จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

ผลตอบแทนของหุ้น (ตอนที่ 2)



                                      ผลตอบแทนของหุ้น (ตอนที่ 2)

             บทความที่แล้ว ผมได้พูดถึงผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ไทยตั้งแต่สิ้นปี 2557 จนถึงต้นปี 2559 แล้วได้ลงไปถึงกลุ่มพลังงานที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับนักลงทุนในกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก ล่าสุดมีข่าวการฆ่าตัวตายของนักลงทุนในตลาดหุ้น จากความเครียดที่ประสบผลขาดทุนอย่างมาก นับเป็นอุทาหรณ์เตือนใจนักลงทุนท่านอื่นๆ ให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง ต้องศึกษาวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวที่จะลงทุนเป็นอย่างดี และควรจะกระจายการลงทุนในหลายๆอุตสาหกรรม ดังโบราณเขาว่า ไม่ควรเอาไข่ใส่ในตระกร้าใบเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ควรจะมีการทำ ASSET ALLOCATION ให้ดี โดยจัดแบ่งสรรปันส่วนเงินลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท นอกจากหุ้นแล้วยังมีอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ตราสารหนี้ ถ้ามีเงินลงทุนมาก ก็อาจจะกระจายการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และตราสารหนี้ต่างประเทศด้วยยิ่งดี เพราะว่าบางช่วงเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่ำ โดยเฉพาะช่วงหลังๆนี้ NEW NORMAL ของการเติบโต GDP บ้านเรา โอกาสที่จะเห็น 4% นี้ยากมาก โดย GDP ของไทยเราอยู่อันดับโหล่ๆของ ASEAN  เลยทีเดียว ดูเหมือนเราจะกลายเป็นคนป่วยของ ASEAN จริงๆ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนต่างประเทศ โดยเลือกตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่สิ่งหนึ่งที่พึงระวังก็คือ มีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเวลาแลกกลับมาเป็นเงินบาท อาจจะเหลือกำไรไม่มากก็ได้ ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เราไปลงทุนในสินทรัพย์ของประเทศนั้นๆ
            เรากลับมาดู SECTOR อื่นๆที่ทำให้ SET INDEX ตกลงมาถึง 14% กันดูว่า นอกจากกลุ่มพลังงานที่พูดไปเมื่อบทความที่แล้ว ยังมีกลุ่มธนาคารเมื่อสิ้นปี 2557 ปิดที่ 595.17 แล้วลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 400.37 เท่ากับดิ่งลงไป 194.80 คิดเป็น 32.73% ลงหนักกว่ากลุ่มพลังงานเสียอีก เพราะว่ากลุ่มพลังงานลงไปแค่ 29.05% ทั้งๆที่ราคาน้ำมันลดกระหน่ำซะขนาดนั้นก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าปีที่ผ่านมา NPL ของกลุ่มธนาคารสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท สหวิริยาสตีล จำกัด (SSI)  ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นหนี้ประเภท NPL ไปเรียบร้อยทำให้เจ้าหนี้อย่าง SCB ,KTB และ TISCO มีหนี้ NPL สูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ากระทั่ง KBANK ที่ไม่ได้ปล่อยกู้ให้กับ SSI ก็ยังมีหนี้ NPL สูงขึ้นมาติดอันดับ TOP 3 เสียด้วย  น่าจะเป็นเพราะว่าภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ลูกหนี้มีรายได้ไม่พอที่จะส่งหนี้ให้กับสถาบันการเงิน ก็อย่างที่เรารู้กันว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยปัจจุบันย่ำเข้าไปกว่า 80% สูงเป็นอันดับ 2 ของ ASEAN เป็นรองก็เพียง มาเลเซีย เท่านั้น ยิ่งปีที่ผ่านมา ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ ภาคส่งออกติดลบ การบริโภคภายในประเทศไม่ค่อยดี ภาคที่ยังพอเติบโตได้ดีก็คือ ภาคการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สายการบิน สนามบิน ล้วนแต่ได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ลดลงมาอย่างมาก และปริมาณนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุด วันก่อนผมได้ไปเดินที่ DUTY FREE SHOP ปรากฎว่า ประมาณ 90 กว่า% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เหลือเป็นคนไทย และ ชาวเอเชียชาติอื่นๆ ไม่เห็นชาวตะวันตกแม้แต่คนเดียวเลย นี่ถ้าเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย DUTY FREE เหล่านี้คงต้องเลิกกิจการเป็นแน่ ภาคบริการที่ยังดีอยู่ก็คือโรงพยาบาล จากงบการเงินที่ประกาศออกมา รวมทั้งประมาณการของ ANALYSIS CONSENSUS ยังแสดงให้เห็นการเติบโตของธุรกิจนี้
            เนื้อที่หมดแล้วไว้บทความหน้า ผมจะมาพูดถึง SECTOR ต่อไปที่มีผลทำให้ SET INDEX ตกถล่มทลาย อย่าลืมติดตามอ่านกันครับ


กิติชัย เตชะงามเลิศ
        28/1/59



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน 
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น