จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

บัตรเครดิต โหดได้อีก! (ตอนจบ)

                                   บัตรเครดิต โหดได้อีก! (ตอนจบ)


              บทความที่แล้วผมได้กล่าวถึงมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อเร็วๆนี้เ กี่ยวกับธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงกรณีการใช้บัตรเครดิตของผม ที่เป็นหนี้บัตรค้างชำระอยู่ 1,272.13 บาท  ถูกเรียกเก็บชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน ถึง 1,545.98 บาท ทั้งๆที่เป็นหนี้เพียงแค่ 4 วัน  อะไรจะโหดปานนั้น
               เราลองมาดูวิธีการคำนวณดอกเบี้ยของพวกธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลกันครับ      

       บัตรเครดิตใบนี้ปิดยอดทุกวันที่ 23 ของเดือน และวันกำหนดชำระเงินทุกวันที่ 13 ของเดือน อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตค้างชำระเท่ากับ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

        ในเดือนนั้นผมมีรายการค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตดังต่อไปนี้

 รายการที่      วันที่บันทึกรายการ    วันที่ใช้บัตร     รายการ                                               จำนวนเงิน(บาท)
       1               26/05                        25/05         ค่าสาธารณูปโภค                                   1,068.93
       2               29/05                       26/05         ช้อปปิ้งทางอินเตอร์เน็ต                           1,390.00
       3               08/06                      07/06         ค่าสาธารณูปโภค                                      319.93
       4               15/06                     15/06         รายการใช้จ่ายที่ห้างสรรพสินค้า               96,117.00
                         รวมเป็นเงิน                                                                                     98,895.86

           ผมชำระค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตด้วยวิธีตัดผ่านบัญชีออมทรัพย์ ณวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 มีเงินคงค้างอยู่ในบัญชีเพียง 97,623.73  บาท ซึ่งทางศูนย์บัตรได้ตัดจำนวนเงินคงค้างในบัญชีผมออกไปทั้งหมดจนเหลือ 0 บาท เท่ากับว่าผมยังค้างชำระอยู่ 1,272.13 บาท  ซึ่งผมได้โอนเงินชำระส่วนที่ค้างอยู่จำนวนนี้ ไปให้กับทางศูนย์บัตร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 หลังจากโทรสอบถามกับ call center ของศูนย์บัตรดังกล่าว สรุปแล้วผมเป็นหนี้บัตรเครดิตเพียง 4 วันจากเงินต้นเพียง 1,272.13 บาท  1 เดือนถัดมาผมได้รับ statement แสดงรายการใช้จ่ายบัตรเครดิตของผม ปรากฏว่ามีรายการดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน 1,545.98 บาท นี่เป็นการปล้นกันชัดๆเลย

         มาดูวิธีการคิดดอกเบี้ยมหาโหดกันครับ ว่าธุรกิจบัตรเครดิตเขาคิดกันอย่างไร
 บัตรเครดิตเขาคิดดอกเบี้ยทีละรายการโดยยึดวันที่บันทึกรายการเป็นวันเริ่มต้น จนไปถึงวันกำหนดชำระเงิน

 รายการที่ 1 จำนวนวันที่นำมาคำนวณก็คือ 6 + 30 + 12 = 48 วัน
                  ดอกเบี้ย = (1,068.93x20/100) x 48/365 = 28.11 บาท
 รายการที่ 2 จำนวนวันที่นำมาคำนวณก็คือ 3 + 30 + 12 = 45 วัน
                 ดอกเบี้ย = (1,390x20/100) x 45/365 = 34.27 บาท
 รายการที่ 3 จำนวนวันที่นำมาคำนวณก็คือ 23 + 12 = 35 วัน
                 ดอกเบี้ย = (319.93x20/100) x 35/365 = 6.14 บาท
 รายการที่ 4 จำนวนวันที่นำมาคำนวณก็คือ 16 + 12 = 28 วัน
                 ดอกเบี้ย = (96,117x20/100) x 28/365 = 1,474.67 บาท

      รวมดอกเบี้ยของ 4 รายการ = 1,543.19 บาท  แต่มียอดค้างชำระอยู่ 1,272.13 บาท  เป็นเวลา 4 วัน ทำให้เกิดดอกเบี้ย  (1,272.13x20/100) x 4/365 = 2.79 บาท ดังนั้นเมื่อรวมดอกเบี้ยทั้งหมด จึงกลายเป็น 1,543.19 + 2.79 = 1,545.98 บาท

        สิ่งที่ทางธุรกิจบัตรเครดิตเอาเปรียบผู้ใช้บัตรที่เห็นกันได้ชัดๆก็คือ จำนวนวันที่เริ่มต้นนับจากวันที่บันทึกการใช้บัตร แทนที่จะเป็นวันครบกำหนดชำระเงิน เพราะว่าถ้าชำระเต็มจำนวนเมื่อชำระตรงเวลา ก็จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยเหล่านี้  โดยปกติธุรกิจบัตรเครดิตจะมีการคิดค่าธรรมเนียมกับร้านค้าที่รับบัตรเครดิตในอัตราประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ อยู่แล้ว โดยปกติระยะเวลาสูงสุดในการปลอดดอกเบี้ยไม่เกิน 50 วัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวันที่ใช้บัตรและวันที่บันทึกรายการ เมื่อนำมาคิดโดยเฉลี่ย ก็จะเป็นช่วงปลอดดอกเบี้ยประมาณ 30 วันเท่านั้น  ซึ่งก็สามารถชดเชยได้อยู่แล้ว จากค่าธรรมเนียมที่บัตรเครดิตเก็บจากร้านค้า แล้วก็เช่นกัน ไม่มีร้านค้าไหนที่จะไม่แอบบวกเพิ่มราคาสินค้าหรือบริการไปกับผู้บริโภค ซึ่งเท่ากับว่าผู้บริโภคต้องแบกภาระค่าธรรมเนียมแทนร้านค้าอยู่แล้ว  ดังนั้นเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่ธุรกิจบัตรเครดิตจะนับจำนวนวัน เพื่อคำนวณดอกเบี้ยแบบที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน  เพราะคิดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผลกันเลยจริงๆ  

      ก็เพราะใช้วิธีการคิดดอกเบี้ยแบบนี้จึงทำให้ดอกเบี้ยที่ทางบัตรเครดิตคิดกับผู้ใช้บัตรอย่างผม  เป็นค่าดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินต้น ทั้งๆที่เป็นหนี้เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น ไหนๆทางธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เพิ่งออกมาตรการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมาเมื่อเร็วๆนี้ จะไม่ช่วยเพิ่มเติมมาตรการควบคุมวิธีการคำนวณดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบกันอีกต่อไป ช่วยกันทั้งทีก็ควรจะทำให้สะเด็ดน้ำ หรือจะปล่อยให้ผู้ใช้บัตรเครดิตและหรือผู้ที่ใช้สินเชื่อส่วนบุคคล จะต้องถูกมัดมือชกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้อีกต่อไปหรือครับ

 กิติชัย เตชะงามเลิศ
     31/8/60

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


นอตติ้ง ฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง 93 (Notting Hill The Exclusive CharoenKrung 93) 3 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากเอเชียทีคเพียง 140 เมตร



ห้องที่จะขายดาวน์
1.ห้อง 403 ชั้น 4 ประเภทห้อง B2 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 27 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ วิวสระว่ายน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 2,700,000 บาท

2.ห้อง 410 ชั้น 4 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 32 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 3,200,000 บาท

3.ห้อง 810 ชั้น 8 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 32 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 3,300,000 บาท
    เส้นทางที่สามารถเข้าออกได้จากตัวโครงการ
-เจริญกรุง-เยาวราช
-เจริญราษฏร์-สาทร
-เจริญราษฏร์-พระราม 3
-รัชดาภิเษก-ท่าพระ

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Maximize กำไรคอนโด ทำไง?(ตอนที่ 2)

                                                          Maximize กำไรคอนโด ทำไง?(ตอนที่ 2)


          บทความที่แล้ว ผมได้พูดถึงวิธีที่จะสร้างผลกำไรจากการลงทุนคอนโดให้ได้มากที่สุด โดยมีวิธีการหลักๆ มีอยู่ 2 วิธีคือ                เพิ่มรายได้ และลดต้นทุน ซึ่งการลดระยะเวลาถือครองคอนโด  รวมทั้งการประหยัดต้นทุนดอกเบี้ย  และลดต้นทุนค่าเสียโอกาส  ยิ่งในยุคที่อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดินแบบนี้ ผมแนะนำว่า ถ้าคุณเป็นคนมีเครดิต คุณควรจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินเป็นอย่างยิ่งโอกาสที่ดอกเบี้ยต่ำแบบนี้ ในรอบชีวิตคนเรา ก็มีเป็นแค่บางช่วงของชีวิตเท่านั้น ผมยังจำได้เมื่อสมัยก่อนเคยเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เป็นเวลาติดต่อกันหลายปี ก็พบเห็นมาแล้ว

          ยิ่งช่วงนี้ธนาคารแข่งขันกันให้อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน อยู่ในอัตราที่ต่ำมาก  ซึ่งส่วนมากจะมีโปรโมชั่นเน้น 3 ปีแรก ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดๆ  โดยสามารถที่จะโปะปิดได้ภายใน 3 ปี  เพียงแต่ว่าไม่สามารถที่จะทำการรีไฟแนนซ์ได้ ในช่วง 3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นก็สามารถที่จะทำได้  จึงเป็นโอกาสอันดี ที่คนที่จะถือครองคอนโดในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่า ซื้อเพื่ออยู่เอง ซื้อเพื่อปล่อยเช่า หรือซื้อเพื่อขายต่อ แต่ยังขายไม่ได้  ที่ถือครองคอนโดมาเกิน 3 ปีแล้ว หาช่องทางที่จะทำการรีไฟแนนซ์ เพื่อจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน ต่อเนื่องไปได้อีก 3 ปี  ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆทุก 3 ปี จนกว่าจะผ่อนหมด  เดี๋ยวเรามาคำนวณกันดูสิครับว่า ถ้าคุณทำอย่างนี้คุณจะประหยัดดอกเบี้ยไปได้สักเท่าไหร่ ซึ่งคุณจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง บทความแรกได้พูดถึงทางเลือกที่หนึ่งไปแล้ว คือการผ่อนค่างวดเท่าเดิม แต่ระยะเวลาการผ่อนสั้นขึ้น บทความนี้จะขอต่อด้วยทางเลือกที่ 2

2. การผ่อนค่างวดลดลง แต่ระยะเวลาการผ่อนเท่าเดิม สมมติว่าในช่วง 20 ปีต่อจากนี้ อัตราดอกเบี้ยอยู่คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเฉลี่ยที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 จนถึงปีที่ 20 อยู่ที่ 7.5%/ปี เงินค่าผ่อนบ้าน 20 ปี ต้องผ่อน 240 งวดๆละ 36,350 บาท (งวดสุดท้ายผ่อนเพียง 34,542.89 บาท) รวมเป็นเงิน 8,722,192.89 บาท จากเงินต้น 5,000,000 บาท ดอกเบี้ยตลอด 20 ปี เป็นเงิน 3,722,192.89 บาท แต่ถ้าคุณทำการรีไฟแนนซ์ทุก 3 ปี แล้วสมมติว่าทุกครั้ง คุณจ่ายดอกเบี้ย 3 ปีแรกในอัตรา 3.5% เท่าเดิม คุณจะผ่อนเหลือเพียงงวดละ 29,100 บาท ใช้เวลาผ่อน 20 ปีหรือ 240 งวด   โดยงวดสุดท้ายผ่อนเพียง 227.17 บาท รวมเป็นเงิน 6,955,127.17 บาท จากเงินต้น 5,000,000 บาท ดอกเบี้ยรวม 1,955,127.17 บาท

       แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาจากการรีไฟแนนซ์ ซึ่งได้แก่

1. ค่าธรรมเนียมในการจำนอง (จ่ายกรมที่ดิน) 1% ของวงเงินกู้ใหม่
2. ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่
3. ค่าประเมินหลักประกัน 2,700 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร) ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายข้อนี้สามารถที่จะขอยกเว้นจากธนาคารได้

      ดังนั้นคุณจะมีค่าใช้จ่ายการรีไฟแนนซ์ 6 ครั้งๆละ 5,000,000 x 1.05% = 52,500 x 6 = 315,000 บาท ประหยัดดอกเบี้ยได้ 3,722,192.89-1,955,127.17 = 1,767,065.72 บาท หักค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์ 6 ครั้ง 315,000 บาท  ก็ยังประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ 1,452,065.72 บาท  หรือคิดเป็น 29.04% ของราคาคอนโดเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเทียบกับแนวทางที่ 1 จะเห็นได้ว่าประหยัดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 2,107,614.16-1,452,065.72 = 655,548.44 บาท หรือคิดเป็น 13.11% ของราคาคอนโด แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรคำนึงถึง  คือต้นทุนค่าเสียโอกาสเพราะว่าจำนวนเงินที่คุณผ่อน 2 งวดลดลงจาก แนวทางที่ คือแทนที่จะผ่อน 36,350 บาทต่อเดือน ก็เหลือเพียงผ่อน 29,100 บาทต่อเดือน  เท่ากับว่าคุณผ่อนน้อยลงงวดละ 7,250 บาท ยังขึ้นผมบอกเมื่อบทความที่แล้วว่า มีต้นทุนค่าเสียโอกาสทำให้แนวทางที่ 1 คุณมีจำนวนเงิน 7,250 บาทในแต่ละเดือนติดต่อกันเป็นเวลา 14 ปี 9 เดือนที่เป็นเงินที่สร้างต้นทุนค่าเสียโอกาส ซึ่งเป็นต้นทุนที่หลายคนมักมองข้าม เพราะมองไม่เห็น แต่จริงๆแล้วต้องถือว่าเป็นต้นทุนตัวฉกาจเลยทีเดียว ยิ่งในช่วงระยะเวลาที่นานมากๆเมื่อกี้ต้นทุนค่าเสียโอกาสน่ะคับต้นจะพบว่า ค่าเสียโอกาสดังกล่าวมีมูลค่าสูงจริงๆ

        อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว อย่าเพิ่งสรุปว่าแนวทางที่ 1 ดีกว่าแนวทางที่ 2  เดี๋ยวผมจะมาเฉลยว่าแนวทางไหนดีที่สุดในบทความหน้าครับ     

 กิติชัย เตชะงามเลิศ
     24/8/60

Maximize กำไรคอนโด ทำไง?(ตอนที่ 1) http://kitichai1.blogspot.com/2017/08/maximize-1.html
Maximize กำไรคอนโด ทำไง?((ตอนจบ) http://kitichai1.blogspot.com/2017/09/maximize.html

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


 ขายดาวน์ คอนโด ชีวาทัย เรสซิเดนท์ อโศก (CHEWATHAI RESIDENCE ASOKE) 4 ยูนิต สุดสวย ราคาพิเศษ เดิน 5 นาทีจากสถานี MRTพระราม 9 และ 4 นาทีจาก AIRPORT LINK สถานีมักกะสัน ติดกับทางด่วนศรีรัชที่ทางลงรัชดา




        
ห้องที่จะขาย
1.   812 TYPE 1G Duplex ชั้น 8 พื้นที่ใช้สอยรวม 35.14(28.63+6.51) ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 4,700,000 บาท หันไปทางทิศเหนือ ไม่มีอะไรบล็อกวิว ไม่ใกล้ห้องขยะ
2.   12A12 TYPE 1G Duplex ชั้น 12A พื้นที่ใช้สอยรวม 35.14(28.63+6.51) ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 4,900,000 บาท หันไปทางทิศเหนือ ไม่มีอะไรบล็อกวิว ไม่ใกล้ห้องขยะ
3.   1214 TYPE 4B Duplex ชั้น 12 พื้นที่ใช้สอยรวม 39.60(33.20+6.40) ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เป็นห้องมุม เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 6,100,000 บาท หันไปทางทิศเหนือ ไม่มีอะไรบล็อกวิว ไม่ใกล้ห้องขยะ
4.   1903 TYPE 5A Duplex ชั้น 19 พื้นที่ใช้สอยรวม 39.32(31.93+7.39) ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 6,200,000 บาท หันไปทางทิศตะวันออก ไม่มีอะไรบล็อกวิว ไม่ใกล้ห้องขยะ


รายละเอียดโครงการ   
ถนนอโศก-ดินแดง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. คอนโดสูง 29 ชั้น พื้นที่โครงการ 1-22-66 ไร่ 315 ยุนิต ที่จอดรถมากกว่า 140 คัน ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว จุดเด่นคือฝ้าเพดานสูงถึง 3.60 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2561
                 พิกัด                   13.754271,100.564386  ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.
                ขนส่งาธารณะ
รถไฟฟ้า MRT พระราม 9 350 เมตร
– Airport Link มักกะสัน 350 เมตร
                 เฟอร์นิเจอร์         ครบครันมูลค่า 400,000บาท
คาดว่าจะแล้วเสร็จ มิย. 2561 ค่าส่วนกลางและกองทุน 80 บาท/ตร.ม.และ 1,000 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ
เจ้าของโครงการ                         บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
  • Lobby และโถงลิฟต์
  • ห้องจดหมาย
  • ลิฟท์ โดยสารความเร็วสูงถึง 3 ตัว และลิฟท์บริการอีก 1 ตัว
  • ห้องออกกําลังกาย
  • พื้นที่สําหรับฝึกซ้อมมวย พื้นที่โยคะ
  • ห้องอบไอน้ํา
  • ห้องน้ำส่วนกลาง
  • สระว่ายน้ำระบบโอโซน
  • ห้องซักผ้า
  • ห้อง Co-working Lounge
  • ห้อง Sunset Lounge
  • ห้อง Cigar Lounge
  • Barbecue Terrace
รีวิว คอนโด ชีวาทัย เรสซิเดนท์ ฮโศก https://www.youtube.com/watch?v=ZuqqeDCJOyI




บัตรเครดิต โหดได้อีก! (ตอนที่ 1)

                                          บัตรเครดิต โหดได้อีก! (ตอนที่ 1)


         มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งประกาศออกมาล่าสุด เกี่ยวกับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  ได้แสดงเห็นว่าท่านผู้ว่าธปท. มีความห่วงใยและใส่ใจผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี โดยมาตรการใหม่มีรายละเอียดดังนี้
         มาตรการสินเชื่อบัตรเครดิตใหม่ ได้กำหนดวงเงินแก่ผู้ขอมีบัตร ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ตามรายได้ต่อเดือน โดย
1. ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ให้ได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้
2. ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 ถึง 50,000 บาท วงเงินไม่เกิน 3 เท่า
3. ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป วงเงินไม่เกิน5 เท่า
        และได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือ 18% จาก 20% ให้สอดคล้องกับภาวะต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงในปัจจุบัน
        ส่วนมาตรการด้านสินเชื่อส่วนบุคคล ก็ได้ปรับวงเงินสินเชื่อให้เหมาะสม กับความสามารถในการชำระหนี้ตามรายได้ต่อเดือนเช่นกัน โดย
1. ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ให้ได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ และ ให้ได้รับวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลจากผู้ประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับไม่เกิน 3 ราย
2. ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป กำหนดวงเงินไม่เกิน 5 เท่า แต่ไม่จำกัดจำนวนผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ที่จะให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคแต่ละราย
        ส่วนเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับจะเรียกเก็บได้ยังคงไว้เท่าเดิม เพื่อที่จะสามารถให้บริการสินเชื่อแก่ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ  ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้
        แต่ทางธปท.ยังใจดี เปิดช่องให้ผู้บริโภคมีช่องทางในการเข้าถึงสินเชื่อ ในกรณีที่มีเหตุการณ์จำเป็นฉุกเฉินที่สำคัญต่อการดำรงชีพ โดยให้ผู้ประกอบการสามารถให้วงเงินชั่วคราว และ ให้กำหนดการจ่ายชำระคืนตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างเหมาะสม
        โดยให้มีผลใช้บังคับกับผู้ขอมีบัตรเครดิต หรือ ผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 .. 60 เป็นต้นไป ส่วนเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต ก็ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 .. 60 เช่นกัน โดยจะมีผลใช้บังคับกับผู้มีบัตรเครดิตทั้งรายเดิม และรายใหม่
        ในส่วนตัว ผมเห็นด้วยและสนับสนุนมาตรการของธปท.ที่เพิ่งออกมาใหม่ แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทางธปท. ได้ละเลย ซึ่งส่วนนี้ผมคิดว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากอีกส่วนหนึ่ง เพราะผู้บริโภคโดนเอารัดเอาเปรียบมากจนเกินไป ถูกจับมัดมือชกเซ็นสัญญาทาส กับธุรกิจผู้ออกบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมาตลอด  นั่นคือวิธีการนับจำนวนวันในการคำนวณดอกเบี้ยที่ลูกค้าจะต้องจ่าย
        ปกติผมจะชำระเต็มจำนวน ไม่ใช้วิธีผ่อนชำระ 10% เด็ดขาด ยกเว้นแต่ว่ามีโปรโมชั่นผ่อนฟรี 0% ผมจึงจะยอมผ่อนชำระ เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตสูงมาก  และผมก็ใช้วิธีหักบัญชีจากบัญชีออมทรัพย์ ผมขอยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองสดๆร้อนๆ เมื่อเดือนที่ผ่านมา  ผมมีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็นจำนวนเงิน 98,895.86  บาท ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดวันชำระ เงินในบัญชีผมมีน้อยกว่าจำนวนเงินที่จะต้องชำระอยู่ประมาณ 1,272.13 บาท  ซึ่งวันรุ่งขึ้น ผมก็รีบนำเงินไปเข้าบัญชี ให้เพียงพอที่ทางศูนย์บัตรเครดิตจะมาตัดบัญชี  ด้วยความเข้าใจผิดว่าทางศูนย์บัตร เมื่อตัดเงินวันแรกได้ไม่ครบ จะมาตัดเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของผมในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าทางศูนย์บัตรไม่ได้มาตัดบัญชีผมในวันดังกล่าว พอผ่านไปอีก 2 วัน ผมจึงโทรไปที่ call center ของศูนย์บัตรเครดิตดังกล่าว เพื่อถามว่าทำไมทางศูนย์บัตรไม่มาตัดบัญชีของผมในวันถัดมา จึงได้รับการอธิบายว่า ปกติทางศูนย์บัตรเครดิตจะตัดบัญชีเพียงครั้งเดียว ผมจึงรีบแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ ว่าขอความกรุณาอย่าคิดดอกเบี้ยและค่าปรับในกรณีชำระล่าช้า  เพราะรู้ซึ้งถึงความโหดของผู้ออกบัตรบัตรเครดิต ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ทราบว่า จะดำเนินการขอยกเว้นให้ แต่จะได้หรือไม่ได้ จะแจ้งมาให้ผมทราบภายใน 4 วันทำการ ซึ่งต่อมาผมก็ได้รับแจ้งว่า ได้รับการยกเว้นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆ แต่พอ statement ของเดือนถัดมา ปรากฏว่าได้มีการแสดงถึงรายการดอกเบี้ยและค่าปรับดังกล่าวเป็นจำนวนเงินถึง 1,545.96 บาท  จากมูลหนี้เพียง 1,272.13 บาท  โดยมีเวลาค้างชำระเพียง 4 วัน ถ้านำมาคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม จะเท่ากับ 7,508.72 เปอร์เซ็นต์  นี่มันปล้นกันชัดๆเลยนะครับ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมกำไรของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ของกลุ่มแบงค์และกลุ่มนันแบงค์  ถึงได้เติบโตมากมายขึ้นทุกปี

          เนื้อที่หมดแล้ว เรามาดูวิธีการคิดดอกเบี้ยของธุรกิจบัตรเครดิต แล้วจะทราบว่ามันโหดเพียงไหน ในบทความหน้ากันนะครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     24/8/60

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

นอตติ้ง ฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง 93 (Notting Hill The Exclusive CharoenKrung 93) 3 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากเอเชียทีคเพียง 140 เมตร


ห้องที่จะขายดาวน์
1.ห้อง 403 ชั้น 4 ประเภทห้อง B2 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 27 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ วิวสระว่ายน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 2,700,000 บาท

2.ห้อง 410 ชั้น 4 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 32 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 3,200,000 บาท

3.ห้อง 810 ชั้น 8 ประเภทห้อง B4 : 1 นอน 1 น้ำ ไม่ติดลิฟท์ พื้นที่ใช้สอย : 32 ตารางเมตร ระเบียงหันไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 3,300,000 บาท
    เส้นทางที่สามารถเข้าออกได้จากตัวโครงการ
-เจริญกรุง-เยาวราช
-เจริญราษฏร์-สาทร
-เจริญราษฏร์-พระราม 3
-รัชดาภิเษก-ท่าพระ

วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ลดหย่อนภาษีเพื่อการท่องเที่ยว

                                                                             ลดหย่อนภาษีเพื่อการท่องเที่ยว


         เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่าทางผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว มีผลสรุปว่าควรจะออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการท่องเที่ยว โดยมีหลักการในการให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว ซึ่งประกอบด้วย ค่าที่พัก อาหาร ของที่ระลึก ร้านค้าชุมชน ค่าบริการบริษัทนำเที่ยว มาหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะมีการกำหนดโซนการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง  ลดหย่อนเป็นลำดับขั้นบันได โดยแบ่งเป็น

  • โซน 1 เมืองท่องเที่ยวหลัก 14 จังหวัด มีทั้งหมด 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครราชสีมา กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ ระยอง เพชรบุรี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ สระบุรี ภูเก็ต นครปฐม ลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท
  • โซน 2 ได้แก่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด จำนวน 12 จังหวัด มีทั้งหมด 12 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง น่าน เพชรบูรณ์ เลย บุรีรัมย์ จันทบุรี ตราด สมุทรสงคราม ราชบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช และตรัง ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท
  • โซน 3 ก็คืออีก 51 จังหวัดที่เหลือ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อย ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
           ตามความคิดเห็นของผมเมืองท่องเที่ยวหลักในโซน 1  เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากคนไทยสูงสุดอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรุงเทพซึ่งเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทั้งของคนไทยและต่างชาติอยู่แล้ว  ยิ่งไม่น่าจำเป็นที่จะต้องให้มาตรการภาษีท่องเที่ยวครอบคลุมไปด้วย  แล้วที่ทำให้ผมแปลกใจว่า ทำไมจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ทั้งคนต่างชาติและคนไทย นิยมไปเที่ยวกัน ไม่ว่าจะเป็นในตัวเมือง หรือเกาะต่างๆ เช่น เกาะสมุย  เกาะพงัน เป็นต้น  จึงไม่ติดอยู่ในโซน 1 ด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมอยากให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกครอบคลุมอยู่ในมาตรการนี้ด้วย

             ในเมื่อทางฝ่ายรัฐเอง ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า รายได้ของคนในชาติมีความเหลื่อมล้ำกันสูงมาก โดยเฉพาะคนในจังหวัดใหญ่ๆ เมื่อเทียบกับจังหวัดรองหรือจังหวัดเล็ก  แทนที่จะสร้างรายได้ให้กับจังหวัดรองและจังหวัดเล็ก เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำดังกล่าว  ถึงแม้ว่ามาตรการดังกล่าว จะให้การลดหย่อนภาษีในอัตราที่แตกต่างกันก็ตาม ผมคิดว่าน่าจะตัดเมืองในโซน 1 ทิ้งไป แล้วเอางบในส่วนที่คิดว่าจะลดหย่อนให้กับเมืองในโซน 1 มาเพิ่มให้กับเมืองในโซน 3 จะไม่ดีกว่าหรือ โดยเพิ่มจำนวนเงินที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ให้มากขึ้น ผมอยากให้มาตรการลดหย่อนภาษีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนี้ มีต่อเนื่องไปทุกปี  เพราะเป็นการกระจายรายได้ ไปยังท้องถิ่นที่มีรายได้ต่อหัว ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ ถ้ารัฐทำให้ธุรกิจต่างๆมั่นใจว่า มาตรการนี้จะเป็นมาตรการระยะยาวต่อเนื่องไปไม่ต่ำกว่า 10 ปี ก็จะเป็นการกระตุ้นทางอ้อม ให้กับธุรกิจต่างๆที่อยู่ในเมืองในโซน 2 และโซน 3  ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียง ที่จะเข้าระบบภาษี มีความมั่นใจ แล้วมาเข้าระบบกันเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะสามารถออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ รัฐเองก็เก็บภาษีได้มากขึ้น  ก็จะทำให้สามารถคงมาตรการดังกล่าว ให้มีต่อไปได้เรื่อยๆ ส่วนแม่ค้ารายเล็กรายย่อย ก็พลอยจะมีรายได้มากขึ้นไปด้วย จากการที่มีนักท่องเที่ยวต่างถิ่น เข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในระบบภาษีก็ตาม ยิงธนูเพียงดอกเดียว แต่ได้นกตั้งหลายตัว


              จากตารางที่ จะเห็นได้ว่ารายได้ครัวเรือนต่อเดือนของคนไทยในปี 2558 เฉลี่ยเท่ากับ 26,915 บาท โดยจังหวัดที่มีรายได้ของครัวเรือนมากกว่า 40,000 บาทต่อเดือน มี 3 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และนครปฐม จังหวัดที่มีรายได้ของครัวเรือน อยู่ในระหว่าง 30,000 แต่ไม่ถึง 40,000 บาทต่อเดือน มี 6 จังหวัดได้แก่ นนทบุรี ระยอง จันทบุรี กระบี่ ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ส่วนจังหวัดที่มีรายได้ครัวเรือนต่อเดือนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมี 59 จังหวัด เมื่อเห็นตัวเลขเหล่านี้แล้วเมืองที่ควรจะอยู่ในโซน 2 และ ควรจะเป็นเมืองที่อยู่ในรายชื่อ 59 จังหวัดดังกล่าว ไม่ควรจะมีเมืองที่อยู่ในโซน 1 เลย แล้วนำเมืองใน 59 จังหวัดดังกล่าว มาจัดเป็นโซน 2 และ 3 โดยเมืองที่มีรายได้ครัวเรือนต่อเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท ให้อยู่ในโซน 3 ส่วนที่เหลือก็เป็นโซน พร้อมทั้งเร่งให้ทางททท.พยายามค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น unseen แล้วโปรโมทสถานที่เหล่านั้น ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในคนไทยและต่างชาติ มาตรการเหล่านี้ควรจะรีบประกาศเพื่อให้ธุรกิจต่างๆในเมืองที่อยู่ในโซน 2 และโซน 3 ได้รีบเตรียมตัว เพื่อจะรับมือกับปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจที่คิดจะเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อหวังที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยว จะได้มีเวลาในการเตรียมตัว และจดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีดังกล่าวได้ทันท่วงที แล้วผมยังเห็นว่ามาตรการนี้ ไม่ควรจะจำกัดอยู่ในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง ควรเป็นมาตรการที่ ให้นักท่องเที่ยวสามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นวันใดๆก็ตามในรอบปีภาษีนั้นๆ มาลดหย่อนภาษีได้ เพื่อจะได้เป็นการกระจายรายได้เฉลี่ยทั้งปีของเมืองท่องเที่ยวนั้นๆ ไม่ใช่ไปกระจุกกันเพียงแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของปี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ต่อไปนี้การออกมาตรการใดๆของรัฐในอนาคต จะมองเป็นระบบบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติทั้งระบบ อย่าให้เหมือนกับที่แล้วๆมาอีกเลย

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     18/8/60

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ขายดาวน์คอนโด ริทึ่ม (RHYTHM) รางน้ำ 4 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ 2 นาที จาก BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัย       






               ห้องที่จะขาย

                              1. A08B02 ชั้น 8 1 ห้องนอน 1ห้องน้ำ 35 ตรม. เฟอร์นิเจอร์บางส่วน หันไปทางทิศเหนือ วิวสวนสวยมาก ไม่ใกล้ลิฟต์ และห้องขยะ  ราคา 6,600,000 บาท
                              2. A09B02 ชั้น 9 1 ห้องนอน 1ห้องน้ำ 35 ตรม. เฟอร์นิเจอร์บางส่วน หันไปทางทิศเหนือ วิวสวนสวยมาก ไม่ใกล้ลิฟต์ และห้องขยะ  ราคา 6,700,000 บาท
                              3.A16A16 ชั้น 16 แบบ STUDIO  28 ตรม. เฟอร์นิเจอร์บางส่วน หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 5,600,000 บาท
                              4.A18B10 ชั้น18 1 ห้องนอน 1ห้องน้ำ 35 ตรม. เฟอร์นิเจอร์บางส่วน หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ รับลมตลอดทั้งปี วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ไม่ใกล้ลิฟต์ และห้องขยะ  ราคา 6,900,000 บาท
รายละเอียดโครงการ  ขนาด 1-3-93 ไร่ 28 ชั้น แขวงพญาไท เขตพญาไท  ห้องพักอาศัย 385 ยูนิต ร้านค้า 1 ร้าน ที่จอดรถ 171 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน) = 44%
-สวน KARESANSUI และ READING GARDEN ชั้น G และชั้น 6
-สระว่ายน้ำแบบ INFINITY EDGE 180 องศา
- SKY FITNESS และ STEAM ROOM ที่ชั้น 27-28
- ค่าส่วนกลางและกองทุน 58 บาท/ตร.ม.และ 450 บาท/ตร.ม. ตามลำดับ
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ ธค. 2560

รีวิวคอนโด ริทึ่ม รางน้ำ(Rhythm Rangnam) https://www.youtube.com/watch?v=YHWeVkKek94

และ https://www.youtube.com/watch?v=FspXRsq6G7Q&list=PL15DD38FD6F2D7874&index=12