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ดังนั้นสิ่งที่พอจะทำได้ก็คือ การจัดสรรเงินงบประมาณให้เหมาะสม อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรจะมี สิ่งใดที่ควร ที่จำเป็นต้องมีก็ต้องมี โดยเฉพาะงบประมาณเกี่ยวกับทางด้านการศึกษาและการสาธารณสุข เนื่องจากระดับการศึกษาของคนไทยเรา ยังน้อยหน้าประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซียหรือสิงคโปร์ หรือกระทั่งเวียดนามซึ่งคุณภาพการศึกษาที่ดีวันดีคืน คนเวียดนามเป็นชนชาติที่ขยันมาก ผมเคยไปเที่ยวเวียดนาม 2 ครั้ง ระหว่างที่ผมนั่งรถเดินทางระหว่างเมือง ผมไม่เคยเห็นคนเวียดนามแม้แต่คนเดียว ที่นั่งเฉยๆ หรือนั่งล้อมวงเล่นไพ่ ดื่มสุรา ซึ่งต่างกันมากเมื่อเทียบกับเวลาผมนั่งรถเดินทางไประหว่างเมืองในประเทศไทย ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้า GDP ต่อหัว ของคนเวียดนามจะสูงกว่าของคนไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า

          สังคมไทยที่ตอนนี้ เป็นสังคม aging society กันไปแล้ว และอีกภายในไม่ถึง 5 ปี เราก็จะเป็นสังคม aging society แบบสมบูรณ์แบบ นั่นคือในคน 5 คน จะมีคนที่อายุเกิน 60 ปีหนึ่งคนเป็นอย่างน้อย ย่อมส่งผลถึงงบประมาณที่ต้องจัดสรรให้ทางด้านสาธารณสุข คงจะต้องมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้รัฐช่วยดำเนินการก็คือ เป็นเจ้ามือในการจัดตั้งธนาคารเวลา(ธนาคารเวลาคือการที่คนคนหนึ่งทำงานเป็นอาสาสมัคร ช่วยดูแลผู้ป่วยหรือคนชรา  โดยนับเป็นจำนวนชั่วโมงที่ทำสะสมไปเรื่อยๆ เมื่อยามที่คนผู้นั้นแก่ตัวลง ก็สามารถที่จะใช้จำนวนชั่วโมงทั้งหมดที่ทำงานเป็นอาสาสมัครสะสมมา แลกกับการขอรับบริการให้อาสาสมัครรายอื่น มาช่วยดูแลตน) ซึ่งโครงการนี้น่าจะเหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากการที่เรามีผู้สูงอายุในสัดส่วนที่มากขึ้น ในขณะที่สัดส่วนของคนรุ่นหนุ่มสาว กลับมีอัตราที่ถดถอย คนกลุ่มวัยกลางคนจะต้องรับภาระหนักคือ ไหนจะต้องดูแลบุตรบุตรหลานของตัวเองแล้ว ก็ยังต้องดูแลบุพการีด้วย ดังนั้น อาจจะมีเวลาให้กับทางบุพการีไม่มากเท่าที่ควร  ทั้งยังอาจจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานงานด้อยลงด้วย การที่มีธนาคารเวลาก็จะช่วยทำให้คนวัยทำงานเหล่านี้ เมื่อถึงเวลาที่ตนเองอายุมากขึ้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาที่นำมาฝากไว้ เพื่อให้มีคนมาคอยดูแลตนเอง ในยามชราหรือเจ็บป่วย เป็นต้น



วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 5)


                        รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 5)




        บทความที่แล้ว ผมได้อธิบายถึงว่า NIT คืออะไร และได้แสดงตัวอย่างฃ่วงรายได้ที่เข้าข่ายจะได้รับเบี้ยขยันกันไปแล้ว ตอนนี้เรามาสรุปกันว่า NIT มีประโยชน์อย่างไรบ้างกัน

          สรุปประโยชน์ของ NIT

1. สามารถเข้าถึงคนยากจนที่แท้จริง เพราะคนกลุ่มนี้ถ้าจะรับเบี้ยขยันจะต้องเข้าสู่ในระบบภาษีเท่านั้น ต้องมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ส่วนบุคคลธรรมดาประจำปี โดยรัฐเองจะต้องมีจัดตั้งหน่วยงาน เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งไม่เข้าใจวิธีเก็บรวบรวมหลักฐานของรายได้ และขั้นตอนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี แต่รวมๆแล้ว NIT จะมีต้นทุนในการบริหารจัดการค่อนข้างต่ำ เพราะรัฐสามารถที่จะโอนเงินเบี้ยขยันให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับ ผ่านทางบัญชีพร้อมเพย์ของผู้รับได้โดยตรง ทำให้ขั้นตอนการดำเนินการของรัฐสั้นลง และตัดช่องทางรั่วไหลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้รัฐมีฐานข้อมูลคนจน เพื่อสามารถจะกำหนดนโยบายเข้าช่วยเหลือคนจนกลุ่มดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

MACO ถึงเวลา...



                                                 MACO


        ณ วันที่ 24 มกราคม 2562 นักลงทุนรายนี้มี #MACO 364 ล้านหุ้น ผ่านมาไม่ถึงเดือน(18วัน) เก็บหุ้นเข้าไปอีกประมาณ 140 ล้านหุ้น รวมเป็น 504.10 ล้านหุ้น โดยช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562(วันที่แจ้งกับกลต) ราคาหุ้นตัวนี้วิ่งอยู่ระหว่าง 1.43-1.59 บาท หมายความว่า......



Maybank Kim Eng] Today's Research

Master Ad (MACO) ก ำไร 4Q61 ดีกว่ำคำด และท ำสถิติใหม่ Results Review ผลกำรด ำเนินงำนไตรมำส 4/61 MACO รายงานก าไรสุทธิไตรมาส 4/61 ที่ 89 ล้านบาท ขยายตัว +31% QoQ และ +22% YoY สูงกว่าที่เราคาด 15% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ที่มากเกินคาด 24% เป็ น 691 ล้านบาท เนื่องจากงานโครงการวางระบบสื่อโฆษณาโดยบริษัทย่อย Trans Ad. ที่ เข้ามารวมในงบการเงินระหว่างงวดไตรมาส 3/61 มีการรับรู้ รายได้สูงถึง 468 ล้านบาท ในไตรมาสนี ้เทียบกับ 152 ล้านบาทในไตรมาส 3/61 ซึ่งแม้Trans Ad. จะดึงให้อัตรา ก าไรขั ้นต้นรวมหดลงเหลือ 38.4% จาก 44.3% เพราะธรรมชาติของธุรกิจที่มีอัตรา ก าไรขั ้นต้นต ่า 17-21% เทียบกับสื่อกลางแจ้ง 60% แต่ด้วยรายได้ที่สูงมากในไตรมาส นี ้ ก็เพียงพอให้ก าไรสุทธิไตรมาสนี ้ท าสถิติสูงสุดใหม่ที่ 89 ล้านบาทได้อย่างเหลือเชื่อ อย่างไรก็ดีด้วยเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื ้นตัวล่าช้า ท าให้ก าไรปกติปี 2561 ในภาพรวม ท าได้ที่ 316 ล้านบาท ต ่ากว่าคาดของเราไป 7% แนวโน้มไตรมำส 1/62 – คำดจะชะลอ QoQ เราคาดว่าผลก าไรจะอ่อนตัวลงจากไตรมาส 4/61 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื ้น ตัวช้า และการได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกทางอ้อมจากประเด็นสงครามการค้า ท าให้ผู้ ซื ้อสื่อโฆษณายังคงระมัดระวังการใช้เงินโฆษณา ขณะที่อุปสงค์จากภาคการเมืองนั ้น ส่วน ใหญ่จะลงไปสู่ผู้ประกอบการป้ ายขนาดเล็กนอกตลาดมากกว่า อีกทั ้งการเตรียมการปรับปรุง ป้ ายใต้ตอม่อรถไฟฟ้ า BTS คาดจะท าให้การรับรู้รายได้ส่วนนี ้ล่าถอยออกไป อย่างไรก็ดีภาพ YoY ยังเติบโตได้จากฐานต ่าเพียง 53 ล้านบาทในปี ก่อน

ค ำแนะน ำกำรลงทุน - ทยอยซื้อสะสมลงทุน

ทิศทางของ MACO ยังคงเติบโตตามมุมมองก่อนหน้า โดยประเด็นส าคัญปี นี ้คือ การ upgrade ป้ ายใต้ตอม่อรถไฟฟ้ า BTS อีก 42 ป้ ายเป็ นป้ าย LED โดยจะเริ่มสร้างรายได้ใน กลางปี นี ้เป็ นต้นไป ซึ่ง MACO จะใช้แหล่งเงินจากการเพิ่มทุน RO ในเดือน มี.ค. นี ้เราคง ค าแนะน า “ซื ้อ” ราคาเหมาะสม 2.68 บาท/ หุ้น อิง PEG 1.0x

 กิติชัย เตชะงามเลิศ


    14/2/62


          ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

แอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruek ขายดาวน์ 6 ยูนิตสุดสวย เพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น 1 ก้าวจาก SKY WALK รถไฟฟ้าบางหว้า และรถไฟฟ้า MRT(เป็นสถานี INTERCHANGE)
      



  
        ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ พย. 2561) ขนาด 26 ตรม. แบบ STUDIOห้องหันไปทางทิศใต้ รับลมตลอดทั้งปี ราคา 2,000,000 บาท
ปัจจุบันโครงการขายที่ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาทแล้วครับ


สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ แอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruek ได้ที่https://www.dropbox.com/sh/4bocn8qjdrhpfdk/AABGsSAcZwp4zZGj4SUPeXQEa?dl=0

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 4)

                         รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 4)



              ผมได้ท้าวความถึงรากเหง้าของปัญหาของความยากจนและความเหลื่อมล้ำของสังคมไปในบทความ 3 ตอนที่แล้ว บทความนี้จะเข้าถึงระบบภาษีที่จะมาแก้ปัญหาดังกล่าวกันเสียที นั่นคือ Negative Income Tax(NIT) เสียทีครับ

             NIT ไม่ได้เป็นโครงการสวัสดิการ แต่เป็นโครงการที่ต้องทำงานเพื่อจะได้เงินอุดหนุนจากรัฐ นั่นคือรัฐจะไม่ส่งเสริมคนจนที่ขี้เกียจ  ที่เอาแต่คอยรับการช่วยเหลือจากรัฐ โดยไม่ดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองเลย แต่ NIT จะสร้างแรงจูงใจให้คนยากจนขวนขวายหารายได้ เพื่อจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ NIT ในบางประเทศใช้คำว่าเครดิตภาษี(Tax credit) บางประเทศใช้คำว่าผลประโยชน์ทางภาษี(Tax benefit) บางประเทศใช้คำว่าเงินเสริมรายได้(Income supplement) สำหรับประเทศไทย ผมคิดว่าควรจะเรียกเงินอุดหนุนจากรัฐดังกล่าวว่า"เบี้ยขยัน" ซึ่งจะให้เกิดความคิดในแง่บวก เป็นการทำให้คนจนเหล่านั้นรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนเองเป็นคนขยันหมั่นเพียร ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของสังคม ทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนที่อยู่นอกระบบภาษี เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพื่อจะได้รับเบี้ยขยันดังกล่าว ทั้งนี้รัฐยังสามารถที่จะเข้าถึงคนจนตัวจริงอย่างแท้จริง ลดปัญหาคอรัปชั่นได้เป็นอย่างดี

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 3)



                        รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 3)


           บทความ 2 ตอนที่แล้ว คงทำให้ผู้อ่านได้เห็นความบกพร่องของระบบการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งผลิตแรงงานออกมาไม่ตรงกับสาขาวิชาที่ตลาดแรงงานที่ต้องการ รวมทั้งไม่มีการสอนเกี่ยวกับเรื่องวินัยการออมเงินและการจัดการเงินออมที่ดีให้กับเยาวชนของชาติตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นซึ่งทำให้เราเห็นว่าคนไทยเราเป็นชาติที่มีหนี้ครัวเรือนสูงใน 2 อันดับแรกของอาเซียน และหนี้ครัวเรือนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ใช้ไปกับการอุปโภคบริโภค มีทั้งการกู้ในระบบและนอกระบบ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงมา กยิ่งทำให้ภาระหนี้พอกพูน การเกิดภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวในที่สุด ซึ่งในบทความตอนที่ 2 ผมได้จนถึงเรื่องระบบภาษีแบบ Negative Income Tax ซึ่งน่าจะมาช่วยแก้ปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี

           ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เรามีรัฐบาลหลายคณะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ก็ไม่วายที่จะต้องใช้นโยบายประชานิยม เพื่อช่วยสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลของตน  เท่าที่ผมจำได้อย่างเช่นเรื่อง เงินผันของรัฐบาลท่านคึกฤทธิ์ปราโมช ใน พ.ศ. 2518 รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่าง ๆ ทำการผันเงินจากส่วนกลางคือกรุงเทพมหานครออกสู่ต่างจังหวัด เพื่อปล่อยสินเชื่อเพื่อการเกษตรในต่างจังหวัดปีละไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท และจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาชนบทหรือการผันงบประมาณ เป็นการใช้มาตรการทางการคลังของรัฐบาล โดยการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาตำบลทั่วประเทศ ยกเว้นเขตกรุงเทพมหานคร ในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เพื่อที่จะช่วยประชาชนให้มีงานทำในฤดูแล้ง และช่วยยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบท แต่ก็ประสบปัญหาคอรัปชั่นระหว่างทางมากมายต้นเงินตกหล่นไปถึงล่าสุดรที่ยากไร้น้อยมากและไม่ทั่วถึง