จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ประสบการณ์ในการลงทุนอสังหาของผม (ตอนที่ 2)

ประสบการณ์ในการลงทุนอสังหาของผม (ตอนที่ 2)

•รายได้แค่เดือนละ 15,000 บาท คุณสามารถเป็นเจ้าของคอนโดหรูย่านสุขุมวิทได้!
•ออมเงินเพียงเดือนละหลักพัน ก็เป็นเศรษฐี 100 ล้าน ก่อนอายุ 50 ปี!
    รายละเอียดอยู่ในหนังสือ"ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน"ซึ่งวางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป(ร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด B2S คิโนะคุนิยะ)แล้วครับ

          เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนค้างถึงช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไทยตกต่ำย่ำแย่สุดๆ จนทั่วโลกกล่าวขานว่าเป็นวิกฤตต้มยำกุ้ง ตามชื่ออาหารไทยที่เป็นที่รู้จักดีของชาวต่างชาติ ผมยังจำได้ดีว่า ช่วงนั้นเป็นวิกฤตชีวิตที่หนักที่สุดครั้งที่ 2 หลังจากวิกฤตครั้งแรกที่ผมต้องสูญเสียคุณพ่อ คุณแม่และน้องสาวอีก 1 คน อันเป็นสุดที่รักของผม เมื่อช่วงที่ผมมีอายุเพียง 12 ปี  ซึ่งทำให้ผมต้องออกจากโรงเรียน แล้วมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าในช่วงกลางวัน แล้วไปเรียนกวดวิชาตอนเย็น เพื่อสอบเทียบม.ต้น และม.ปลายส่งเสียตัวเองจนผมจบปริญญาโท  วิกฤตชีวิต 2 ครั้งนั้นต่างก็มีผลกระทบต่อชีวิตผมอย่างมาก แต่ผมก็สามารถฟันฝ่าวิกฤตเหล่านั้นไปได้ด้วยดี แม้วิกฤตที่ 2 จะสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับผมในช่วงหลายๆ ปีนั้นโดยผมใช้วิธีการแบบหักดิบในการแก้ไขสถานการณ์ครั้งนั้น ในช่วงนั้นผมมานั่งทบทวนและรวบรวมว่าตัวเองมีสินทรัพย์และหนี้สินอะไรบ้าง ก็ปรากฏว่าผมมีคอนโดที่ผมซื้อไว้สำหรับตัวผมเองและพี่ชาย อาคารพาณิชย์ที่ใช้ค้าขายเสื้อผ้า รถยนต์ 2 คัน (ของผมและพี่ชายคนละคัน) หุ้นกู้และเงินสดนิดหน่อยรวมทั้งหุ้นที่อยู่ในบัญชีมาร์จิน ซึ่งผมใช้เงินกู้เป็นจำนวนมาก ประกอบการภาวะที่ตลาดหุ้นตกต่ำลงอย่างมาก ทำให้พอร์ตการลงทุนผมขาดทุนมหาศาล ผมจำได้ว่า มานั่งคำนวณดูว่าถ้าจะล้างหนี้มาร์จินต้องขายหุ้นออกไปประมาณ 70-80% ของพอร์ต ทั้งๆ ที่หุ้นแต่ละตัวลงมาต่ำติดดินแล้ว ซ้ำยังคอนโดที่ผมอาศัยอยู่ ผมก็กู้ธนาคารด้วย ช่วงนั้นผมอยู่ในภาวะ High Leverage คือมีหนี้ค่อนข้างมาก แต่ไหนแต่ไรผมเป็นคนที่ลงทุนแบบ Aggressive ทั้งหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ผมใช้สินเชื่อเป็นส่วนใหญ่ พอเจอวิกฤตก็เลยมีอาการสาหัสกว่าคนอื่นเขามาก ผมตัดสินใจขายหุ้นออกไป 80-90% ของพอร์ตพร้อมกับตัดใจขายรถยนต์ที่ผมใช้ขับขี่อยู่ เพื่อเป็นการลดภาระหนี้ทั้งๆ ที่รถยนต์คันนี้เป็นความฝันของผมตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ ที่อยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อนี้ แต่ผมมองว่า
1. ผมได้ Fulfill ความฝันไปแล้ว
2.รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่เสื่อมมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด คือ ผมไม่ควรจะซื้อรถคันนี้เลยตั้งแต่ต้น เพราะว่าผมขาดทุนจากการขายรถคันนี้ไปล้านกว่าบาทซึ่งเป็นบทเรียนที่ผมไว้เตือนใจตลอดเวลาว่าจะไม่ซื้อทรัพย์สินที่เสื่อมมูลค่าที่มีมูลค่าสูงๆ อีกเป็นอันขาด
3. เพื่อเป็นการลดภาระหนี้ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งในช่วงนั้นผมยังมองไม่ออกว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวเมื่อไหร่ แต่ผมรู้แน่ๆ ว่าเศรษฐกิจต้องฟื้นแน่ ตามวัฎจักรเศรษฐกิจที่ผมได้ร่ำเรียนมา
4. คอนโดที่ผมอยู่ เป็นคอนโดใจกลางเมืองติดกับรถไฟฟ้า 2 ระบบ และสถานที่ที่ผมมักจะไปทำธุระ ส่วนใหญ่ผมก็สามารถใช้รถไฟฟ้าไปได้เกือบทั้งนั้น นานๆ ถึงจะไปสถานที่ที่รถไฟฟ้าไปไม่ถึง ผมก็สามารถใช้บริการ TAXI หรือกระทั่งรถเมล์ก็ได้
หลังจากขายหุ้นและรถยนต์คันโปรดออกไป ทำให้ผมเหลือสภาพคล่องที่พอให้ผมและพี่น้องมีเป็นค่าใช้จ่ายได้อีกหลายปี เพื่อรอวันที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้วค่อยๆ เรียกสมบัติที่ผลัดกันชมกลับมาอีกครั้ง แต่เคราะห์กรรมยังไม่จบไม่สิ้น หุ้นกู้และหุ้นกู้แปลงสภาพที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ผมซื้อลงทุนไว้ก็เกิดการ Default ทำให้ผมต้องขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก เพราะว่าในขณะที่ผมซื้อหุ้นกู้เหล่านี้ บริษัทก็กำลังขยายตัว ราคาหุ้นก็ขึ้นเป็นว่าเล่น ผมไม่คาดคิดเลยว่าบริษัทเหล่านี้จะเจ๊ง ผมเตยคิดว่าถ้าบริษัทมีเงินไม่พอก็น่าจะสามารถระดมทุนจากตลาดหุ้นได้ เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่เจ็บปวดเช่นกัน

ในช่วงนั้นญาติผมคนหนึ่งก็ประสบปัญหาหนี้สินเช่นกันน ผมก็ได้แนะนำให้เขาขายรถยนต์ทิ้งให้เหลือเพียงคันเดียวที่เอาไว้ใช้ส่งของ และขายสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้ไม่มีหนี้ แต่เขาไม่เชื่อผม จนในที่สุดต้องล้มละลายไป การเกือบจะล้มลงคราวนั้นของผมได้ให้คติเตือนใจผมว่าการที่ใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนในสัดส่วนที่มาก เป็นเหมือนดาบ 2 คม ในภาวะที่เศรษฐกิจดีก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและเร็วแต่ในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำก็สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล บางครั้งอาจจะทำให้ทรัพย์สินที่อุตสาห์สร้างเนื้อสร้างตัวมามลายหายไปได้ และถ้าตัดสินใจผิดพลาดอาจจะกลายเป็นคนที่มีหนี้สินล้นพันตัวได้ เนื้อที่หมดแล้วเอาไว้อ่านต่อตอนที่ 3 สัปดาห์หน้าครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
                                                                                          24/09/57


ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่ 

Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter     : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog         : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9 
Google+  : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
Linkedin   : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
Pinterest   : http://www.pinterest.com/kitichai/


 หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6  และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, L'Optimum และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น