จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หรือหมีมาเยือน

หรือหมีมาเยือน

          ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลก ดูจะมีการปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้ไปทำจุดสูงสุดของปี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แล้วหมีก็มาตะปบกระทิงเปลี่ยวจนอยู่หมัด หลังจากท่านประธานเฟค เบน เบอร์นันเก้ ออกมากล่าวว่าอาจจะมีการลด หรือยกเลิกมาตรการ QE ถ้าตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นจนถึงระดับที่น่าพอใจ นั่นคือตัวเลขว่างงานของคนอเมริกันต่ำกว่า 6.50% หรือตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งเกิน 2.50% ทำให้ตลาดพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ และญี่ปุ่นพุ่งขึ้นทันทีโดยพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ขึ้นจาก 1.90% เป็น 2.24% และพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 10 ปี จาก 0.90% ขึ้นไปเป็น 1% และพันธบัตร 30 ปี จาก 1.78% ขึ้นไปเป็น 1.88% ตลาดหุ้นก็ตกลงทันที โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นตกลง 7% ภายในวันเดียวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม แล้วลงต่อเนื่องมา ประมาณ 10% แล้วจากสุดสูงสุด เนื่องจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปีขึ้นมาแรงมากประมาณ 50% จึงปรับตัวมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ตลาดหุ้นไทยเราเองจากต้นปีขึ้นมา 258 จุด คิดเป็น 18.53% ก็พลอยปรับตัวลงไปแล้ว 6% จากต้นปี ตลาดหุ้นเราก็ขึ้นมา 18.53% จากปีที่แล้วถ้าวัดจากจุดสูงสุดของปีนี้ เราลองมาดูปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในช่วงนี้มีอะไรบ้าง
          1) คำแถลงของท่านเบน เบอร์นันเก้ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
          2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐและญี่ปุ่นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วยังทำให้มีการวิเคราะห์กันว่า นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อมาชดเชยขาดทุนจากตลาดพันธบัตร และต้นทุนในการทำ YEN CARRY TRADE ก็สูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เงินที่จะไหลเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดเอเชียรวมทั้งตลาดไทยจะลดลง
          3) แรงขายจากต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิในตลาดไทยมากกว่า 1 หมื่นล้านและขายในตลาดตราสารหนี้ เป็นจำนวนถึง 26,000 ล้านบาท ค่าเงินบาทอ่อนลง
          4) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ การว่างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10,000 รายสู่ระดับ 354,000 ราย ตรงข้ามกันที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่เพียง 340,000 ราย
          5) นักลงทุนยังกังวลมาตรการคุมเงินทุน (CAPITAL CONTROL)
          6) อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปต. จาก 2.75% ลงไป 0.25% มาอยู่ที่ 2.50% จริงๆ แล้วเป็นผลดีกับตลาดหุ้น แต่ตลาดได้คาดการณ์ข่าวนี้ไปก่อนแล้ว
          7) อัตราการเติบโตของ GDP ไตรมาส 1 ประกาศออกมาที่ 5.30% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 6% ทำให้สภาพัฒน์ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้อยู่ที่ 4.30-5.30% จากเดิม 4.50-5.50%
          8) ตัวเลขส่งออกเดือนเมษายน จากเดิมที่ประกาศไว้ว่าโต 10.52% ก็ถูกแก้เป็น 2.89% เพราะว่าทางศุลกากรลงตัวเลขส่งออกไปฮ่องกงผิด คือลงไว้โต 176.60% ซึ่งที่จริงโตเพียง 12.50% เกิดจากคีย์ข้อมูลรายการสินค้าส่งออกอิเล็คทรอนิคส์ จำนวน 1 รายการ มูลค่า 300,000 บาทแต่เจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลเป็น 30,000 ล้านบาท จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน ถ้ากรมศุลกากรทำผิดพลาดแบบนี้อีกความเชื่อถือจะถูกสั่นคลอน ต่อไปควรจะระวังให้มากขึ้น
          9) สศค. คาดการณ์ว่าไตรมาส 2 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่ำกว่าไตรมาสแรก หากเป็นเช่นนั้น จะทำให้เศรษฐกิจไทย 2 ไตรมาสแรก ขยายตัวติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อ GDP ของไทยปีนี้
          10) ตัวเลขการบริโภคภายในประเทศ ไตรมาส 1 โตเพียง 3.20% เทียบกับปีที่แล้วโตถึง 6.80% ถ้าแนวโน้มไตรมาสที่เหลือยังเป็นแบบนี้ ก็น่าเป็นห่วงนะครับ
          11) นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเดือนเมษายน 2 ล้านคน ขยายตัว 19.40% นับว่าดีกับภาคการท่องเที่ยวที่เดียว
          12) ยอดขายรถยนต์นั่งเดือนเมษยนขยายตัวลดลงเหลือ 22.92% จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ถึง 101.30% และ 268.80% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ช่วงนี้เราจะเห็นดีลเลอร์รถยนต์หลายยี่ห้อ จัดโปรโมชั่น แค่ลองไปทดลองขับรถก็แจกคูปองซื้อสินค้า 500 บาทแล้ว ยอดทิ้งใบจองรถโครงการรถคันแรกมีจำนวนค่อนข้างสูง นักลงทุนที่ลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ ก็ต้องระวังหน่อยนะครับ
          13) ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเดือนเมษายนที่ผ่านมาลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน มาอยู่ที่ 73.90%
          14) อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนพฤษภาคมค่อนข้างต่ำคือ HEADLINE INFLATION เพิ่มขึ้น 2.27% YOY หรือ 0.24% MOM และ CORE INFLATION (ไม่รวมหมวดอาหารและเครื่องดื่ม) เพื่มขึ้นเพียง 0.94% YOY หรือ 0.05% MOM ทำให้ HEADLINE INFLATION 5 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.8% YOY และ CORE INFLATION เพิ่มขึ้น 1.3% YOY ซึ่งเกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทและการควบคุมราคาของรัฐโดยเฉพาะภาคพลังงาน และการขนส่ง การที่เงินเฟ้อต่ำทำให้ ธปท.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำไว้ได้อีกระยะหนึ่ง
          15) นักลงทุนทั่วโลกรอฟังคำแถลงของท่านเบน เบอร์นันเก้ ในวันที่ 18-19 มิถุนายน โดยเฉพาะเรื่องมาตรการ QE ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่และเมื่อใด

          16) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคม ของจีนออกมาดีกว่าคาดอยู่ที่ 50.8 จุดจากเดือนเมษายนที่ 50.6 จุด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ส่วนอินเดียไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง 4.80% เป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำกว่า 5% 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้วเราคงจะได้เห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดียในเร็วๆ นี้ ดูรวมๆ แล้วตลาดหุ้นไทย เดือนมิถุนายนนี้ โอกาสที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นแรงๆ ไม่น่าจะเห็นมี ส่วนโอกาสที่จะปรับตัวลงแรงๆ ก็ไม่น่าจะมี เช่นกัน แนวรับตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 1,500 จุดบวกลบครับ ผมคิดว่า นักลงทุนควรจะทยอยเลือกซื้อหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดี ได้แล้วครับ โดยให้น้ำหนักลงทุนมากหน่อย บริเวณ 1,500 จุดครับ

                                   กิติชัย เตชะงามเลิศ
หนังสือ "จาก 1 ล้านเป็น 500 ล้าน ผมทำอย่างไร" ยอดขายขื้นอันดับหนื่งตั้งแต่วันแรกจำหน่ายและครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานาน

ติดตามแนวทางการลงทุนของผมได้ที่
https://www.facebook.com/VI.Kitichai , http://twitter.com/value_talk , http://www.youtube.com/user/wittayu9 และ http://kitichai1.blogspot.com

รายการถอดระหัสหุ้น ทุกวันจันทร์ และ วันศุกร์ เวลา 9.00-9.45 น. ทาง Truevisions(Platinum/Gold) ช่อง 87, Truevisions(Knowledge) ช่อง 53, PSI ช่อง 24, IPM ช่อง 313, GMM Z ช่อง 64, Big 4 ช่อง 90, Sunbox ช่อง 105 หรือ www.hplus.co.th
หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หรือหน้า B10 และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Stock Review, Me(Market Evolution), Glow และ Lisa  ทุกเดือน
    

สนใจซื้ออสังหาเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ลองเข้า http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

        ขายที่ดินในหมู่บ้านวินด์มิลล์ แปลงหัวมุม สวยมาก ด้านหลังติดทะเลสาบ เฟส2 เลขที่ F143 ซอย NORTH 11 พื้นที่ 333 ตารางวา  ม.14 ถ.บางนา-ตราด กม.10.5 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี  จังหวัดสมุทรปราการ10540 หน้ากว้าง 30 เมตร ยาว 45 เมตร โดยประมาณครับ
เข้าออกได้ 2 ทาง
1. ถนน บางนา ตราด กม.ที่ 10.5 ใกล้ถนนวงแหวนรอบนอก
2. ถนน กิ่งแก้ว ซอย11 และ ซอย21
ราคา วาละ 35,000 บาท
ด้านหน้า และ ด้านข้างที่ดินแปลงนี้ติด ถนนโครงการ ด้านหลังติดทะเลสาบ, โครงการมีสนามกอล์ฟ, สนามเทนนิส, สระว่ายน้ำและสโมสรสมบูรณ์แบบ อยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ABAC2 ราม2 ม.หัวเฉียว 2 โรงพยาบาล และห่างจากสนามบินหนองงูเห่าเพียง 5 ก.ม. พร้อมเพื่อนบ้านมีระดับ อาทิเช่น คุณ ธนินทร์ เจียรวนนท์ เป็นต้น

กทม.จะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดรองระบบรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบาสายบางนา-สุวรรณภูมิ เชื่อมต่อ BTS บางนา  มีระยะทางประมาณ 18.3 กิโลเมตร คาดเริ่มก่อสร้างปี 2558 ระยะเวลา3 ปี ใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท 

e-mail :  gid1998@gmail.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น