กรุงเทพในอุดมคติของใครหลายๆคน
ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมมักจะเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศปีละ 2
ครั้งๆละประมาณร่วมเดือน
ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วผมไปเที่ยวประเทศไต้หวันและสหราชอาณาจักร ส่วนเมื่อเดือนที่แล้วผมไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์และสิงคโปร์
และทริปต่อไปของผมคือประเทศอินเดีย ซึ่งจะเดินทางในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะภาวนาว่า
สักวันหนึ่ง กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์
จะเป็นเมืองที่น่าอยู่เหมือนกับหลายๆเมืองที่ผมได้ไปเที่ยวมา
ผมสังเกตว่าประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับพิพิธภัณฑ์
โดยจะมีพิพิธภัณฑ์อยู่ค่อนข้างมาก และสิ่งของที่จัดแสดงโชว์ในพิพิธภัณฑ์
รวมทั้งวิธีการจัดแสดง ทำให้ผู้มาเยือนมีความรู้สึกประทับใจและอยากจะแวะกลับมาอีกครั้ง
อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์ในประเทศฝรั่งเศสซึ่งจะมีงานศิลปะอยู่มากมายและทุกครั้งที่ผมดีเยือนพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ก็จะเห็นคุณครูพานักเรียนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อยู่ทุกครั้งและทุกแห่งซึ่งเป็นการปลูกฝังความรู้และความชอบทางด้านศิลปะให้กับเด็กนักเรียนเหล่านี้จึงไม่แปลกใจว่า
ทำไมประเทศฝรั่งเศสจึงเป็นประเทศที่เป็นศูนย์รวมของแฟชั่น
สินค้าแบรนด์เนมต่างๆที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
หลายยี่ห้อเป็นสินค้าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส
ล่าสุดประเทศสิงคโปร์เองก็ได้นำอาคารเก่ามาดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์
และนำผลงานศิลปะจากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์เหล่านี้
รวมทั้งได้ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์สถานทั่วโลก
เพื่อที่จะมีการแลกเปลี่ยนหรือขอยืมผลงานศิลปะต่างๆมาจัดแสดง
ผมคิดว่ารัฐบาลควรจะจัดงบส่วนหนึ่งให้กับกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อมาปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ให้ดูน่ามาเที่ยวมากขึ้น
เพื่อที่คนไทยแทนที่จะไปเดินห้างในวันหยุด ก็มาใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์
ผมเห็นคุณคุณพ่อคุณแม่พาลูกๆมาเดินเที่ยวในพิพิธภัณฑ์เกือบทุกครั้งที่ผมไปเดินพิพิธภัณฑ์ในประเทศต่างๆ
และผมก็เห็นคุณพ่อคุณแม่พยายามอธิบายให้ลูกๆฟังเกี่ยวกับสิ่งที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เหล่านั้น
ซึ่งลูกๆก็ดูจะให้ความสนใจค่อนข้างมากเช่นกัน
นี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศเหล่านั้นเจริญกว่าประเทศของเรา
การใส่ใจเกี่ยวกับมลภาวะในเมืองต่างๆ โดยเฉพาะสิงคโปร์และสวิตเซอร์แลนด์
จะเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่งว่า
มีความพยายามทำให้เมืองต่างๆมีพื้นที่สีเขียวค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าประเทศสิงคโปร์ทำไมถึงถูกขนานนามว่าเป็น
Green City จริงๆแล้วกรุงเทพของเรามีพื้นที่สีเขียวอยู่หลายที่ที่ไม่ถูกนำมาปรับปรุงใช้เป็นสวนสาธารณะ
อย่างเช่นพื้นที่สีเขียวของการรถไฟที่นิคมมักกะสัน
เมื่อวานนี้ผมได้ขึ้นไปบนดาดฟ้าของคอนโดที่ผมซื้อไว้ตรงแถวอโศก-รัชดา
ผมเห็นพื้นที่สีเขียวอันกว้างใหญ่ผืนนั้นปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว
ดูช่างน่าเสียดายนำมาปรับปรุงใช้เป็นสวนสาธารณะตั้งแต่หลาย 10 ปีที่ผ่านมา
คนกรุงเทพก็จะมีปอดผืนใหญ่เพิ่มขึ้นอีกจุดหนึ่ง
สิงคโปร์มีเป้าหมายที่จะทำให้ทุกพื้นที่ในสิงคโปร์สามารถที่จะเดินไปใช้บริการรถไฟใต้ดินได้
ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะมีรถไฟใต้ดินอยู่หลายสายแล้วก็ยังมีโครงการที่จัดทำเพิ่มอีก
ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่รัฐบาลจะเก็บค่าภาษีสรรพสามิตกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือแก๊สทุกครั้งที่มีการต่อทะเบียนรถ
และควรเก็บในอัตราภาษีที่แพงและเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะรถยิ่งเก่ายิ่งปล่อยมลพิษมากขึ้น
เนื่องจากเป็นการเพิ่มมลพิษให้กับอากาศ และนำภาษีสรรพสามิตดังกล่าวมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าเท่านั้น
แต่ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า
และหรือรถยนต์ที่ไม่ปล่อยควันพิษ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนั้นควรจะเพิ่มการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
และชิ้นส่วนต่างๆที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น เพื่อดำรงศักยภาพให้ประเทศไทยยังคงเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียเหมือนเดิม
เรามีบทเรียนมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องการผลิตฮาร์ดดิสก์
ซึ่งหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงฐานการผลิตจากเดิมที่ไทยเคยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่าให้ Disruption ของวงการรถยนต์
ทำให้ประเทศไทยเราต้องตกหล่นจากเรด้าร์ของการเป็นฐานการผลิตรถยนต์แห่งเอเชียอีกเลย เมื่อมีรถไฟฟ้าเข้าถึงทั่วทุกที่
ปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวก็จะลดลง
รวมทั้งการเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันหรือแก๊สเป็นไฟฟ้า
ก็จะลดปัญหาเรื่องมลภาวะทางอากาศได้เป็นอย่างดี การเดินทางที่สะดวก
การเป็นเมืองสีเขียว การเป็นเมืองที่ไร้มลภาวะ และการมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ ล้วนแล้วแต่จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
แล้วกรุงเทพก็จะยังคงความเป็นอันดับหนึ่งของเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกไปได้อีกชั่วกาลนาน
กิติชัย เตชะงามเลิศ
22/6/61
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ณ
วรา เรสซิเดนท์ หลังสวน ขายดาวน์ยูนิตสุดสวย ชั้นเพนท์เฮ้าส์ ซื้อมาในรอบ VVIP
เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 3 นาที จาก BTS
ชิดลม
ห้องที่จะขายดาวน์
ห้อง ชั้น 8(ชั้นเพนท์เฮ้าส์ ) พื้นที่ 44.37 ตรม.1 นอน 1 น้ำ หันไปทางทิศเหนือ ชั้นนี้ มีสวนลอยฟ้า สระว่ายน้ำ และฟิตเนส วิวดี พร้อมเฟอร์นิเจอร์พรีเมียมครบชุด ตกแต่งสวยมาก ราคา 10,600,000 บาท
ห้อง ชั้น 8(ชั้นเพนท์เฮ้าส์ ) พื้นที่ 44.37 ตรม.1 นอน 1 น้ำ หันไปทางทิศเหนือ ชั้นนี้ มีสวนลอยฟ้า สระว่ายน้ำ และฟิตเนส วิวดี พร้อมเฟอร์นิเจอร์พรีเมียมครบชุด ตกแต่งสวยมาก ราคา 10,600,000 บาท
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ
ณ วรา เรสซิเดนท์ หลังสวน ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/8fp6fwrp4kiejzp/AABAbXTgEiPBXaYba4sV37Aaa?dl=0
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://thinkofliving.com/2016/02/24/navarang-press-navara/#QIelJ0rQfTXROa15.99
Navara Residence, 1B 1B, penthouse fl., fully furnished, 3 minutes walk from BTS
Chidlom, 44.37 sqm., only 10.60 million baht.
Down payment sales:
The unit is on 8th
fl.(penthouse fl.), 1B1B, fully
furnished, 44.37 sqm., balcony facing
north, only 10.60 million baht.
U can
download all of Navara Residence’s photo from
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น