จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เศรษฐีกับรากหญ้า…คนละชนชั้น?(ตอนที่ 1)


                 เศรษฐีกับรากหญ้า…คนละชนชั้น?(ตอนที่ 1)


                  ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนในโลกนี้ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศด้อยพัฒนา  หรือแม้กระทั่งประเทศที่เป็นระบอบประชาธิปไตย หรือประเทศที่เป็นระบอบคอมมิวนิสต์ อย่างเช่นประเทศจีนหรือรัสเซีย ล้วนแล้วแต่มีปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ซึ่งถ่างกว้างมากขึ้นไปเรื่อยๆ   ผมเพิ่งกลับจากการไปเที่ยวประเทศอังกฤษเป็นเวลา 28 วัน ในช่วงระยะเวลานั้น  สิ่งที่ผมสังเกตเห็นอยู่เสมอ ก็คือกลุ่มคนที่เรียกว่า homeless  หรือพวกคนที่ไร้บ้านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุ รวมทั้งคนวัยหนุ่มสาวอยู่บ้างพอสมควร โดยจะพบเห็นได้เกือบทุกเมืองที่ผมไปเที่ยว โดยเฉพาะบริเวณหน้าทางเข้าร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต  ดูคนอังกฤษก็เอื้ออาทรกับคนกลุ่มนี้อยู่บ้างพอสมควร เห็นได้จากการที่เดินเข้าไปถามว่าอยากจะดื่มอะไรไหม หรือทานอะไรไหม  และที่สะดุดตาอย่างยิ่งก็คือ homeless บางราย  มีสุนัขข้างกาย พร้อมทั้งถุงใส่อาหารสุนัขขนาดใหญ่อยู่ข้างลำตัวด้วย  เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าคนอังกฤษนิยมเลี้ยงสุนัข และเวลาไปเดินสวนสาธารณะ จะพบเห็นผู้คนเดินจูงสุนัขอยู่มากมาย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากคือ เขาจะติดป้ายบอกว่าให้สุนัขเดินนำหน้าคนจูง เพื่อที่จะให้คนจูงสามารถจะเห็นได้ว่า สุนัขของตนมีการแวะถ่ายอุจจาระหรือเปล่า เพื่อจะได้ทำความสะอาดทันที เพราะมิฉะนั้นถ้าถูกเจ้าหน้าที่พบเห็นและจับได้ ก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินที่สูง จึงทำให้ถนนหนทางในเมืองต่างๆของประเทศอังกฤษ ไม่เห็นมีอุจจาระสุนัขเรี่ยราดอยู่ตามถนนหรือในสวนสาธารณะก็ตาม

                 กลับมาที่ประเทศไทยเรา  มีข่าวว่าทางสถาบันคุ้มครองเงินฝาก(สคฝ.)  เตรียมที่จะขยับลดความคุ้มครองเงินฝาก ให้เหลือเพียง 10 ล้านบาท ในวันที่ 11 สิงหาคม 2561 จากปัจจุบันที่คุ้มครองไม่เกิน 15 ล้านบาท และหลังจากวันที่ 11 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป จะคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียงบัญชีละ 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน ดูแล้วเหมือนกับว่าจะเป็นทุกข์ของเศรษฐี พอดีหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ได้ทำตารางแสดงปริมาณเงินฝาก แยกตามขนาด ณ เดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งแสดงให้เห็นตามภาพที่ 1


                                         ภาพที่ 1 : ตารางแสดงปริมาณเงินฝาก แยกตามขนาด ณ เดือนสิงหาคม 2560

           
                     จากภาพจะเห็นได้ว่าในบัญชีที่มีเงินฝาก

1. ไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยจะพบว่า จะมีปริมาณเงินฝากเฉลี่ยเท่ากับ 7,691 บาทต่อบัญชี
2. เกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยจะพบว่า มีปริมาณเงินฝากเฉลี่ยเท่ากับ 310,593
    บาทต่อบัญชี
3. เกิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 25 ล้านบาท เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยจะพบว่า มีปริมาณเงินฝากเฉลี่ยเท่ากับ 3,212,448
    บาทต่อบัญชี
4. เกิน 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยจะพบว่า มีปริมาณเงินฝากเฉลี่ยเท่ากับ 47,071,399 บาทต่อบัญชี
5. เกิน 100 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 500 ล้านบาท เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยจะพบว่า มีปริมาณเงินฝากเฉลี่ยเท่ากับ 199,088,264 บาทต่อบัญชี
6. เกิน 500 ล้านบาทขึ้นไป เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยจะพบว่า มีปริมาณเงินฝากเฉลี่ยเท่ากับ 1,531,263,299 บาทต่อบัญชี

               ถ้าอนุมานว่าคนที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 25 ล้านบาทขึ้นไปเป็นเศรษฐี จะพบว่าในจำนวนเศรษฐี 43,463 คน หรือคิดเป็น 0.064% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด  มีจำนวนเงินฝากรวมกันแล้วทั้งหมด = 5,483,050 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.95% ของจำนวนเงินฝากทั้งหมด นี่ยังไม่นับว่าในจำนวนเศรษฐีดังกล่าว อาจจะฝากในนามสามีภรรยาและบุตรหลานของตระกูลเดียวกันรวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ก็คงมีเศรษฐีบางกลุ่มที่มีทรัพย์สินเกิน 25 ล้านบาท อาจจะไม่ได้ฝากธนาคาร แต่อยู่ในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น หุ้น ที่ดิน ตราสารหนี้ เป็นต้น จึงนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่ถ่างกว้างมากๆ ระหว่างคนรวยและคนจน

               และถ้าเราอนุมานว่าคนที่มีบัญชีเงินฝากระหว่าง 1 ล้านบาทถึง 25 ล้านบาทเป็นชนชั้นกลาง จะพบว่า  มีจำนวน1,389,250 คน หรือคิดเป็น 2.04% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมดซึ่งนับว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นี่ยังไม่นับรวมว่าบุคคลเดียวกัน แต่อาจจะมีบัญชีเงินฝากมากกว่า 1 บัญชีด้วยซ้ำ  เมื่อรวมชนชั้นกลางกับกลุ่มที่เป็นเศรษฐี จะมีเพียง 2.104% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมดเท่านั้น เมื่อเห็นตัวเลขเหล่านี้แล้ว ก็คงได้แต่ส่งความห่วงใยไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดลงมาดูแล แล้วช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนให้ลดลงโดยไม่จำเป็นต้องทำให้คนรวย รวยน้อยลง เพราะไม่ใช่ความผิดที่เขารวย แต่ทำให้คนจนมีรายได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความขัดแย้งภายในสังคม น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกๆฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

อ่าน เศรษฐีกับรากหญ้า…คนละชนชั้น?(ตอนจบ

ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/06/blog-post.html

กิติชัย เตชะงามเลิศ

     18/6/61

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

มายคอนโด สุขุมวิท 81 ขายพร้อมผู้เช่า ผลตอบแทนจากการเช่าดีมาก =7%/ปี เดิน 4 นาที จาก BTS อ่อนนุช เฟอร์ครบ ราคาต่ำสุด ๆ เพียง 2,400,000 บาท

     ห้องที่จะขาย  พื้นที่ 34.81 ตรม. 1 นอน 1 น้ำ  ที่จอดรถ 1 คัน ห้องสวย เฟอร์นิเจอร์ครบถ้วน ขายในราคา 2,400,000 บาท  พร้อมผู้เช่า 14,000 บาท/เดือน ครบกำหนด 22/8/61 ผลตอบแทนจากการเช่า =7%/ปี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น