จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า ( ตอนที่ 2 )


                                                        รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า ( ตอนที่ 2 )

               บทความที่แล้ว ผมพูดถึงวิธีการแก้ปัญหาของรัฐ ที่มักจะแก้ที่ปลายเหตุแทนที่จะแก้ที่ต้นเหตุ ซึ่งในที่สุดเราจะต้องผลาญงบประมาณไปเป็นหลักล้านล้านบาท แค่จำนำข้าวก็ปาเข้าไปแล้ว 5 แสนกว่าล้านบาทแล้ว ผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆอีก และเป็นอย่างนี้มากี่ปีกี่ชาติแล้ว แทนที่จะได้นำงบดังกล่าวไปใช้พัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบการศึกษา ในตอนที่2 จะพูดถึงด้าน  Logistics ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ รถไฟฟ้าอีกหลายๆสาย เพื่อทำให้ NETWORK  ของการเดินทางในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา  ทั่วถึงกัน ทำให้การเดินทางสะดวก มูลค่าที่ดินที่อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าก็จะมีราคาสูงขึ้น ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของประเทศไทยสูงขึ้นตามไปด้วย   
        2.การปฏิรูประบบการจัดการ LOGISTICS  ขั้นตอนที่จะช่วยให้รัฐประหยัดงบ ก็คือเวลาจะเวนคืนที่ดิน เพื่อนำไปสร้างรถไฟฟ้า ควรจะเวนคืนเผื่อเหลือพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ไว้บางส่วน(โดย ราคาเวนคืน ต้องเป็นธรรมแก่เจ้าของที่) แล้วให้เอกชนมาประมูลที่ดินตรงบริเวณที่จะก่อสร้างสถานี และพื้นที่โดยรอบที่รัฐเวนคืนมา เพื่อสร้างเป็น MIXED USE COMPLEX โดยเอกชนต้องแบ่งผลประโยชน์ที่เหมาะสมให้กับรัฐ และเจ้าของที่ดินบริเวณโดยรอบสถานี ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาที่ดินที่สูงขึ้น จะต้องถูกเรียกเก็บภาษี CAPITAL GAIN TAX ในส่วนของราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่สูงขึ้น โดยอาจจะให้แบ่งชำระ 3-5 ปี เพื่อความเป็นธรรม เพราะว่ารัฐใช้เงินงบประมาณแผ่นดินของผู้เสียภาษีทั้งประเทศมาทำโครงการรถไฟฟ้า แล้วชาวบ้านห้างร้าน รวมไปถึงธุรกิจเอกชน โดยรอบๆสถานี ซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็กๆกลับได้ประโยชน์ไป ซึ่งมันไม่ยุติธรรม แต่เพื่อไม่เป็นภาระที่หนักเกินไป กรณีที่เจ้าของที่ดินไม่มีเงินจะชำระได้จริงๆ รัฐบาลอาจจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าว บวกกับเงินเพิ่ม โดยเริ่มคิดหลังจากผ่านพ้นระยะเวลาที่ผ่อนผัน 3-5 ปี ดังกล่าว แต่ค่าปรับอาจจะอนุโลมไม่คิด มิฉะนั้นอาจจะดูโหดไปหน่อย ตอนที่มีการซื้อขาย หรือ โอน เปลี่ยนมือ โดยส่งข้อมูลไปที่กรมที่ดินให้รับทราบ และเป็นตัวแทนในการเรียกเก็บ ดังนี้แล้วรัฐบาลก็จะสามารถประหยัดงบประมาณลงไปได้อีกพอสมควร เผลอๆอาจจะได้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 1 สาย โดยใช้งบประมาณเท่าเดิม รถไฟรางคู่ทั่วประเทศ รถไฟฟ้าอีกหลายๆสาย เพื่อทำให้ NETWORK  ของการเดินทางในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ) ทั่วถึงกัน ทำให้การเดินทางสะดวก มูลค่าที่ดินที่อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าก็จะมีราคาสูงขึ้น ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของประเทศไทยสูงขึ้นตามไปด้วย   

               สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชมรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งผมไม่เห็นรัฐบาลชุดไหนทำมาก่อน ก็คือการจัดระเบียบทางเดินเท้า แต่เดิม กทม. และเทศกิจปล่อยปะละเลยให้พวกหาบเร่แผงลอย นำของมาขายบนบาทวิถี ถ้าเจ้าหน้าที่เทศกิจไม่ละเลยบกพร่องในหน้าที่ก็คงจะต้องไล่ตั้งแต่วันแรกๆที่พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เริ่มมาขายของ แต่นี่ปล่อยปละละเลย จนพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้รากงอก จากรากฝอยกลายเป็นรากแก้ว ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจบางคนเก็บเงินใต้โต๊ะหรือเปล่า เพราะแม่ค้าบางรายบอกว่ามีคนมาเก็บค่าที่ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่ทราบแต่การละเลยหน้าที่แบบนี้ทำไม กทม. ที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยไว้แบบนี้ พอจะไล่ที่เพื่อคืนทางเท้าให้คนเดินถนน ก็ลำบาก อย่างเช่นคราวที่ขับไล่หาบเร่แผงลอยบริเวณสยามสแควร์ เมื่อหลายปีก่อนไม่สำเร็จ กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมาย พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เสียภาษีเสียด้วยซ้ำ แถมยังมีรายได้สูงกว่าพนักงานออฟฟิศหลายๆคนเลย ทั้งๆที่พนักงานเหล่านี้มีรายได้ต่ำกว่า แต่ต้องเสียภาษี ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากเอาเปรียบสังคมโดยยึดพื้นที่ส่วนรวมมาเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าของตน นี่ยังไม่นับพวกรถเข็นขายอาหารที่ขายเสร็จทำบาทวิถีสกปรก แล้วก็ไม่ทำความสะอาด ปล่อยให้เจ้าหน้าที่กทม. ซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนมาทำความสะอาดให้ ทางเท้าที่กว้างขนาด 8-12 คนเดินสวนกันได้สบายๆแบบสยาม หรืออโศก กลับต้องมาเดินเบี่ยงกัน เมื่อเดินสวนกันในยามค่ำคืนที่พวกคนเห็นแก่ตัวไม่กี่คน จนบางครั้งคนต้องลงมาเดินบนถนนแทน เสี่ยงตายจากรถราที่วิ่งผ่านไปมา เราจะปล่อยกันแบบนี้อีกเหรอครับ ที่ประเทศจีนผมเห็นกับตาเลย ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐขับรถมาจอดแล้วยกรถเข็นเหล่านี้ขึ้นรถไปเลย ไม่สนใจพ่อค้าแม่ค้าที่ร้องห่มร้องไห้ บางครั้งเราต้องจัดหนักๆครับ กับคนที่เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงส่วนรวม แล้ววันหนึ่ง ประเทศไทยเราจะเหมือนสิงคโปร์ ที่ไม่มีหาบเร่แผงลอยมายึดพื้นที่ทางเดินเท้าไว้ขายของ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรณรงค์ไม่ซื้อสินค้า และบริการที่นำมาขายบนทางเท้า และหวังว่าท่านนายกจะสั่งการพื้นที่ที่เหลือไม่ว่าจะเป็น สยาม สุขุมวิท อโศก ห้วยขวาง ฯลฯ ที่มีการวางของขายระเกะระกะกันอยู่ เพราะพวกพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ หลายๆคนไม่ได้ยากจนจริงๆ เนื้อที่หมดแล้ว ไว้อ่านต่อในบทความหน้ากันครับ
 
กิติชัย เตชะงามเลิศ
       13/4/59


อ่าน -รัฐใช้งบประมาณอย่างไรให้คุ้มค่า ตอนที่ 1 ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2016/04/1.html
   



1.หนังสือ "จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร" เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ
2.หนังสือ "ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน" แนะวิธีออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
     หรือ

1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า A10 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.นิตยสาร Condo Guide ทุกเดือน
4.นิตยสาร คนรวยหุัน  Me(Market Evolution) และ วารสารเภตรา ทุกไตรมาส
5. http://www.amthai.co.uk เดือนละครั้ง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น